เงินเฟ้อ เงินเฟ้อ เงินเฟ้อ ... ความกดดันด้านค่าครองชีพเป็นสิ่งที่กำลังอยู่ในใจของประชาชนทั่วประเทศ และเป็นหัวข้อของการอภิปรายที่เผ็ดร้อนในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งระดับสหพันธรัฐ
สถิติเงินเฟ้อล่าสุดที่สำนักสถิติแห่งออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยออกมาเมื่อวันพุธ ซึ่งชี้ถึงอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสิ่งต่างๆ ในหลายหมวดหมู่ในช่วงเวลาหนึ่งนั้น แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อประจำปีเพิ่มขึ้นเป็น 5.1 เปอร์เซ็นต์สำหรับไตรมาสเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี และพุ่งขึ้นจาก 3.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อสามเดือนก่อน
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Underlying inflation) ซึ่งตัดความผันผวนของราคาออกไป และมีความสำคัญยิ่งกว่าต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนั้น ก็เพิ่มขึ้นจาก 1.4 เปอร์เซ็นต์ เป็น 3.7 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
นับเป็นครั้งแรกที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางแห่งออสเตรเลียที่ระหว่าง 2-3 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ต้นปี 2010
ต่อไปนี้คือผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ:
มันส่งผลต่อราคาอาหารอย่างไร?
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าราคาอาหารที่เปรียบเทียบเป็นรายปีเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี
สถิติจากเอบีเอส (ABS) ที่เปิดเผยเมื่อวันพุธแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อประจำปีพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2001 โดยราคาอาหารเพิ่มขึ้น 4.3 เปอร์เซ็นต์ในช่วงหนึ่งปีจนถึงเดือนมีนาคม และเพิ่มขึ้น 2.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้น
จากการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจการเกษตรจากราโบแบงก์ (Rabobank) กล่าวว่า ราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นนั้นเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011
คุณไมเคิล ฮาร์วีย์ นักวิเคราะห์อาวุโสของราโบแบงก์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมการปลูกพืชสวนเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้อาหารขึ้นราคา โดยราคาผักเพิ่มขึ้น 6.6 เปอร์เซ็นต์ และผลไม้มีราคาสูงขึ้น 4.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่เนื้อวัวมีราคาเพิ่มขึ้น 7.6 เปอร์เซ็นต์
“ราคาเนื้อสัตว์ ราคาอาหารทะเล และราคาผลิตภัณฑ์นมที่สูงขึ้น ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นในไตรมาสนี้” คุณฮาร์วีย์ กล่าว
ราโบแบงก์พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของราคาสิ่งต่างๆ เป็นวงกว้างทั่วทั้งอุตสาหกรรมอาหาร โดยมีราคาเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ทั่วทั้งหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์หลักด้านอาหารสำหรับร้านขายของชำ
เอบีเอสตั้งข้อสังเกตว่า แรงผลักดันต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังการขึ้นราคาอาหารนั้น ยังรวมไปถึงการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่เกิดจากโควิด-19 ค่าขนส่งและค่าปุ๋ย อีกทั้งเหตุน้ำท่วมในรัฐนิวเซาท์เวลส์และควีนส์แลนด์ในช่วงไตรมาสเดือนมีนาคมก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบด้วยเช่นกันนอกจากนี้ คุณเชน โอลิเวอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอเอ็มพี แคปิทอล (AMP Capital) ยังชี้ว่าการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน เป็นตัวขับเคลื่อนหลักอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตสูงขึ้น
ดัชนีราคาผู้บริโภคไตรมาสเดือนมีนาคม Source: SBS
ขณะที่คุณสตีเวน เคน ผู้บริหารระดับสูงของโคลส์ กรุ๊ป (Coles Group) กล่าวว่า พนักงานและซัพพลายเออร์กำลังพยายามแก้ไขปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในห่วงโซ่อุปทาน แต่เขาคาดว่าความท้าทายเหล่านี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี
จนถึงขณะนี้ ในปีนี้ร้านซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือของบริษัทต่างๆ ประสบปัญหาการขาดแคลนพนักงานเนื่องจากโควิด-19 การขาดแคลนมี่จัดเก็บพาเลทขนส่งสินค้า (shipping pallets) ปัญหาในการหาคนขับรถที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเนื่องจากข้อจำกัดด้านการย้ายถิ่นฐาน และเหตุน้ำท่วมเป็นวงกว้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ที่กีดขวางการขนส่งทางรถไฟไปยังรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียและนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี และบีบให้ร้านซูเปอร์มาร์เก็ต 130 แห่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์และควีนส์แลนด์ต้องปิดชั่วคราว
“เท่าที่จำได้ ผมไม่เคยเห็นช่วงเวลาใดที่การหยุดชะงักจะเกิดอย่างกว้างขวางขนาดนั้น และนั่นเกิดขึ้นขณะเดียวกับช่วงการค้าขายที่คึกคักในช่วงคริสต์มาส ซึ่งห่วงโซ่อุปทานอยู่ภายใต้แรงกดดันอยู่แล้ว” คุณเคนกล่าวเมื่อเช้าวันพุธ (27 เม.ย.)
“และมันก็เป็นผลกระทบจากสิ่งต่างๆ มารวมกัน และนั่นต้องใช้เวลากว่าจะคลี่คลาย ไม่ใช่แค่ซัพพลายเออร์ของเราเท่านั้น แต่รวมถึงตลาดในวงกว้างด้วย”
ด้านวูลเวิร์ตส์ (Woolworths) ยังกล่าวอีกว่าแรงกดดันในห่วงโซ่อุปทานได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งสำหรับซัพพลายเออร์ และบริษัทกำลังดำเนินการเพื่อ "บริหารจัดการกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั่วทั้งอุตสาหกรรมอาหารและของชำ"
คุณโอลิเวอร์กล่าวว่า เมื่อผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมลดน้อยลง อาจมีแรงกดดันขาลงที่ทำให้ราคาผักและผลไม้ลดลง
ประเด็นด้านห่วงโซ่อุปทานจะคลี่คลายเมื่อโลกก้าวไปสู่การใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 คุณโอลิเวอร์ กล่าว
“หากเป็นเช่นนั้น ผู้คนจำนวนมากก็ไปเที่ยวพักผ่อน และผู้คนก็ใช้จ่ายเงินสำหรับสินค้าและบริการมากขึ้น” คุณโอลิเวอร์ กล่าว
"และในขณะเดียวกัน เราเริ่มเห็นผู้คนกลับไปทำงานเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การผลิตจึงจะกลับสู่ระดับปกติมากขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาคือ อุปทานจะเพิ่มขึ้นและนั่นจะช่วยควบคุมราคาได้"
มันส่งผลต่อที่อยู่อาศัยอย่างไร?
การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อหมายความว่า มีการคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย (RBA) จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินสดอย่างเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.1 เปอร์เซ็นต์
ตลาดการเงินได้คิดราคาเผื่อไว้แล้วสำหรับความเสี่ยงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (cash rate) จาก 0.15 เปอร์เซ็นต์เป็น 0.25 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคณะกรรมการอาร์บีเอประชุมกันในวันอังคารหน้า (3 พ.ค.) และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นอีกในไม่กี่เดือนข้างหน้า
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น คุณโอลิเวอร์กล่าวว่า เขาคาดว่าธนาคารต่างๆ จะส่งต่อดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างเต็มจำนวนให้แก่ลูกค้าธนาคารที่กู้เงินซื้อที่อยู่อาศัยภายใต้ข้อตกลงอัตราดอกเบี้ยผันแปร (variable rate home loans)
“เราคิดว่ามีโอกาสที่พวกเขา (อาร์บีเอ) อาจประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเป็น 0.4 เปอร์เซ็นต์ และหากเป็นกรณีนี้ ธนาคารต่างๆ จะส่งต่อดอกเบี้ยให้ผู้กู้ 0.4 เปอร์เซ็นต์” คุณโอลิเวอร์กล่าว
คุณต้องจ่ายเพิ่มแต่ละเดือนเท่าไรหากมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย Source: RateCity/ SBS News
หลังจากการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน คุณโอลิเวอร์กล่าวว่า ราคาบ้านจะเริ่มลดลง โดยเฉพาะหากมีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพราะประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านจะไม่มีอำนาจในการกู้ยืมเงินมากเท่าเดิม เหมือนกันช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ
รายงานราคาบ้านรายไตรมาสล่าสุดของโดเมน (Domain) กลุ่มบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อนหน้านี้เฟื่องฟูจะชะลอตัวลง โดยราคามัธยฐานของบ้านโดยรวมในนครหลวงทุกแห่งของออสเตรเลีย (combined capital median house price) นั้นเพิ่มขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสที่มีนาคม โดยน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับราคาที่เพิ่มขึ้น 6.3 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสเดือนธันวาคม 2021
ดร.นิโคลา พาเวลล์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและเศรษฐศาสตร์ของโดเมน กล่าวว่า ในขณะที่ในนครหลวงบางแห่ง เช่น บริสเบนและแอดิเลด ราคาบ้านเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่อัตราราคามัธยฐานของบ้านสำหรับทุกนครหลวงรวมกัน (combined capital median house price) เติบโต "ช้าลง 10 เท่า" ทั้งแบบไตรมาสต่อไตรมาสและแบบปีต่อปี
“นั่นแสดงให้เห็นว่าการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในออสเตรเลียกำลังชะลอตัว” ดร.พาเวลล์ กล่าว
เธอกล่าวว่า ราคาบ้านจะต้องลดลงอย่างมากกว่าจะถึงระดับก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด โดยราคามัธยฐานของบ้านในบางเมืองเพิ่มขึ้น 45 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
คุณโอลิเวอร์กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ประชาชนเผชิญความตึงเครียดในการชำระเงินกู้เพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การที่เจ้าของบ้านแห่กันขายอสังหาริมทรัพย์ของพวกเขา
เขากล่าวว่าผู้กู้เงินซื้อบ้านหลายรายฉวยโอกาสจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำชำระเงินกู้ซื้อบ้านมากกว่าปกติ และในขณะที่ผู้กู้บางรายจะกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น แต่เขาไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้จะผิดนัดชำระหนี้
“ผมคิดว่าพวกเขาจะตัดลดการใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ ในงบประมาณรายสัปดาห์ของพวกเขา” คุณโอลิเวอร์ กล่าว
ข้อมูลด้านอัตราเงินเฟ้อจากเอบีเอสแสดงให้เห็นว่า ราคาค่าเช่าที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสในเดือนกันยายน 2014 และเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบเป็นรายปี
ดร.พาเวลล์ กล่าวว่า ในนครหลวงทุกแห่ง "จะว่าไปแล้วเป็นตลาดที่เจ้าของบ้านได้เปรียบ" ซึ่งหมายความว่าอัตราที่พักอาศัยที่ไม่มีผู้เช่าในแต่ละเมืองต่ำกว่า 2 เปอร์เซ็นต์
"ดังนั้นจึงเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงในหมู่ผู้เช่า" ดร.พาเวลล์ กล่าว "เรามีการขอค่าเช่าเพิ่มขึ้น ในนครหลวงของเราหลายแห่งมีค่าเช่าที่สูงเป็นประวัติการณ์... และการที่พรมแดนระหว่างประเทศกลับมาเปิดอีกครั้งในช่วงเวลาที่ตลาดการเช่าของเราตึงเครียดได้ทำให้ความต้องการในตลาดเพิ่มขึ้นอีก"
มันส่งผลต่อน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างไร?
สถิติเงินเฟ้อต่างๆ แสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันรถยนต์พุ่งขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสเดือนมีนาคม โดยราคาที่พุ่งขึ้นได้แรงหนุนจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และอุปสงค์ทั่วโลกที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ในเดือนมีนาคม ราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2 ดอลลาร์ต่อลิตร ซึ่งทำให้รัฐบาลสหพันธรัฐของออสเตรเลียต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำเชื้อเพลิงลงครึ่งหนึ่ง จากเดิม 44.2 เซนต์ต่อลิตร โดยจะลดลงจนถึงวันที่ 28 กันยายน นี้
แต่คุณโอลิเวอร์กล่าวว่า มาตรการนี้สร้างความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในภาพรวม“มีความผันผวนอยู่เล็กน้อย” คุณโอลิเวอร์ กล่าว
สถิติเงินเฟ้อต่างๆ แสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันรถยนต์พุ่งขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสเดือนมีนาคม 2022 Source: Getty Images
"สถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือราคาน้ำมันจะลดลงในไตรมาสเดือนมิถุนายน และอาจจะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง 0.25 เปอร์เซ็นต์”
“แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็ยังคงเป็นตัวเลขที่สูง เพราะแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (headline inflation rate) จะไม่ได้อยู่ที่ 2.1 เปอร์เซ็นต์เหมือนในไตรมาสเดือนมีนาคม… แม้ว่าจะมาอยู่ที่ 1.5 เปอร์เซ็นต์ นั่นก็ยังเป็นอัตราที่สูงอยู่ดี"
เขากล่าวว่าในขณะที่ราคาน้ำมันที่ลดลงจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับหลายๆ ครัวเรือน "แต่พวกเขายังคงได้รับแรงกดดันในด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น"
คุณโอลิเวอร์กล่าวว่า รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้มากนักในระยะสั้นเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ นอกจากมาตรการ เช่น การจ่ายเงินช่วยเหลือให้ครั้งเดียว 250 ดอลลาร์สำหรับคนบางกลุ่ม เพื่อช่วยให้ครัวเรือนต่างๆ สามารถรับมือกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นได้บ้าง
"ในระยะยาว มีหลายสิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้เพื่อส่งเสริมด้านอุปทาน... โดยรวมทั้ง มาตรการเพื่อเพิ่มผลิตภาพ (productivity) ปฏิรูประบบภาษี และกระตุ้นการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจ แต่สิ่งเหล่านี้ใช้เวลานานในการดำเนินการ"
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เลือกตั้ง 2022: 'เมดิแคร์-พลังงานน้ำมัน' ประเด็นสำคัญหาเสียงวันที่ 3
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
จะปกป้องตัวเองได้แค่ไหนตามกฎหมายเมื่อมีผู้บุกรุกบ้าน