กด▶เพื่อฟังเรื่องนี้
LISTEN TO
ชุมชนไทยมองงบประมาณปี 22 อย่างไร ในปีที่วิกฤตกระหน่ำซ้ำซัด
SBS Thai
30/03/202221:05
นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก (Josh Frydenberg) เริ่มกล่าวสุนทรพจน์ก่อนแถลงงบประมาณประจำปี ร่ายถึงอุปสรรคที่เรากำลังเผชิญ
ขณะที่เรารวมตัวกันในคืนนี้ มีการกระหน่ำยิงกันในยุโรป โรคระบาดใหญ่ทั่วโลกยังไม่สิ้น อุทกภัยยังกระหน่ำชุมชนของเรา เราอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน สองปีที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ยากเย็นของประเทศเรา มีอุปสรรคเกิดขึ้นมากมาย แต่ออสเตรเลียยังคงแข็งแกร่งและฟื้นตัวได้เร็ว
รัฐมนตรีคลังกล่าวว่าเศรษฐกิจของออสเตรเลียยังคงดี แม้ต้องเจออุปสรรคมากมาย จากอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในรอบครึ่งศตวรรษ แต่ออสเตรเลียยังสามารถรักษาความน่าเชื่อถือในระดับสากลไว้ได้ที่เรตทริปเปิล-เอ (Triple-A)
ในขณะที่ชุมชนในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์และตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์กำลังฝ่าฟันภัยพิบัติธรรมชาติอยู่ในตอนนี้
รัฐบาลจะจัดสรรเงินบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติมูลค่าประมาณ 763 ล้านดอลล่าร์
“เราขอส่งใจไปให้ผู้ที่เสียคนที่รัก เสียบ้านและธุรกิจจากเหตุอุทกภัยในรัฐนิวเซาท์เวลส์และแถบตะวันออกเฉียงใต้ในรัฐควีนส์แลนด์ ไม่มีอะไรที่ผมจะกล่าวที่จะเทียบเท่าถึงความเจ็บปวดและการสูญเสียของชาวออสเตรเลียหลายคน เราจะยืนหยัดกับชุมชนที่ประสบภัยและจะช่วยพวกเขาสร้างคืนกลับมาใหม่”
อัดฉีดเงินช่วยเหลือเต็มที่แก่ครอบครัว เกษตรกร ผู้ประกอบธุรกิจรายเล็ก รัฐบาลท้องถิ่นและชุมชนต่าง ๆ มูลค่าเกิน 6 พันล้านดอลลาร์
สำหรับหลายคนในออสเตรเลีย ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงสร้างความกดดันเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวอย่างหนัก
“ราคาน้ำมันแพง ค่าอาหารและค่าขนส่งก็สูงตาม เพิ่มอัตราเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายรายวัน รัฐบาลของนายมอร์ริสันประกาศแพ็กเกจช่วยเหลือค่าครองชีพแบบชั่วคราว เพื่อลดแรงกดดันนี้ มาตรการเชิงปฏิบัติที่จะทำให้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ภาษีน้ำมันจะลดลงครึ่งหนึ่ง ประชากรออสเตรเลียจะได้รับ 22 เซ็นต์ต่อลิตรในการเติมน้ำมันทุกครั้ง ในอีก 6 เดือนข้างหน้า”
สำหรับรถยนต์ทั่วไป จะสามารถประหยัดค่าน้ำมันได้ประมาณ 7 ดอลล่าร์ ทุกครั้งที่เติมน้ำมัน
มือถือหัวฉีดน้ำมัน Source: Pexels/Skitterphoto
ยังมีการลดหย่อนภาษีค่าครองชีพที่เป็นเงินช่วยเหลือแบบจ่ายครั้งเดียวจำนวน $420 ดอลล่าร์ สำหรับผู้ที่มีรายได้ในระดับต่ำถึงระดับปานกลางกว่า 10 ล้านคน
และเงินช่วยเหลือค่าครองชีพแบบจ่ายครั้งเดียวจำนวน $250 ดอลล่าร์ สำหรับผู้ที่รับเงินบำนาญ ผู้ดูแลทหารผ่านศึก ผู้ที่กำลังหางาน ผู้ที่เกษียณที่มีสิทธิ์จัดการการเงินได้เองและผู้ที่ถือบัตรคอนเซสชัน (Concession card holders)
คุณเคย์ คนไทยที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงเนื่องจากต้องขับรถไปทำงาน คิดว่างบช่วยเหลือค่าน้ำมันสามารถช่วยค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เลยทันที และเงินลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำนั้นก็เป็นการช่วยเหลือแก่ผู้เสียภาษีได้
ค่าน้ำมันก็มักจะขึ้นๆ ลงๆ อยู่แล้ว แล้วแต่ว่าสถานการณ์โลกเป็นยังไง คิดว่าที่เขาลดหย่อนภาษีให้พวกเราก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือที่เพียงพอ คิดว่าพอดีแล้วค่ะ
รัฐบาลยังเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ปกครองที่ขอลาหยุดงานเพื่อเลี้ยงดูบุตร โดยทุกครอบครัวสามารถขอลาหยุดได้ 20 สัปดาห์
คุณณัชชาอร ชูเชิดศักดิ์ คุณแม่คนไทยเห็นด้วยและบอกว่าสามารถแบ่งเบาภาระทางการเงินได้เยอะ จากเดิมเธอได้รับส่วนลดจากเซ็นเตอร์ลิงค์ 50 เปอร์เซ็นต์ มาตรการใหม่ทำให้เธอได้รับส่วนลดเพิ่มเป็น 80 เปอร์เซ็นต์
เดย์แคร์ (Day care) ของลูกเนี่ยคิดวันละ $115 ตอนนี้คนโตเสียอยู่ $57 เหรียญ คนเล็กเนี่ยจะเหลือแค่ $23 เหรียญ ซึ่งมันลดไปประมาณ $30 กว่าเหรียญต่อวัน ก็คือเงินออกจากกระเป๋าน้อยลง
คุณณัชชาอรยังกล่าวถึงผู้ปกครองบางส่วนที่ไม่สามารถขอเงินช่วยเหลือได้ เนื่องจากหากผู้ปกครองคนใดคนหนึ่งไม่ได้ทำงาน เซ็นเตอร์ลิงค์จะไม่ให้เงินช่วยเหลือ ซึ่งหากต้องพาลูกไปทำธุระบางครั้งอาจไม่สะดวก เพราะบางครั้งไม่มีใครช่วยดูลูก และการสามารถขอลาหยุดเพิ่มได้จะมีส่วนช่วยคุณแม่มือใหม่ได้อีก
“จริงๆ ผลประโยชน์ตรงนี้มันดีอยู่แล้ว เลี้ยงเด็กเล็กเนี่ยมันเหนื่อยมาก ช่วงแรกๆ แม่นี่แทบจะไม่ได้นอนเลย พอมันเหนื่อยมากๆ ประกอบกับฮอร์โมนแปรปรวนหลังคลอด แม่ก็จะเครียด คือเพิ่มมาสองสัปดาห์เนี่ยมันไม่ได้เยอะ แต่มันช่วยได้เยอะนะ ในเรื่องของสภาพจิตใจ”
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแถลงจะลงทุน 2.8 พันล้านดอลล่าร์เพื่อเพิ่มอัตราการจบหลักสูตรอบรมและเพิ่มทักษะ โดยจะมอบเงิน $5,000 ดอลล่าร์แก่ผู้จบการฝึกอบรมใหม่
ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กที่ลงทุนเพื่อเพิ่มทักษะของพนักงาน จะได้รับการยกเว้นภาษี $120 ดอลล่าร์สำหรับทุกๆ $100 ดอลล่าร์ที่จ่ายในการฝึกอบรม
และมีการลดหย่อนภาษีแบบเดียวกันสำหรับผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กที่ลงทุนในดิจิทัล เทคโนโลยี (Digital technology)
“ทุกๆ หนึ่งร้อยดอลล่าร์ที่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กที่ใช้จ่ายไปกับดิจิทัล เทคโนโลยี เช่น คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud computing) การออกใบแจ้งหนี้แบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Invoicing) ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber security) และการออกแบบเว็บไซต์ (Web design) จะได้รับการลดหล่อนภาษี $120 ดอลล่าร์ มาตรการใหม่นี้จะช่วยเหลือผู้ที่ลงทุนมากกว่า $100,000 ดอลล่าร์ต่อปี”
คุณชัยวัตร หวังลิขิตกูล เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในเมลเบิร์นกล่าวว่า สมัยนี้มีหลายร้านที่ระบบออนไลน์มาช่วยเยอะ งบตรงนี้จะช่วยค่าใช้จ่ายได้ และการลดหย่อนภาษีสำหรับการอบรมพนักงานก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
ถ้าพนักงานที่ตั้งใจช่วยงานในธุรกิจไหนก็ตาม ถ้าเจ้าของอยากให้พนักงานไปเทรน (Train) เพิ่มเพื่อที่จะเข้ามาช่วยในธุรกิจก็เป็นเรื่องที่ดี
เมื่อถามว่า รัฐบาลควรให้การช่วยเหลือธุรกิจรายเล็กเพิ่มเติมมากกว่านี้หรือช่วยลดหย่อนภาษีอีกหรือไม่ คุณวัตรตอบว่า ถ้ามีก็ดี เพราะตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังมีเจ้าของธุรกิจที่ยังมีปัญหาอยู่ ทุกคนอยากให้รัฐบาลลดหย่อนภาษีอยู่แล้ว ถ้าสามารถช่วยได้
“เหมือนกับเป็นโบนัส ให้กับธุรกิจที่ยังสามารถดำเนินการอยู่ได้ ในช่วงที่สถานการณ์มันแย่แบบนี้ เหมือนเป็นกำลังใจให้กับธุรกิจ ผมว่าทุกคนคงยินดีครับ”
กราฟบนคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน Source: Pexels/Serpstat
ในปีงบประมาณปีนี้ รัฐบาลเน้นรับผู้อพยพที่มีทักษะ (Skilled migrants) โยกจำนวนรับผู้อพยพที่ถือวีซ่าคู่ครอง (Partner visa) 10,000 ที่ไปให้แก่ผู้อพยพที่มีทักษะ เป็นทั้งหมด 109,000 ที่
วีซ่าครอบครัว รวมถึงวีซ่าคู่ครองและบุตร วีซ่าสำหรับผู้ปกครองและวีซ่าครอบครัวอื่นๆ จะได้รับ 50,000 ที่
ปี 2022-2023 การอนุมัติวีซ่าคู่ครองจะเป็นไปตาม “เกณฑ์อุปสงค์-อุปทาน” และปรับเพดานรับผู้ย้ายถิ่นถาวรเป็น 160,000 ที่
รัฐบาลเพิ่มจำนวนวีซ่าทำงานและท่องเที่ยว (Work and holiday visa) มากขึ้น 11,000 ที่ การเพิ่มจำนวนวีซ่านี้หวังดึงนักเดินทางแบ็กแพ็กเกอร์จาก 26 ประเทศพันธมิตรที่มีข้อตกลงกับออสเตรเลีย
รัฐบาลคาดว่ามาตรการนี้จะนำเพิ่มเม็ดเงินให้เศรษฐกิจในออสเตรเลียได้อีก $45 ล้านดอลล่าร์ในอีก 3 ปีหน้า
โดยผู้ที่เดินทางเข้าออสเตรเลียในระหว่างเดือนมกราคมและเดือนเมษายนปีนี้ จะสามารถยื่นขอคืนเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าได้
นายฟรายเดนเบิร์กกล่าวว่า เงินทุนของรัฐบาลของนายมอร์ริสันที่จะจัดสรรให้โรงเรียน โรงพยาบาล เมดิแคร์ (Medicare) เรื่องสุขภาพจิต การดูแลผู้สูงอายุ ความปลอดภัยของผู้หญิงและช่วยเหลือผู้พิการนั้นไม่มีใครเทียบได้
โดยรัฐบาลจะทุ่มเงินเกือบ 35 ล้านดอลล่าร์เพื่อปรับปรุงบริการเพื่อสุขภาพจิต การป้องกันการฆ่าตัวตาย บริการเพื่อสังคมและเพื่อสุขภาพโดยรวมสำหรับชนพื้นเมืองและชุมชนผู้อพยพ
กว่า 18 ล้านดอลล่าร์จะมอบให้แก่การช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตแก่ชุมชนพหุวัฒนธรรมโดยเฉพาะ
อีก 8 ล้านดอลล่าร์จะมอบให้บริการแปลเอกสาร เพื่อขจัดอุปสรรคของการเข้าถึงบริการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต สำหรับชาวออสเตรเลียที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก
รัฐบาลยังให้งบ 20.3 ล้านดอลล่าร์เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้หญิงที่ถือวีซ่าชั่วคราวที่เผชิญความรุนแรง หวังช่วยเหลือผู้หญิงจากชุมชนที่มีความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรม ให้สามารถหาบริการที่เหมาะสมและเข้าถึงได้
งบนี้จะมอบ $3,000 ดอลล่าร์ต่อคนหรือครอบครัว เพื่อช่วยเหลือด้านรายจ่าย เช่น ค่าที่พักและค่ารักษาต่างๆ รวมถึงงบประมาณ 7 ล้านดอลล่าร์แก่หน่วยงานบริการด้านกฎหมายแก่ชุมชนและสตรี 9 แห่ง เพื่อช่วยให้ผู้หญิงสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือด้านกฎหมายและความช่วยเหลือในการย้ายถิ่นฐานคุณจีรณัฐนักแปลและล่ามคนไทย ให้แง่คิดว่าเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมไหน และเงินช่วยเหลือด้านบริการสุขภาพจิต เช่น ไลฟ์ไลน์ (Life Line) เป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นองค์กรที่ให้บริการกับทุกชนชาติหรือผู้ถือบัตรเมดิแคร์
หนังสือภาษาอังกฤษ Source: Unsplash/Ivan Shilov
แต่คิดว่างบประมาณด้านนี้ยังถือว่าเป็นจำนวนน้อย จากเหตุวิกฤตโควิดระบาดที่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากรทางแพทย์ สถานที่และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เชื่อว่าภาคส่วนสาธารณสุขต้องการเงินทุนและกำลังคนอย่างเร่งด่วน
ยังมีด้านผู้ถือวีซ่าชั่วคราวและนักศึกษา ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการเมดิแคร์ได้
คุณจีรณัฐพูดถึงปัญหาของการเข้าถึงบริการแปลและล่ามของผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และยังต้องดูว่างบประมาณจะนำไปช่วยในเรื่องนี้ได้อย่างไร
ในแง่นึงเนี่ย เรามีผู้ที่ให้บริการล่ามและแปลค่อนข้างเพียงพอ แต่การเข้าถึงบริการนั้นยังไม่เพียงพอ ยังขาดการเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ อีกประเด็นหนึ่งในทางปฏิบัติคือผู้บริการยังขาดการตระหนักว่ามีบริการความช่วยเหลือด้านภาษาอยู่
"ชุมชนพหุวัฒนธรรมถือว่าเป็นแหล่งรกำลังคนที่มีศักยภาพสูง หากไม่มีการลงทุน เช่น บริการด้านภาษา เพื่อนำทรัพยากรมาใช้ไม่เพียงพอ จะทำให้ไม่สามารถดึงทรัพยากรตรงนี้มาใช้ได้เต็มที่"
สุดท้าย นายฟรายเดนเบิร์กจบการแถลงงบประมาณด้วยการกล่าวถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ อ้างว่ารัฐบาลกลางชุดนี้ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาทั้งหมดที่เคยให้ไว้ และยืนยันว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาของการเปลี่ยนแปลงทิศทางของรัฐบาล
“นี่คือเวลาที่จะยังคงแผนเดิมของเรา แผนการณ์สร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและอนาคตที่สดใสกว่าเดิม พวกเราจะทำมันได้”
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่