รายงานเผยผู้หญิงถูกคุกคามเหยียดเชื้อชาติในที่สาธารณะ

The harassment Grace has experienced has also been racist

The harassment Grace has experienced has also been racist Source: Supplied

ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่า ผู้หญิงชนกลุ่มน้อยเผชิญกับการข่มเหงในที่สาธารณะ ทับซ้อนกับการเหยียดเชื้อชาติหรือความเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน


LISTEN TO
Most women experience sexual street harassment; for some women it's also racist image

รายงานเผยผู้หญิงถูกคุกคามเหยียดเชื้อชาติในที่สาธารณะ

SBS Thai

26/04/202108:08
ผู้หญิงส่วนใหญ่มีประสบการณ์ถูกคุกคามตามท้องถนนอย่างน้อยครั้งหนึ่งในช่วงชีวิต

คุณเกรซ วัย 23 ปี ไปเที่ยวกับครอบครัวที่เมืองเลกส์เอนทรานซ์ (Lakes Entrance) รัฐวิกตอเรีย และพบเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อชายคนหนึ่งตะโกนใส่เธอและน้องสาว

"ฉันกับน้องสาวยืนรอพ่อกับแม่อยู่ริมถนน แล้วผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็เริ่มตะโกน... ฉันไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไรดี มันน่ากลัว เพราะเขากรีดร้องเต็มเสียงเลยฟังไม่ค่อยออกว่าเขาพูดอะไรกันแน่ ประมาณว่า 'คนจีนบุกประเทศ' แล้วพูดถึงโควิด ซึ่งเป็นอะไรที่ตอนนี้ชาวจีนเองก็รู้ว่าคงโดนพูดเรื่องนี้"

คุณเกรซย้ายจากประเทศจีนมาออสเตรเลียพร้อมครอบครัวตอนอายุ 4 ขวบ เธอเล่าว่าเจอประสบการณ์ถูกคุกคามทั้งเรื่องเพศและเชื้อชาติในที่สาธารณะอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่อายุน้อย

"ฉันวิ่งจ็อกกิ้งอยู่ริมถนนหลักใกล้แยกที่มีรถมาหยุดรอไฟแดง ตอนวิ่งผ่านรถคันหนึ่ง ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งชะโงกออกมาจากหน้าต่าง ถือกล้องโทรศัพท์มาทางฉันไม่รู้ว่าถ่ายรูปหรือวิดีโอ มันน่าขนลุกมาก ๆ เขาพูดอะไรสักอย่างด้วย แต่ฉันจำไม่ได้ว่าพูดอะไร เพราะตอนนั้นตกใจมาก กลัวมาก ถึงขั้นประมวลไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น"

ผู้หญิงในที่สาธารณะ
Source: Pixabay/Arek Socha


คุณเกรซเป็นเพียงหนึ่งในผู้หญิงหลายร้อยคนในออสเตรเลียที่มีประสบการณ์เช่นนี้

รายงานโดยองค์กร It’s Not a Compliment ในรัฐวิกตอเรีย แสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ในที่สาธารณะต่อผู้หญิงพบได้มากเพียงใดและสร้างบาดแผลทางใจต่อผู้ถูกกระทำขนาดไหน รวมถึงสะท้อนว่า พฤติกรรมเหล่านี้อาจทับซ้อนกับการเหยียดเชื้อชาติหรือความเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน

รายงานหัวข้อ 'A Snapshot of Street Harassment Experiences in Victoria' ('บันทึกประสบการณ์การคุกคามตามท้องถนนในรัฐวิกตอเรีย') รวบรวมเรื่องราวของผู้ให้ข้อมูล 343 รายระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

ผลสำรวจส่วนหนึ่งพบว่า เกือบร้อยละ 90 ของผู้ให้ข้อมูลถูกคุกคามตามท้องถนนในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา โดยร้อยละ 75 เจอเหตุการณ์เช่นนี้อย่างน้อยเดือนละครั้ง

"การคุกคามตามท้องถนนเกิดขึ้นทั่วไปกว่าที่หลายคนคิดและยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ชนกลุ่มน้อย คนผิวสี ชุมชนหลากหลายทางเพศ หรือผู้พิการ โดยเฉพาะผู้หญิงในกลุ่มเหล่านี้ นอกจากพวกเธอจะเผชิญการคุกคามบนพื้นฐานทางเพศเช่นเดียวกับผู้หญิงทุกคนแล้ว ยังเจอระดับการคุกคามทับซ้อนขึ้นไปอีกจากอัตลักษณ์ของพวกเธอ ยิ่งถ้าเป็นลักษณะที่คนตามท้องถนนมองเห็นได้ด้วย"

คุณนาตาชา ชาร์มา (Natasha Sharma) เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและนโยบายขององค์กร It’s Not a Compliment กล่าวว่า เหยื่อหลายคนต้องทนทุกข์กับปัญหาสุขภาพจิตอันเป็นผลจากการถูกคุกคามในที่สาธารณะ

"ผลของประสบการณ์ถูกคุกคามมักออกมาในรูปแบบภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลช่วงหลังเกิดเหตุ รวมถึงผลกระทบระยะยาวต่อจากนั้น หลายคนเปลี่ยนเส้นทางที่เดินทางประจำ ไม่ว่าจะไปซื้อของหรือไปมหาวิทยาลัย เพียงเพื่อจำกัดระยะเวลาที่ต้องอยู่ในพื้นที่สาธารณะ" คุณชาร์มากล่าว

คุณมาเรีย ฮาค (Maria Hach) จากศูนย์พหุวัฒนธรรมเพื่อสุขภาพสตรี (Multicultural Centre for Women’s Health) รัฐวิกตอเรีย บอกว่านี่เป็นแนวโน้มที่น่ากังวล
"เราทราบจากข้อมูลวิจัยว่า ผู้หญิงที่เป็นผู้ย้ายถิ่นฐานและผู้ลี้ภัยเผชิญการคุกคามทางเพศ แต่ประสบการณ์ที่พวกเธอพบเจอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น เพราะการคุกคามทางเพศที่พวกเธอเจอนั้นผูกอยู่กับแนวคิดเหยียดเชื้อชาติที่มียาวนาน" คุณฮาคกล่าว

"สิ่งสำคัญที่ควรระลึกถึงคือ สำหรับผู้หญิงที่แปลกแยกเพราะเชื้อชาติ สำหรับผู้หญิงที่รูปลักษณ์แตกต่าง การคุกคามตามท้องถนนผูกอยู่กับแนวคิดเหยียดเชื้อชาติ รวมถึงความเป็นคนขาว และอภิสิทธิ์ของคนผิวขาว" 

ผลสำรวจยังชี้ว่า ร้อยละ 86 ของผู้ให้ข้อมูลไม่เคยรายงานแจ้งกรณีการคุกคามตามท้องถนน อีกทั้งร้อยละ 91.5 ของผู้ที่เคยแจ้งบอกว่าไม่พอใจหรือไม่พอใจอย่างมากกับผลลัพธ์

คุณชาร์มากล่าวว่า การแทรกแซงช่วยเหลือโดยชุมชนคือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะยุติการคุกคามตามท้องถนน

"หากเพื่อนหรือคนรอบข้างส่งเสียงออกมาบอกว่า ทำแบบนั้นไม่เท่เลย อย่าทำแบบนั้น คนพวกนี้มักตอบสนองต่อความเห็นเหล่านี้หรือมีโอกาสคิดตามได้มากขึ้น เพราะพวกเขาให้ค่าความเห็นเหล่านี้มากกว่า" คุณชาร์มากล่าว

"ดังนั้น เราจึงสนใจสนับสนุนผู้อยู่ในเหตุการณ์หรือคนรอบข้างผู้ที่คุกคามคนอื่นแต่ยังเข้าใจตรงกันกับพวกเรา ให้พวกเขาเข้าใจว่าสิ่งนี้คือการคุกคาม ให้สามารถส่งเสียงออกมาอย่างปลอดภัยในลักษณะที่ไม่เป็นการเผชิญหน้า และค่อย ๆ ปลูกฝังค่านิยมที่ว่า 'อย่าทำแบบนั้น'"

อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณเกรซแล้ว การคุกคามตามท้องถนนเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของปัญหาการเหยียดเชื้อชาติที่ฝังรากในออสเตรเลีย

"การคุกคามตามท้องถนนเป็นเหมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง... การเหยียดเชื้อชาติมีอะไรมากกว่านี้มาก ไม่จำเป็นต้องระเบิดอารมณ์ก็ทำให้บางคนรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือแปลกแยกได้ อาจเป็นถ้อยคำที่ฟังดูไร้พิษภัย หรือวิธีที่สื่อนำเสนอข่าว หรือนโยบายที่มีเจตนาดีแต่ส่งผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด" คุณเกรซทิ้งท้าย



คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share