กด▶เพื่อฟังเรื่องนี้
LISTEN TO
ภัยร้ายของเชื้อรา
SBS Thai
25/04/202213:25
เชื้อรา (Mould) เป็นจุลินทรีย์ในกลุ่มฟังไจ (Fungi) เติบโตในบริเวณที่มีความชื้นและอากาศถ่ายเทไม่ดี เชื้อราขยายพันธุ์โดยการสร้างสปอร์ (Spores) ซึ่งจะลอยอยู่ในอากาศ และหากผู้ที่มีความรู้สึกไวหรือแพ้อากาศสูดดมเข้าไป อาจก่อให้เกิดโรค
องค์การอนามัยโลก (World Health Organisation - WHO) ประมาณการณ์ว่ากว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของบ้านเรือนในออสเตรเลียมีเชื้อรา และผู้ที่สัมผัสเชื้อรา แม้เพียงเวลาไม่นาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
เชื้อรายังทำลายผ้า เสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ได้ในหลายกรณี สาธารณสุขกังวลว่าจะกระทบต่อปัญหาต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม และควรถูกทำลาย
นายแพทย์คริส มอย (Dr Chris Moy) รองประธานสมาคมการแพทย์แห่งออสเตรเลีย (The Australian Medical Association - AMA) กล่าวว่า ผู้ที่จะได้รับผลกระทบหนัก คือผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
“คนที่เป็นโรคหอบหืด (Asthma) หรือแพ้ละอองเกสรดอกไม้ (Hay fever) หรือโรคผื่นแพ้อักเสบ (Eczema) ส่วนใหญ่จะแพ้เชื้อรา อาการจะแย่ลงมาก สำหรับผู้อื่นอาจมีอาการระคายเคือง เช่นระคายเคืองตา จมูกและลำคอ ในบางกรณีอาจมีอาการรุนแรง เช่น โรคปอดขั้นรุนแรง หรือติดเชื้อทางปอด หรือไซนัส (Sinus)”
ศาสตราจารย์แอรีอานา แบรมบิลลา (Dr Ariana Branbilla) นักวิจัยและอาจารย์ระดับอาวุโสภาควิชาสถาปัตยกรรม จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ (Sydney University researcher and Senior Lecturer in Architecture) กล่าวว่า หนึ่งในสามของบ้านเรือนโดยเฉลี่ยประสบกับปัญหาเรื่องความชื้นและเชื้อราที่มากเกินไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและค่าซ่อมแซม
ศจ.แบรมบิลลาอธิบายว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตในพื้นที่ที่ไม่มีอากาศถ่ายเทกระตุ้นให้เกิดเชื้อราในอาคารทุกประเภท ทั้งเก่าและใหม่
มันอาจเป็นวิถีชีวิตที่เราอยู่ในตัวอาคารเป็นส่วนใหญ่ หากเราดูที่อาคารสร้างใหม่ การระบายอากาศของพื้นที่ หากคุณทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว เช่น การออกกำลังกาย หรือการตากผ้าในตัวอาคาร เราบอกได้ว่า ทั้งตึกแบบเก่าและใหม่ประสบปัญหาของการเติบโตของเชื้อราเท่าๆ กัน
เชื้อราอาจมีผลร้ายต่อสุขภาพอย่างมาก
คุณอมีตา ปิอาซซี (Ameeta Piazzi) จากเมลเบิร์น เริ่มมีอาการหลังอาศัยในบ้านเช่าหลายแห่งในหลายปีที่ผ่านมา โดยบ้านทั้งหมดมีปัญหาเรื่องความเสียหายจากน้ำ เธอใช้เวลาหลายปีกว่าจะตระหนักว่า ปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่เธอมีนั้นเกี่ยวข้องกับการสัมผัสเชื้อรา
“อาการมีหลายแบบ บางประเภทเกี่ยวกับระบบประสาท บางประเภทเกี่ยวกับพฤติกรรม บางประเภทเกี่ยวกับสุขภาพ อย่างแรกเลยคือสมองฝ่อ ฉันเริ่มไม่เข้าใจว่ากำลังทำอะไรอยู่ และสูญเสียความทรงจำระยะสั้นๆ ฉันนึกคำพูดไม่ออก บางครั้งเวลาประชุมในที่ทำงาน ฉันจะประชุมและไม่สามารถนึกคำได้ และสมองว่างเปล่าไปเลย อาการที่แย่ที่สุดสำหรับฉันคืออาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง” คุณปิอาซซียังสังเกตว่าอาการของเธอแย่ลง เมื่อเธอทำงานจากที่บ้าน รวมถึงแผลหายยาก เช่น บาดแผลและรอยฟกช้ำต่าง ๆ
เด็กผู้ชายใช้เครื่องพ่นช่วยหายใจ Source: Getty Images/AnandaBGD
เธอกล่าวว่า ปัจจัย 2 ประการที่ช่วยให้เธอหายจากอาการเหล่านั้นคือ “ความรู้” และตามด้วย “การหลีกเลี่ยง” เธอเริ่มศึกษาถึงผลกระทบของเชื้อราที่มีต่อสุขภาพ และตัดสินใจย้ายออกจากบ้านที่ได้รับความเสียหายจากน้ำ
“เมื่อฉันเริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับเชื้อราเป็นครั้งแรก มันเหมือนกับ ‘โอ้ พระเจ้า มันอธิบายอาการทั้งหมดที่ฉันมีในช่วงสิบปีที่ผ่านมา’ มันเป็นการเปิดโลกครั้งใหญ่ จากนั้นขั้นแรกของการรักษาทั้งหมดคือ‘การหลีกเลี่ยง’ สิ่งที่ช่วยได้คือการหาบ้านที่ไม่มีความเสียหายจากน้ำและไม่มีเชื้อรา”
อย่างไรก็ตาม การย้ายออกจากบ้านไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคุณปิอาซซี เธอและคู่ครองต้องใช้เวลา 5 เดือนในการหาบ้านที่เหมาะสม เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีอากาศถ่ายเท เป็นการยากที่จะกำจัดเชื้อรา เพราะมันจะฝังลึกอยู่ใต้พื้นผิว
ศจ.แบรมบิลลากล่าวว่า สิ่งที่ดีที่สุดในการกำจัดเชื้อราคือให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพ
“มันเป็นเรื่องยากมาก และเราแนะนำเสมอว่าอย่าทำเองที่บ้าน เราทราบว่ามีสารเคมีบางชนิดที่เป็นพิษ มันง่ายที่จะทำความสะอาดเชื้อราออก แต่ปัญหาคือเชื้อราที่ฝังอยู่ใต้ผนัง คุณอาจทำความสะอาดพื้นผิวได้ แต่เชื้อราจะยังอยู่ ดังนั้นมันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาว วิธีแก้ปัญหาในระยะสั้นคือการระบายอากาศ ใช้เครื่องลดความชื้นเพื่อขจัดความชื้นที่มากเกินไป และโทรหาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถประเมินสถานการณ์ได้”
นักวิจัยหลายท่านกำลังพัฒนาวิธีที่จะควบคุมการก่อตัวของความชื้นในอาคารและกระตุ้นการใช้วัสดุที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อรา แต่ในปัจจุบันยังไม่มีกฎระเบียบที่เข้มงวด
ในเดือนมีนาคม ปี 2020 การสอบสวนของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับความเจ็บป่วยจากสารชีวพิษในออสเตรเลียมีคำแนะนำให้ ‘รัฐและมณฑลต่างๆ ทำการวิจัยเพิ่มเติม ในเรื่องของกฎและระเบียบที่เพียงพอต่อการป้องกันและแก้ไขความชื้นและเชื้อราในอาคาร
คุณไดอานา แยง (Diana Yang) รองสถาปนิกจากบริษัทรุยจี รอสเซลลี กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีกฎหมายในการป้องกันความชื้น แต่ก็มีกฎและระเบียบที่การก่อสร้างอาคารใหม่ต้องปฏิบัติตาม
“ตามกฎของการสร้างอาคารในออสเตรเลีย มีกฎเกณฑ์เฉพาะบางประการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร ซึ่งโดยทั่วไประบุเพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้ามาในตัวอาคาร บางประการเกี่ยวกับการระบายอากาศ หากมีการอัดแน่นในตัวอาคาร คุณต้องมีระบบการถ่ายเทอากาศที่ดีเพื่อที่จะกำจัดมัน และเน้นการระบายอากาศของพื้นที่บนหลังคา ดังนั้นหากคุณมีระบบระบายอากาศในตัวอาคารของคุณ ที่จะก่อให้เกิดการอัดแน่นที่จะกลายเป็นเชื้อรา เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีระบบระบายอากาศที่ดี ที่จะระบายอากาศออกไปจากตัวอาคาร และไม่เหลือสิ่งตกค้างในตัวอาคาร”
ศจ.แบรมบิลลากล่าวว่า การวิจัยยังคงดำเนินต่อไป เพื่อปรับปรุงคุณภาพของการก่อสร้าง
“ในขั้นตอนการทำวิจัยและภาคส่วนของการก่อสร้างเช่นกัน กำลังดำเนินการตามกลยุทธ์เหล่านั้น และวิธีการป้องกันใหม่ๆ ว่าเราจะปรับปรุงคุณภาพของการก่อสร้างได้อย่างไร เราพิจารณาว่าจะวางวัสดุก่อสร้างที่ใด เช่น ในจุดที่เปราะบางหรือ จะวางวัสดุสำคัญไว้ด้านนอกหรือในบริเวณที่มีความชื้นสูงอย่างไร เช่น ห้องน้ำ แต่ยังรวมถึงประเภทและการซึมของเยื่อหุ้มภายในผนัง เพื่อให้ผนังมีอากาศผ่านและเพื่อระบายความชื้นที่สะสมอยู่ภายในได้” จากสภาพอากาศที่กระหน่ำอย่างรุนแรงในพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐควีนส์แลนด์และรัฐนิวเซาท์เวลส์ สุขภาพของประชากรที่อาศัยในบริเวณนั้นเสี่ยงที่จะสัมผัสความชื้นที่สะสมสูงมาก
ชาวเมืองลิสมอร์ (Lismore) รัฐนิวเซาท์เวลส์ ช่วยกันทำความสะอาดในย่านตัวเมือง Source: AAP Image/Jason O'Brien
นพ.มอยมีคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องสัมผัสกับเชื้อรา และวิธีป้องกันตนเอง ดังนี้
“พยายามลดการสัมผัส ประการแรกคือพยายามอยู่ในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ให้ถ้าเป็นไปได้ แต่จากสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด ทำให้มีการสัมผัสกับความชื้นสูง ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดเชื้อราง่าย ควรทำให้ทุกอย่างแห้งให้ได้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ เปิดหน้าต่างให้มากที่สุดเพื่อให้สิ่งของแห้ง และย้ายสิ่งที่จมน้ำ เช่น พรมและอะไรทำนองนั้น หากสิ่งของจมอยู่ใต้น้ำ ไม่สามารถทำให้แห้งได้ และมีเชื้อราเกาะอยู่เยอะ อาจต้องทิ้งมันไป”
และหากคุณต้องใช้เวลาในบริเวณเหล่านั้น นพ.มอยแนะนำให้ใส่หน้ากากที่เหมาะสม
และอีกสิ่งหนึ่งคือ หากคุณต้องไปในบริเวณที่มีเชื้อราจำนวนมาก ใส่หน้ากากอนามัยที่มีความทนทาน เช่น P2N95 ซึ่งสามารถกรองเชื้อราหรือสปอร์ได้ดีกว่า เป็นหน้ากากที่ควรสวมใส่
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่