พรรคร่วมรัฐบาลเผยร่างงบประมาณแผ่นดินฉบับที่ 2 นับตั้งแต่การระบาดของไวรัสโคโรนาเริ่มต้นขึ้น
นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก (Josh Frydenberg) รัฐมนตรีการคลังของออสเตรเลีย เสนอร่างงบประมาณแผ่นดินฉบับล่าสุดเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (11 พ.ค.) โดยเป็นงบประมาณขาดดุล 1.61 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์เมื่อประมาณหกเดือนก่อน 5.27 หมื่นล้านดอลลาร์
พร้อมกันนี้ยังเผยนโยบายใหม่หลายโครงการต่อยอดจากที่ประกาศไว้ก่อนหน้า ร่างนโยบายฉบับใหม่ให้ประโยชน์กับใครบ้าง สรุปดังนี้
ร่างงบประมาณฉบับนี้เน้นความสำคัญของคนกลุ่มใด
ผู้ต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต
รัฐบาลจัดสรรงบประมาณส่งเสริมสุขภาพจิตของชาวออสเตรเลียรวม 2.3 พันล้านดอลลาร์สำหรับระยะเวลาสี่ปีต่อจากนี้
ประกอบด้วยการดำเนินงานส่งเสริมการรักษาด้านสุขภาพจิต 1.4 พันล้านดอลลาร์ โครงการป้องกันการฆ่าตัวตายรวมถึงจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะทาง 298.1 ล้านดอลลาร์ และพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการระยะแรก (early intervention) 248.6 ล้านดอลลาร์
ผู้ถูกกระทำกรณีความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ
รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเกือบหนึ่งพันล้านดอลลาร์สำหรับช่วงสี่ปีจากนี้ เพื่อดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กที่เผชิญความรุนแรงในครอบครัวและทางเพศ รวมทั้งจัดโครงการระยะทดลองสองปี มอบเงินช่วยเหลือสูงสุด 5,000 ดอลลาร์แก่ผู้หญิงที่หนีออกจากความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรง
นอกจากนี้ ยังจัดสรรเกือบ 30 ล้านดอลลาร์ช่วงระยะเวลาสามปี เพื่อปรับปรุงมาตรการช่วยเหลือผู้ถูกกระทำรุนแรง (survivor) ที่เป็นผู้ลี้ภัยหรือผู้ย้ายถิ่นฐาน และอีก 26 ล้านดอลลาร์ช่วงระยะเวลาสี่ปีสำหรับผู้หญิงและเด็กกลุ่มปฐมชาติ (First Nations) หรือชนพื้นเมืองของประเทศ
ภาคการดูแลผู้สูงอายุ
รัฐบาลจัดสรรงบประมาณกว่า 1.77 หมื่นล้านดอลลาร์ มุ่งยกระดับภาคการดูแลผู้สูงอายุที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในรายงานของคณะกรรมาธิการไต่สวนแห่งชาติ ต่อยอดจาก 452 ล้านดอลลาร์ที่ประกาศแล้วเมื่อเดือนมีนาคม งบประมาณส่วนนี้เตรียมนำไปใช้ในมาตรการต่าง ๆ อาทิ แพ็กเกจบริการดูแลผู้สูงอายุตามบ้านเพิ่มเติม 80,000 แพ็กเกจ เพิ่มจำนวนชั่วโมงที่ผู้อาศัยในสถานดูแลคนชราจะได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ ตลอดจนฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ดูแลส่วนบุคคลกว่า 33,000 ตำแหน่ง เป็นต้น
ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง
ร่างงบประมาณปีนี้ให้สิทธิ์ลดภาษีสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางในปีงบประมาณหน้า โดยรัฐบาลระบุว่า สิทธิ์นี้จะช่วยผู้มีรายได้ภายในเกณฑ์ประหยัดเงินถึงคนละ 1,080 ดอลลาร์ หรือรวม 2,160 ดอลลาร์สำหรับครอบครัวคู่สมรส
แพ็กเกจบริการดูแลเด็กเล็ก (childcare) มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ที่ประกาศก่อนหน้านี้ก็มุ่งเป้าครอบครัวที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางเช่นกัน รัฐบาลระบุว่า นโยบายนี้จะช่วยให้ราว 250,000 ครอบครัวเข้าถึงบริการดูแลเด็กเล็กได้สะดวกขึ้น
ผู้หางานในบางอุตสาหกรรม
งบประมาณขยายโครงการฝึกทักษะแรงงานจ็อบเทรนเนอร์ (JobTrainer) กว่า 506 ล้านดอลลาร์ อุดหนุนค่าเล่าเรียนเกือบ 200,000 ที่นั่งในหลักสูตรฝึกอบรมฟรีหรือราคาประหยัดสำหรับสาขาทักษะที่เป็นที่ต้องการ เช่น งานดูแลผู้สูงอายุและเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมทั้งจัดสรรเงินสูบฉีดก้อนใหม่กว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สู่โครงการอุดหนุนค่าจ้างลูกมือฝึกหัดรายใหม่ (Boosting Apprenticeship Commencements) มุ่งสนับสนุนผู้หญิงให้ก้าวเข้าสู่อาชีพงานช่างเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังจัดสรรงบ 63 ล้านดอลลาร์ระยะเวลาสี่ปี มอบทุนการศึกษา 2,700 ทุนในสถาบันการศึกษาสำหรับเด็กหญิงชนพื้นเมืองเพื่อสนับสนุนเด็กหญิงเหล่านี้ให้มีงานทำหลังเรียนจบ
มีใครหลุดโผบ้าง
ผู้รับเงินสวัสดิการ
ร่างงบประมาณแผ่นดินฉบับใหม่ไม่มีประกาศมาตรการสวัสดิการใหม่ที่สำคัญ
เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลปรับอัตราเงินสวัสดิการจ๊อบซีกเกอร์ (JobSeeker) เพิ่มขึ้น 3.57 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งยังต่ำกว่าตัวเลข 25 ดอลลาร์ต่อวันที่หลายฝ่ายรณรงค์เรียกร้อง อีกทั้งโครงการจ๊อบคีพเปอร์ (JobKeeper) ยังสิ้นสุดลงในช่วงเวลาเดียวกัน สร้างความวิตกกังวลแก่ภาคธุรกิจและแรงงานจำนวนมากในออสเตรเลีย
ภาคอุตสาหกรรมศิลปะและบันเทิง
ไม่มีนโยบายสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญสำหรับแวดวงศิลปะและบันเทิงของออสเตรเลียเช่นกัน แม้จะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กระทบหนักจากมาตรการจำกัดต่าง ๆ เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
ภาคศิลปะและบันเทิงได้รับแพ็กเกจสนับสนุน 135 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และอีก 250 ล้านดอลลาร์เมื่อ ทำให้หลายฝ่ายคาดหวังกับร่างงบประมาณฉบับนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่ามีแรงงานจำนวนมากในภาคศิลปะและบันเทิงยังคงต้องพึ่งพาเงินสวัสดิการจ๊อบคีพเปอร์
การศึกษานานาชาติ
ถึงแม้ว่าร่างงบประมาณฉบับล่าสุด จัดสรรงบสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์แก่อุตสาหกรรมการศึกษาในภาพรวม มีเพียง 53.6 ล้านดอลลาร์ที่จัดสรรไว้สำหรับผู้ให้บริการการศึกษานานาชาติ
มาตรการส่วนนี้มุ่งเน้นผู้ให้บริการอิสระในธุรกิจการสอนภาษาอังกฤษและสถาบันอุดมศึกษาที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย จำนวนรับนักศึกษาต่างชาติของออสเตรเลียลดลงอย่างมากเพราะมาตรการปิดพรมแดน ส่งผลกระเทือนรายรับของมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาอย่างสาหัส
ผู้สมัครย้ายถิ่นฐานจากนอกประเทศ
ร่างงบประมาณแผ่นดินปีนี้คาดการณ์ว่า การย้ายถิ่นฐานทั้งประเภทชั่วคราวและถาวรยังคงต้องรอจนกว่ากลางปี 2022 เป็นอย่างน้อย
นักศึกษาต่างชาติบางกลุ่มอาจมีสิทธิ์ทยอยกลับเข้าออสเตรเลียช่วงใกล้สิ้นปี 2021 โดยสอดคล้องกับเพดานจำกัดจำนวนผู้เดินทางกลับเข้าประเทศของแต่ละรัฐและมณฑล นอกจากนี้ยังไม่มีการปรับเพิ่มจำนวนรับผู้ย้ายถิ่นฐานต่อปีหลังเปิดพรมแดน สำหรับปีงบประมาณ 2021-22 กำหนดเพดานที่ 160,000 คน
อย่างไรก็ตาม ผู้ย้ายถิ่นฐานที่อยู่ในออสเตรเลียแล้วอาจมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้รับอนุมัติวีซ่า เนื่องจากรัฐบาลวางแผนให้ความสำคัญกับผู้สมัครขอวีซ่าจากในประเทศ รวมทั้งสะสางคำขอวีซ่าคู่ครอง (Partner visa) ที่คั่งค้างอยู่
สิ่งแวดล้อม
มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่บรรจุในร่างงบประมาณฉบับนี้อาจไม่ตอบรับต่อความคาดหวังของนักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศเท่าไรนัก
นอกเหนือจากงบ 1.2 พันล้านดอลลาร์ระยะเวลา 10 ปี สำหรับส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมผลิตก๊าซไฮโดรเจนในพื้นที่ส่วนภูมิภาครวมถึงเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน ยังมีงบประมาณอีก 100 ล้านดอลลาร์เพื่อการดำเนินงานพิทักษ์มหาสมุทร ตลอดจนเงินสูบฉีดฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมพลังงานก๊าซเกือบ 60 ล้านดอลลาร์
รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ 210 ล้านดอลลาร์ระยะเวลาสี่ปี ดำเนินโครงการริเริ่มด้านสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ Australian Climate Service ที่เพิ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อน โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ประเทศสามารถ “คาดการณ์ บริหารจัดการ และปรับตัวต่อผลกระทบของภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
รายงานเพิ่มเติมโดยคาริชมา ลูเทรีย และมาอานิ ทรู จากเอสบีเอส นิวส์
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ออสเตรเลียจะปิดประเทศต่อไปจนปี 2022 รมต.คลัง เผย
