“คุณจะต้องประหลาดใจว่าลูกค้าพูดอะไรกับช่างทำผมบ้าง” แมนดี ฮัดสัน (Mandy Hudson) หัวหน้าวิทยากรจาก กิจกรรมเวิร์กช็อปครึ่งวันที่ช่วยช่างทำผมและช่างเสริมสวยให้ยื่นมือเข้าไปช่วยลูกค้าที่อาจพบเจอกับความรุนแรงในครอบครัวได้
“ฉันคิดว่าเพราะการมีใครสักคนทำให้คุณรู้สึกประทับใจ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนจึงแบ่งปันเรื่องราวที่เล่าให้คนอื่นฟังไม่ได้กับช่างทำผม อย่างเช่น ความรุนแรงในครอบครัว” คุณฮัดสันกล่าว
ช่างทำผมที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปนี้ มักจะตอบรับกับการเปิดเผยเรื่องราวความรุนแรงในครอบครัว 2 แบบ คือเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่ก็บอกให้ลูกค้าหนีออกมาเลย ซึ่งทั้งสองอย่างไม่ช่วยอะไร
ดร.แฮนนา แม็กแคนน์ (Dr Hannah McCann) ได้ทำการวิจัยถึงบทบาทของคนทำงานในธุรกิจเสริมสวยที่มีต่อชีวิตทางอารมณ์ของลูกค้า
“หากใครสักคนเปิดใจเล่าว่าคู่ครองของพวกเขาใช้ความรุนแรง และช่างเสริมสวยก็ชักชวนให้พวกเขาหนีออกมา นั่นอันตรายมากสำหรับใครสักคนที่ทำสิ่งนั้นโดยไม่มีการสนับสนุนใด ๆ” ดร.แม็กแคนน์ กล่าว
โครงการ มีจุดหมาย 3 อย่างคือ ตระหนักถึงสัญญาณที่อาจเป็นความรุนแรงในครอบครัว (Recognise potential signs of family violence) ตอบสนองต่อการเปิดเผยของลูกค้า (Respond to a client’s disclosure) และส่งต่อไปยังบริการสังคมสงเคราะห์ที่เหมาะสม (Refer to an appropriate social service)แม้รอยช้ำบริเวณคอ หรือผมที่หลุดร่วงเป็นปอย ๆ ของลูกค้าจะเป็นสิ่งที่ช่างทำผมสังเกตได้โดยสัญชาติญาณ แต่ความรุนแรงในครอบครัวไม่ได้มีสัญญาณบ่งบอกชัดเจน เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่ความรุนแรงจะเกิดขึ้นทางร่างกาย
ข้อมูลส่วนหนึ่งจากสไลด์ให้ความรู้ในกิจกรรมเวิร์กช็อปโครงการ Hair 3Rs เอื้อเฟื้อภาพโดย EDVOS Source: Supplied
บริดเจ็ด (ชื่อสมมุติ) ผู้รอดชีวิตจากการ (coercive control) เปิดใจกับช่างทำผมของเธอเกี่ยวกับประสบการณ์หลังได้พบเห็นโปสเตอร์ปิดประกาศโครงการ HaiR-3Rs บนกระจกของร้านเสริมสวย
“สิ่งที่ผู้คนเข้าใจผิดมากที่สุดเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวก็คือ ความรุนแรงทางจิตใจและทางอารมณ์รุนแรงพอ ๆ กับความรุนแรงทางร่างกาย” บริดเจ็ด กล่าว
“มันเป็นเรื่องของการควบคุม การทำให้ใครสักคนกระทำ แสดงออก และคิดในแบบที่คนเหล่านั้นต้องการให้คุณเป็น”
“เมื่อช่างทำผมเต็มใจที่จะรับฟัง มันเป็นเรื่องประทับใจมาก คุณไม่ได้ขอให้พวกเขามาแก้ปัญหา คุณเพียงต้องการคนรับฟัง มันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันโอเค”
"เมื่อฉันมองหาร้านทำผม มันก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะอนุญาตให้ฉันไปที่ไหน" บริดเจ็ด (ชื่อสมมุติ) ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว Source: SBS
เจนนี ทาร์แรนท์ (Jenni Tarrant) เจ้าของร้านเสริมสวย บอนด์ แฮร์ รีลิเจียน (Bond Hair Religion) ในกรุงแคนเบอร์รา และเป็นผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศในวัยเด็ก เธอส่งพนักงานของเธอเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมกับ HaiR-3Rs เมื่อได้รู้จักกับโครงการดังกล่าว
คุณทาร์แรนท์ กล่าวกับ เดอะ ฟีด ว่า “เราไม่ได้คาดหวังที่จะเป็นคนทำงานสังคมสงเคราะห์ เรามีรายชื่อบุคคลสำหรับส่งต่อเพื่อไปรับคำปรึกษาซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเพื่อสิ่งนั้น เมื่อพูดอย่างนั้นแล้ว คุณก็เพียงหวังว่าเมื่อส่งต่อใครสักคนไปยังคนทำงานสังคมสงเคราะห์ หรือที่พักพิงสำหรับผู้หญิง บริการเหล่านั้นจะมีอยู่จริง เราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่ามีเงินสนับสนุนสิ่งเหล่านั้น”
คุณนิกกิ (Nikki) ผู้เข้าร่วมโครงการ HaiR-3Rs กล่าวว่า "ฉันรู้แล้วในตอนนี้ว่า ถ้าลูกค้าเลี่ยงการถูกเนื้อต้องตัว หรือต้องแบ่งจ่ายระหว่างบัตรหลาย ๆ ใบ นั่นอาจเป็นสัญญาณของความรุนแรงในครอบครัว" Source: SBS
ด้วยเหตุนี้ เรนี คารร์ (Renee Carr) กรรมการบริหาร องค์กรทำงานสนับสนุนผู้หญิง กล่าวว่า “ปริมาณของงบประมาณที่ได้มีการเสนอเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิง ในการแถลงร่างงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลสหพันธรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่มีความเหมาะสมกับผลกระทบจากความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพที่มีต่อชีวิตและชุมชนของเรา”
“รัฐมนตรีคลังได้ให้คำมั่นเรื่องงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงเพียง 207.4 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณหน้า แม้ด้วยคำมั่นเรื่องงบประมาณก่อนหน้านี้ แต่สิ่งนี้ยังห่างไกลจากข้อเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้มีงบประมาณสนับสนุนในส่วนนี้ปีละ 1 พันล้านดอลลาร์”
“เราอยู่ท่ามกลางวิกฤตระดับชาติ การแพร่ระบาดใหญ่ให้ทำให้ระดับความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพทั่วประเทศที่เลวร้ายอยู่แล้วให้แย่ลงไปกว่าเดิม”
ทีมวิทยากรกลุ่มเล็ก ๆ จากโครงการ HaiR-3Rs ได้เดินทางไปฝึกอบรมช่างทำผมมากกว่า 1,000 คน แต่ด้วยจำนวนช่างทำผมจากทั่วประเทศมากกว่า 70,000 คน นั่นทำให้งานฝึกอบรมของพวกเขาเป็นเรื่องยาก
คุณฮัสสันหวังว่าวันหนึ่งการฝึกอบรมการความตระหนักรู้ถึงความรุนแรงในครอบครัว จะกลายเป็นข้อบังคับระดับชาติสำหรับผู้ฝึกอาชีพช่างทำผม และในหลักสูตรของสถานบันเทฟ (TAFE)
“เราสามารถทำงานร่วมกับใครก็ได้เพื่อออกแบบโครงการที่คำนึงถึงงานที่พวกเขาทำ และความเกี่ยวพันกับความรุนแรงในครอบครัวที่พวกเขาอาจพบเจอ เราได้ทำงานร่วมกับทันตแพทย์ ตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์ คนทำงานกับสัตว์ เราจะไปที่ใดก็ได้”
*ชื่อจริงถูกเปลี่ยนด้วยเหตุผลความเป็นส่วนตัว
บริการสนับสนุนด้านความรุนแรงในครอบครัว
- สายช่วยเหลือระดับชาติ 1800 Respect หมายเลขโทรศัพท์ 1800 737 732
- หมายเลขโทรศัพท์ 1800 811 811
- หมายเลขโทรศัพท์ 1300 766 491
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
มาตรา 44 ‘อุปสรรคใหญ่’ ปิดกั้นผู้อพยพจากสนามการเมืองออสฯ