ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวคดีฆาตกรรม และ ตอกย้ำถึงปัญหาอันน่าสะเทือนใจนี้ ทั้งคู่เสียชีวิตจากน้ำมือของคู่ครองหรืออดีตคู่ครอง ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านของพวกเธอเอง
“เราเห็นกรณีตัวอย่างเช่นนี้ไม่น้อยในออสเตรเลียช่วงที่ผ่านมา” คุณแจ็คกี วัตต์ (Jacqui Watt) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ No To Violence องค์กรรณรงค์ยุติพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงในครัวเรือนโดยผู้ชาย กล่าวว่า “ถึงเวลาแล้วที่เราควรให้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็นวาระฉุกเฉินของชาติ เป็นอะไรที่เราจะไม่อดทนยอมรับอีกต่อไป”
ความรุนแรงต่อสตรีคืออะไร
องค์กรเพื่อการป้องกันความรุนแรง Our Watch ระบุว่า ความรุนแรงต่อสตรีเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น การใช้ความรุนแรงในครอบครัวและความสัมพันธ์ ความรุนแรงระหว่างคบหาดูใจ การคุกคามทางเพศในที่ทำงาน การคุกคามในที่สาธารณะ การคุกคามออนไลน์ หรือแม้แต่พฤติกรรมบังคับควบคุม
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
รู้เท่าทันภัยความรุนแรงในครอบครัว
ทั้งยังอาจทับซ้อนกับปัญหาการใช้ความรุนแรงบนพื้นฐานทางเพศและเชื้อชาติต่อผู้หญิงชาวอะบอริจินและชาวเกาะแห่งช่องแคบทอร์เรส (Aboriginal and Torres Strait Islander) การเหยียดเพศและเกลียดชังคนข้ามเพศที่ผู้หญิงข้ามเพศประสบ ตลอดจนการใช้ความรุนแรงในสถานบริบาลต่อผู้หญิงที่เป็นผู้พิการ
คุณแพตตี คินเนอร์สลีย์ (Patty Kinnersly) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารองค์กร Our Watch กล่าวว่า ปัญหานี้สัมพันธ์กับความแตกต่างระหว่างเพศ เนื่องจากพบว่าส่วนมากผู้ชายเป็นผู้กระทำต่อผู้หญิง ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย หรือ เอบีเอส (Australian Bureau of Statistics: ABS) ชี้ว่า
“[ความรุนแรง]เกิดขึ้นที่บ้าน ตามท้องถนน ที่ทำงาน โรงเรียน หรือออนไลน์ และมักกระทำโดยน้ำมือของชายที่เป็นคนรู้จักของผู้หญิง” คุณคินเนอร์สลีย์กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า ประเด็นนี้ต้องอาศัย “ความเข้าใจในภาพกว้าง” เพื่อป้องกันความรุนแรงทุกรูปแบบ
“การป้องกันความรุนแรงต่อสตรีทุกรูปแบบโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างเพศ รวมถึงพิจารณาความไม่เท่าเทียมเชิงโครงสร้างที่ส่งผลต่อชีวิตของผู้หญิง เหล่านี้คือกุญแจหยุดยั้งก่อนปัญหาจะเกิดขึ้น”
ความรุนแรงในครอบครัวคืออะไร
ความรุนแรงในครอบครัวเกิดขึ้นในบริบทความสัมพันธ์กับคู่ครอง อดีตคู่ครอง ครอบครัว หรือความสัมพันธ์กับผู้ให้การดูแล เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ อาทิ การทารุณทางกาย คำพูด อารมณ์ หรือเพศ การแยกตัวออกจากสังคม การสะกดรอยติดตาม การข่มเหงผ่านการเงิน เทคโนโลยี วัฒนธรรม หรือศรัทธาความเชื่อ1 ใน 3 ของผู้หญิงชาวออสเตรเลียมีประสบการณ์ถูกผู้ชายกระทำทารุณทางกายหรือทางเพศตั้งแต่อายุ 15 ปี จาก
Source: Getty Images
งานศึกษาวิจัยโดยองค์กร Our Watch พบว่า ชาวออสเตรเลียครึ่งหนึ่งมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะตระหนักรู้ถึงพฤติกรรมทารุณในความสัมพันธ์ที่ไม่ได้กระทำทางกายภาพ ข้อมูลจากเอบีเอสยังพบว่า ผู้หญิงกว่า 1 ใน 4 เคยมีประสบการณ์ถูกคู่ครองข่มเหงทารุณในลักษณะนี้
คุณฟิโอนา มอร์ต (Fiona Mort) ผู้บริหารสายด่วนช่วยเหลือกรณีความรุนแรงทางเพศและในครอบครัว 1800RESPECT อธิบายว่า “แต่ก่อนคนมักคิดว่า[ความรุนแรงในครอบครัว]หมายถึงเฉพาะที่เกิดขึ้นทางกาย แต่ที่จริงแล้วครอบคลุมพฤติกรรมใด ๆ เพื่อพยายามควบคุมอีกฝ่าย”
“อาจข้องเกี่ยวกับการลงมือกระทำหรือข่มขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงทางกายหรือทางเพศ ทั้งยังรวมถึงการห้ามไม่ให้อีกฝ่าย... ซึ่งมักเป็นผู้หญิง... ทำสิ่งที่เธอต้องการ”
การบังคับควบคุมคืออะไร
หลายเสียงในออสเตรเลียเรียกร้องให้ การบังคับควบคุมในบริบทความรุนแรงในครอบครัวมักแสดงออกในรูปแบบการข่มเหงทารุณทางอารมณ์และจิตใจที่มุ่งสร้างความกลัว วางอำนาจและควบคุมอีกฝ่าย
คุณมอร์ตกล่าวว่า การบังคับควบคุมอาจรวมถึงห้ามไม่ให้ผู้หญิงติดต่อเพื่อนและครอบครัว หรือเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาวัฒนธรรม ตลอดจนสะกดรอยติดตามด้วยวิธีต่าง ๆ หรือขัดขวางไม่ให้มีอาชีพการงาน
“ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมแบบไหน ก็ล้วนมีผลกระทบทางจิตใจที่มุ่งควบคุมชีวิตของอีกฝ่าย” คุณมอร์ตกล่าว
คุณแจ็คกี วัตต์ อธิบายเพิ่มว่า “อาจสังเกตเห็นได้ยากมาก อาจเกิดขึ้นช่วงระยะเวลาหนึ่ง และคนอาจไม่ทันตระหนักถึง”
“นี่คือสิ่งที่เราต้องปรับปรุงทั่วทั้งออสเตรเลีย ช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงความเสี่ยงและอันตรายในสถานการณ์ของตน อีกทั้งบริการช่วยเหลือต้องตอบสนองต่อสัญญาณเตือนเหล่านั้น”
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ควรทำให้การบังคับควบคุมเป็นความผิดอาญาหรือไม่
มีอะไรเป็นสัญญาณเตือนบ้าง
ประสบการณ์ความรุนแรงในครอบครัวพบได้หลายรูปแบบ แต่มีสัญญาณบางอย่างที่อาจสื่อว่าบุคคลตกอยู่ในความสัมพันธ์รุนแรงหรือกำลังเผชิญกับพฤติกรรมควบคุม บางสัญญาณสังเกตเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปที่จะจับสัญญาณเหล่านี้
คุณคินเนอร์สลีย์กล่าวว่า สัญญาณที่ช่วยระบุการกระทำทารุณนอกเหนือจากทางกายอาจรวมถึงพฤติกรรมติดตามจับตาความเคลื่อนไหวออนไลน์ของคู่ครอง อ่านข้อความบนโทรศัพท์ พูดจาดูถูกด้อยค่า และควบคุมการใช้เงิน
“พฤติกรรมประเภทนี้มักได้รับการให้อภัย ไม่ถือสาหาความ มีข้ออ้าง หรือปล่อยผ่านไป แต่พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ควรมีอยู่ในความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมและเคารพซึ่งกันและกัน”
คุณวัตต์กล่าวว่า ผู้หญิงที่ถูกใช้ความรุนแรงอาจตระหนักถึงพฤติกรรมเช่นนี้ได้โดยตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากเธอทำสิ่งต่าง ๆ โดยอิสระ
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
เหยื่อความรุนแรงในครอบครัวเรียกร้องปรับปรุงตำรวจ-ศาล
“จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณพูดว่า ‘ฉันจะออกไปเจอเพื่อนนะ’ เขาแยกคุณออกจากเพื่อนและครอบครัวหรือเปล่า เขาพยายามควบคุมความเคลื่อนไหวของคุณหรือไม่ เขาบอกว่าคุณต้องรับผิดชอบเวลาเขาโมโหหรือเปล่า”
คุณมอร์ตเห็นด้วย พร้อมเสริมว่า “ถ้าคุณรู้สึกเหมือนต้องถามตัวเองก่อนเสมอว่าทำสิ่งนี้ได้ไหม อีกฝ่ายจะว่าอย่างไรถ้าคุณทำ ดิฉันคิดว่าคุณคงเริ่มเข้าใจแล้วว่ามีบางคนกำลังควบคุมชีวิตคุณอยู่”
“เรามีคำเรียกให้สิ่งต่าง ๆ แต่ถ้าประสบการณ์ของคุณไม่ตรงกับคำที่คนอื่นเรียกหรือบรรยายไว้ นั่นไม่ได้หมายความว่าพฤติกรรมนั้นไม่เข้าข่ายความรุนแรงในครอบครัว และไม่ได้หมายความว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟัง”
คุณมอร์ตยังสนับสนุนให้ครอบครัวและเพื่อนหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน
“หากผู้หญิงคนนั้นเป็นคนร่าเริงเข้าสังคม แล้ววันหนึ่งกลับเปลี่ยนไปจากเดิม อาจบ่งชี้ว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง”
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
รายงานเผยผู้หญิงถูกคุกคามเหยียดเชื้อชาติในที่สาธารณะ
ขอความช่วยเหลืออย่างไร
อันดับแรก หากคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย ติดต่อตำรวจที่หมายเลขโทรศัพท์ 000 หรือบริการฉุกเฉินกรณีวิกฤตของรัฐหรือมณฑล
ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไร คุณมอร์ตแนะนำให้ติดต่อสายด่วน 1800RESPECT โทร. 1800 737 732 เพื่อให้ช่วยติดต่อบริการสนับสนุนในท้องถิ่น
“[ช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือ]เหล่านี้ไม่จำกัดแค่สำหรับผู้หญิงเท่านั้น ครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน สามารถติดต่อเราเพื่อปรึกษาว่าจะช่วยอย่างไรได้บ้างเช่นกัน”
ฝ่ายชายที่ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมความสัมพันธ์ที่น่ากังวล สามารถติดต่อบริการ Men's Referral Line โทร. 1300 766 491 หรือศึกษาบริการจากองค์กร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงบริการให้คำปรึกษาสำหรับผู้ชายที่ใช้ความรุนแรงต่อสตรี
“เราอยากให้ฝ่ายชายโทรศัพท์เข้ามากันมากขึ้น เพราะเรามองว่าทุกสายสนทนาเป็นโอกาสเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม” คุณวัตต์กล่าว
คำสั่งคุ้มครองจากความรุนแรงในครอบครัวคืออะไร
มีเครื่องมือหลายอย่างที่ผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัวสามารถใช้ป้องกันตัวเองจากการกระทำทารุณ ข่มเหง หรือคุกคามเพิ่มเติมจากเดิม หนึ่งในนั้นคือ คำสั่งคุ้มครองจากความรุนแรงในครอบครัว
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
'คำสั่งคุ้มครองจากความรุนแรงในครอบครัว' คืออะไร
คำสั่งคุ้มครองมีชื่อเรียกต่างกันในแต่ละรัฐ และมีกระบวนการยื่นขอแตกต่างกันไป
คุณจาโคบา บราส์ช (Jacoba Brasch) ประธานสภาทนายความแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า การเริ่มกระบวนการยื่นคำร้องทำได้ผ่านสองแนวทางหลัก
"วิธีปกติคือ เพื่อนบ้านหรือตัวคุณเรียกตำรวจ จากนั้นตำรวจจะประเมินสถานการณ์ แล้วยื่นคำร้องขอคำสั่งคุ้มครองในนามของคุณ หรือคุณอาจไปกรอกแบบฟอร์มที่ศาลด้วยตัวเองหรือทางออนไลน์ และคุณสามารถยื่นคำร้องเป็นการส่วนตัวได้" คุณบราส์ชอธิบาย
สำหรับผู้ที่ต้องการยื่นคำร้องเป็นการส่วนตัว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรขอคำปรึกษาจากบริการช่วยเหลือด้านความรุนแรงในครอบครัวก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าจะเป็นแนวทางดำเนินการที่ปลอดภัยที่สุด
คุณโทมัส สปอว์ (Thomas Spohr) นักกฎหมายจาก Legal Aid NSW กล่าวว่า คำสั่งคุ้มครองจะระบุเงื่อนไขว่าผู้ต้องหาควรปฏิบัติตัวอย่างไร
ทั้งนี้ ส่งผลให้คำสั่งคุ้มครองจากความรุนแรงในครอบครัวส่วนใหญ่เป็นที่ยอมรับและมีผลบังคับใช้ได้ทั่วทุกรัฐและมณฑล หากพิสูจน์ได้ว่าผู้ต้องหาฝ่าฝืนเงื่อนไขในคำสั่งคุ้มครองอาจมีโทษปรับหรือจำคุก
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
อุปสรรควีซ่า-วัฒนธรรมฉุดรั้งผู้หญิงย้ายถิ่นฐานในความสัมพันธ์รุนแรง
สำหรับผู้ที่มีพื้นเพหลากภาษาและวัฒนธรรม
ผู้หญิงที่มีพื้นเพหลากภาษาและวัฒนธรรม อาทิ ชาวอะบอริจินและชาวเกาะแห่งช่องแคบทอร์เรส ผู้ลี้ภัย ผู้แสวงหาที่ลี้ภัย ผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน และนักเรียนต่างชาติ อาจเผชิญข้อเสียเปรียบและถูกเลือกปฏิบัติ ทั้งยังอาจมีอุปสรรคเพิ่มเติมที่ทำให้ขอความช่วยเหลือลำบากยิ่งขึ้น
คุณมอร์ตกล่าวว่า บางครั้งปัจจัยอยู่ที่ว่า ผู้หญิงเหล่านี้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่หรือไม่ อาศัยอยู่ในออสเตรเลียมานานแค่ไหน และคุ้นเคยกับบริการที่มีอยู่มากเพียงใด
“พวกเธออาจไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหน อาจกลัวว่าบริการของรัฐจะไม่เป็นอย่างที่คาด เราจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับพวกเธอผ่านทางผู้นำชุมชน เพื่อประชาสัมพันธ์บริการของเรา และสารของเราที่ว่า ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้”
คุณมอร์ตแนะนำด้วยว่า บริการด้านความรุนแรงในครอบครัวส่วนใหญ่เข้าถึงบริการแปลภาษาได้
คุณคินเนอร์สลีย์เสริมว่า มีหลายหน่วยงานให้บริการเฉพาะทางด้านนี้ เช่น
- บริการช่วยเหลือหญิงผู้ย้ายถิ่นฐานและผู้ลี้ภัยทั่วรัฐวิกตอเรีย (โทร. 03 9413 6500)
- องค์กรชุมชนศึกษาวิจัยและช่วยเหลือกรณีความรุนแรงในครอบครัว ให้คำปรึกษาและข้อมูล ตลอดจนการสนับสนุนและบริการส่งตัว สำหรับหญิงผู้ย้ายถิ่นฐานและผู้ลี้ภัยในรัฐนิวเซาท์เวลส์ (โทร. 02 9635 8022 หรือ [email protected])
เยี่ยมชมเว็บไซต์ ของกระทรวงบริการสังคม สำหรับข้อมูลเพื่อผู้ย้ายถิ่นฐานมายังออสเตรเลียทั้งชายและหญิง
สารคดีเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว What You Made Me Do ชมฟรีออนไลน์ทาง SBS On Demand ดูเพิ่มเติมที่
หากคุณหรือบุคคลอื่นตกอยู่ในอันตรายฉุกเฉิน โทร. 000
หากต้องการขอคำปรึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวหรือการประทุษร้ายทางเพศ ติดต่อบริการ 1800RESPECT โทร. 1800 737 732 หรือ
Men’s Referral Service โทร. 1300 766 491หรือ (บริการปรึกษาทางโทรศัพท์สำหรับผู้ชายโดยไม่เปิดเผยชื่อและเป็นความลับ)
สายด่วนแห่งชาติแจ้งการกระทำทารุณและละเลยทอดทิ้งผู้พิการ โทร. 1800 880 052
ELDERHelp โทร. 1800 353 374
สวัสดิภาพสมาคม Thai Welfare Association องค์กรช่วยเหลือคนไทยในออสเตรเลีย โทร. 02 9264 3166 (หากไม่มีผู้รับสายสามารถฝากข้อความได้) หรืออีเมล
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอสไทยได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์กเพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุดหรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ภาคธุรกิจให้คำมั่นร่วมกำจัดขยะพลาสติกภายในปี 2025