คืนแห่งการแถลงร่างงบประมาณแผ่นดินใกล้เข้ามาแล้ว และปีนี้การแถลงร่างงบประมาณเกิดขึ้นโดยมีฉากหลังของการเลือกตั้งระดับสหพันธรัฐที่ใกล้เข้ามาด้วย
ขณะที่ค่าครองชีพกำลังเพิ่มสูงขึ้น นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลังสหพันธรัฐ จะเป็นตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นเวทีแถลงร่างงบประมาณรัฐบาลสหพันธรัฐฉบับที่ 4 ของเขา
คาดว่าการแถลงของเขาจะกำหนดบรรยากาศการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งความวิตกของประชาชนเรื่องเงินในกระเป๋าอาจชี้นำผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้
การจ้างงานที่แข็งแกร่งและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น จะช่วยพยุงรายได้ของรัฐบาล แต่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์ที่ผันผวนทั่วโลกยังคงก่อให้เกิดความท้าทายต่างๆ
นักเศรษฐศาสตร์ยังคงเตือนรัฐบาล ให้ต้านทานความเย้ายวนใจที่จะมีแผนการใช้จ่ายอย่างไม่อั้นก่อนการเลือกตั้ง แต่ขอให้รักษาวินัยทางการคลังเอาไว้ เนื่องจากภาระหนี้ที่สูงถึงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว
คุณ คริส ริชาร์ดสัน นักเศรษฐศาสตร์ของดีลอยท์ แอ็กแซสส์ อีโคโนมิกส์ (Deloitte Access Economics) กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า “เรื่องใหญ่ต่างๆ ” อาจเกิดขึ้นได้ในร่างงบประมาณแผ่นดินก่อนการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเมื่อรัฐบาลได้รับความนิยมที่ตามหลังอยู่ในการเลือกตั้ง
“จนถึงขณะนี้ ข้อมูลที่รั่วไหลออกมาไม่ได้ชี้ว่าแผนการต่างๆ จะใหญ่โตขนาดนั้น แต่มีความสมเหตุสมผลเช่นกันที่คุณจะมีโอกาสเห็นมาตรการมากมายที่ทุ่มเทให้กับการเมืองแบบขายตรงหรือขายปลีก (retail politics)” คุณ คริส ริชาร์ดสัน กล่าวกับ เอสบีเอส นิวส์
“แม้ว่ารัฐมนตรีจะแจ้งข่าวดีแก่เรา แต่ร่างงบประมาณยังคงพบความท้าทายมากมาย”
ดีลอยท์ แอ็กแซสส์ อีโคโนมิกส์ (Deloitte Access Economics) คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณจะอยู่ที่ 69,000 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้
นี่ดีกว่าที่กระทรวงการคลังคาดไว้ในรายงานอัปเดตสถานการณ์เศรษฐกิจกลางปีช่วงก่อนคริสต์มาส ซึ่งมากกว่านี้ 30,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ การขาดดุลงบประมาณยังลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 204,000 ล้านดาลลาร์ในช่วงต้นปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 สูงสุด
“ร่างงบประมาณเป็นสัญญาประชาคม นั่นคือเราเก็บภาษีจากคนทำงานและธุรกิจต่างๆ เราใช้จ่ายเงินเหล่านี้สำหรับเด็ก คนชรา คนป่วย คนจน และกองทัพ” นายริชาร์ดสัน กล่าว
“การกำหนดงบประมาณให้เหมาะสมนั้นสำคัญอย่างยิ่ง การกำหนดงบประมาณอย่างเหมาะสมก็ยากอย่างมากในช่วงโควิด”
ค่าครองชีพ
อัตราเงินเฟ้อ (โดยทั่วไปคือแรงกดดันด้านค่าครองชีพ) ได้กลับมาสูงขึ้นในระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังช่วงเวลาหลายปีที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย ที่ระหว่าง 2-3 เปอร์เซ็นต์
นี่ทำให้ราคาสินค้าจำเป็นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาอุปทานที่เกิดจากเหตุการณ์ระดับโลก เช่น การรุกรานยูเครนของรัสเซีย และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ในออสเตรเลีย อัตราเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการอยู่ที่ 3.5 เปอร์เซ็นต์ แต่ทุกคนประสบกับภาวะนี้โดยแตกต่างกันไป
ผลกระทบยังเลวร้ายลงไปอีกเนื่องจากการเติบโตของค่าจ้างที่ชะลอตัวลงอยู่ที่ 2.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่า
เขตเลือกตั้งเอเดน-โมนาโร (Eden-Monaro) ในควีนเบียน (Queanbeyan) ที่ปัจจุบันพรรคแรงงานถือครองที่นั่งอยู่ โดยมีคะแนนเสียงเหนือพรรมลิเบอรัลเพียงไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์
แต่เป็นเวลาช้านานแล้วที่เขตเลือกตั้งนี้ถูกมองว่าเป็นที่นั่งที่จะชี้ว่า ใครจะชนะการเลือกตั้งคุณเอดเวิร์ด มาพิวา ผู้อาศัยในเขตเลือกตั้งเอเดน-โมนาโร (Eden-Monaro) ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนมารับเงินบำนาญช่วยเหลือผู้ทุพพลภาพเมื่อไม่นานมานี้ บอกกับเอสบีเอส นิวส์ ว่า ผู้คนกำลังรู้สึกได้ถึงความยากลำบากจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น
คุณเอดเวิร์ด มาพิวา ผู้อาศัยในเขตเลือกตั้งเอเดน-โมนาโร (Eden-Monaro) Source: SBS
“มันจะยากลำบากมากสำหรับผู้คนจำนวนมากแถวนี้” คุณ มาพิวา กล่าว
“มันเหมือนกับว่าคนรวยก็ยิ่งรวยขึ้นและคนจนก็ยิ่งจนลง มันเหมือนกับว่าออสเตรเลียยิ่งแพงขึ้นๆ ที่จะอาศัยอยู่ที่นี่”
เหตุใดร่างงบประมาณแผ่นดินจึงสำคัญ แม้กำลังจะมีการเลือกตั้ง
พรรคร่วมต้องการใช้ร่างงบประมาณเพื่อโน้มน้าวใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งศรัทธาในผลงานที่ผ่านมาของพรรคในการบริหารเศรษฐกิจช่วงก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงสองเดือนข้างหน้า
แต่การเลือกตั้งยังหมายถึง ผู้คนจะตั้งตารอฟังการแถลงโต้ตอบเรื่องงบประมาณแผ่นดินของพรรคแรงงานด้วยเช่นกัน ขณะที่พรรคแรงงานโต้แย้งว่าครอบครัวต่างๆ กำลังเดือดร้อนกว่าเดิมอันเนื่องจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของพรรคร่วมรัฐบาล
นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลัง ได้บ่งบอกเป็นนัยว่า จะมีมาตรการบรรเทาเรื่องค่าครองชีพบางส่วน โดยใช้รายได้จากภาษีที่เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นทุนสำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือรูปแบบใหม่ๆ ให้แก่ครอบครัวต่างๆทางเลือกหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินสดครั้งเดียวให้แก่ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง
นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลังสหพันธรัฐ Source: AAP
แต่คุณแคสแซนดรา โกลดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสภาด้านบริการสังคมแห่งออสเตรเลีย (Australian Council of Social Service) กล่าวว่า แนวทางนี้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะช่วยผู้ที่กำลังได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าจำเป็นเพิ่มสูงขึ้น
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สำหรับผู้คนที่มีรายได้ต่ำ ค่าครองชีพกำลังบีบคั้นพวกเขา” คุณ โกลดี บอกกับเอสบีเอสนิวส์
“การจ่ายเงินสดให้ครั้งเดียวไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในเรื่องนั้น เราจำเป็นต้องแก้ไขให้มีความเพียงพอสำหรับระบบประกันสังคม เห็นได้ชัดเจนว่าเราไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้”
ความผันผวนในโลกและการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
รัฐบาลสหพันธรัฐ ยังได้เผชิญกับเสียงเรียกร้องให้จัดการโดยตรงกับราคาน้ำมันเบนซินแพง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นหลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน
แต่รัฐบาลยังคงปิดปากเงียบกับการตัดสินใจขั้นสุดท้ายใดๆ ในการลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง หรือทางเลือกอื่นๆคุณ อัลลัน โจนส์ ช่างไฟฟ้าคนหนึ่ง ได้พูดคุยกับเอสบีเอส นิวส์ ระหว่างที่เขาเดินทางไปทำงานในพื้นที่ ควีนเบียน (Queanbeyan)
คุณ อัลลัน โจนส์ ช่างไฟฟ้าคนหนึ่ง บอกว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อไปทำงานของเขาเพิ่มสูงขึ้นมาก Source: SBS
“ผลกำไรของผมนั้นได้รับผลกระทบอย่างหนัก ค่าเดินทาง การสึกหรอของรถยนต์ของผม ค่าที่พัก ทุกอย่างราคาสูงขึ้น แต่ค่าแรงของผมไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย” คุณ โจนส์ กล่าว
เขากล่าวว่า คงจะดี ถ้ามีความช่วยเหลือใดๆ เพิ่มเติม เพื่อบรรเทาความกดดันนี้
“ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่มันก็จะช่วยทุกคน ใช่ไหมล่ะ” คุณ โจนส์ กล่าว
ฉากหลังทางเศรษฐกิจ
อัตราการว่างงานแตะ 4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ และกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับต่ำสุดเท่าที่เคยเห็นมาในระยะเวลา 50 ปี
คาดว่าการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจจะช่วยหนุนงบประมาณของรัฐบาล 5,000 ล้านดอลลาร์ในปีการเงินนี้และ 8,000 ล้านดอลลาร์ในปีการเงินหน้า จากการคาดการณ์ของดีลอยท์ แอ็กแซสส์ อีโคโนมิกส์
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องได้ดุลงบประมาณเสียก่อน จึงจะเริ่มซ่อมแซมงบประมาณได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ผลกำไร/ขาดทุนสุทธิต้องดีกว่านี้ เพื่อให้ระบุชี้ได้ว่าจะสามารถลดการใช้จ่ายได้ในด้านใด และในด้านใดที่จะเพิ่มภาษีได้
คุณ กาเบรียลา ดาซูซา นักเศรษฐศาสตร์ ของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของออสเตรเลีย (Committee for Economic Development of Australia) กล่าวว่า ความท้าทายหลักสำหรับรัฐบาลมอร์ริสันคือ ความพยายามจับคู่ภาระกิจที่สำคัญในระยะสั้นให้เหมาะสมกับความต้องการของเศรษฐกิจในระยะยาว
“ในระยะสั้น ผู้คนต้องการรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น้อยลงเกี่ยวกับค่าครองชีพ แต่ในระยะยาว เราต้องการเศรษฐกิจที่มีพลวัต มีความสร้างสรรค์ และมีประสิทธิผล” คุณ กาเบรียลา ดาซูซา กล่าวกับ เอสบีเอส นิวส์
“เราจำเป็นต้องมีการอภิปรายอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับการปฏิรูปนโยบาย และวิธีที่จะเปลี่ยนฐานภาษีและนำนโยบายไปปฏิบัติ เพื่อพยายามบรรลุเป้าหมายนั้น”
แรงกดดันต่อผลกำไร/ขาดทุนสุทธิของงบประมาณแผ่นดิน ยังมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างถาวรของงบประมาณด้านสังคม รวมทั้งงบประมาณด้านการดูแลสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพ และค่าใช้จ่ายของกองทัพ ท่ามกลางฉากหลังของความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีความเสียหายอย่างต่อเนื่องต่องบประมาณจากโควิด-19 ซึ่งทำให้มีผู้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาน้อยลง แม้ออสเตรเลียได้เปิดพรมแดนระหว่างประเทศแล้ว
“หกไตรมาสติดกันที่จำนวนสุทธิของผู้ย้ายถิ่นฐานจากต่างประเทศติดลบ ซึ่งนั่นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของออสเตรเลียในอนาคตด้วย” คุณ ดาซูซา กล่าว
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลออสเตรเลียจะขยายโครงการซื้อบ้านหลังแรกในร่างงบประมาณ
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
โควิด-19 อัปเดต: มุขมนตรี VIC ติดโควิด ขณะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดใน NSW