โฉมหน้าของรัฐสภาสหพันธรัฐกำลังจะดูแตกต่างออกไป โดยมีผู้คนจากชุมชนหลากวัฒนธรรมจำนวนหนึ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
ซึ่งนี่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการที่รัฐสภาออสเตรเลียจะต้องสะท้อนภาพชุมชนที่พวกเขาเป็นตัวแทน
กด ▶ เพื่อฟังรายงาน
LISTEN TO
สส. หลากวัฒนธรรมกำลังเปลี่ยนโฉมหน้ารัฐสภาออสเตรเลีย
SBS Thai
26/05/202207:38
นาง ได ลี (Dai Le) สส.อิสระคนใหม่ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้าไปในรัฐสภา ได้ปรากฏตัวทางสถานีโทรทัศน์สำหรับชุมชนชาวเวียดนามเพื่อกล่าวโดยตรงกับผู้คนที่ให้เธอได้รับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งฟาวเลอร์ (Fowler) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซิดนีย์
เขตเลือกตั้งดังกล่าวเป็นพื้นที่มีชาวออสเตรเลียเชื้อสายชาวเวียดนามอาศัยอยู่หนาแน่น และเคยเป็นเขตเลือกตั้งที่พรรคแรงงานครองที่นั่งมาโดยตลอด ก่อนที่นาง ได ลี จะผลักนางคริสตินา คีนีลลี ผู้สมัครจากพรรคแรงงาน ให้พ่ายแพ้ไป
นางลี กล่าวว่า ตัวของเธอนั้นสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เธอเป็นตัวแทน
"ที่หน่วยเลือกตั้ง ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพและจากทุกวัฒนธรรมบอกกับฉันว่า 'คุณเป็นหนึ่งในพวกเรา คุณเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน เราจะสนับสนุนคุณ' นั่นทำให้ฉันอุ่นใจอย่างมาก ใช่ ฉันมีเชื้อสายเวียดนามและเป็นผู้ลี้ภัย แต่ผู้คนจำนวนมากสามารถเข้าใจในประสบการณ์ที่ฉันมีได้ พวกเขารู้ว่าฉันสามารถเข้าอกเข้าใจประสบการณ์ของพวกเขาและเรื่องราวของพวกเขา" นางได ลี กล่าว
เธอไม่ใช่ชาวออสเตรเลียเชื้อสายเอเชียคนเดียวที่มุ่งหน้าสู่รัฐสภาในกรุงแคนเบอร์ราเป็นครั้งแรก
เธอจะมีเพื่อนร่วมพรรคแรงงาน ที่เป็นชาวออสเตรเลียเชื้อสายเอเชียเช่นเดียวกัน ได้แก่ นางแซลลี ซิทู (Sally Sitou) สส.คนใหม่จากเขตรีด (Reid) ทางตะวันตกของซิดนีย์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีเชื้อสายจีน
และนายแซม ลิม (Sam Lim) อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ฝึกปลาโลมาที่เกิดในมาเลเซีย ซึ่งกำชัยชนะให้พรรคแรงงาน ในเขตเลือกตั้งแทงนีย์ (Tangney) ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
แม้ว่าชาวออสเตรเลียเชื้อสายเอเชียจะมีสัดส่วนราวร้อยละ 16 ของประชากรในประเทศ (ตามสำมะโนประชากร 2016) แต่พวกเขายังคงขาดตัวแทนในรัฐสภา
แต่นี่กำลังจะเริ่มเปลี่ยนไป
คุณอีริน ชิว เป็นผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่าย เอเชียน ออสเตรเลียน อัลไลอันซ์ (Asian Australian Alliance)
เธอกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในรัฐสภาครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
"ข่าวดีอย่างแรกเลยคือ ชาวออสเตรเลียเชื้อสายเอเชียที่จะเข้าสู่รัฐสภาได้เพิ่มจำนวนขึ้นสองเท่าจากการเลือกตั้งในปี 2019 จนถึงครั้งปัจจุบัน และนั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าความก้าวหน้า แต่ไม่ควรถูกมองว่าเป็นจุดสูงสุดแล้ว และไม่ควรถือว่าเราได้บรรลุความสำเร็จแล้ว ควรมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการจะมีจำนวนมากขึ้นอีกนับจากนี้" คุณชิว กล่าว
ด้านนางได ลี กล่าวว่า เธอหวังว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นให้ผู้คนที่มีภูมิหลังจากชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรมเข้าสู่การเมือง
ผู้คนจำนวนมากที่มีภูมิหลังหลากภาษาและวัฒนธรรมลังเลที่จะก้าวเข้าสู่บทบาทผู้นำต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทางการเมือง
"ผู้คนจำนวนมากที่มีภูมิหลังหลากภาษาและวัฒนธรรมลังเลที่จะก้าวเข้าสู่บทบาทผู้นำต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทางการเมือง เนื่องจากการเมืองในออสเตรเลียมีภาพลักษณ์ของการเป็นศัตรูกันของพรรคต่างๆ และส่วนใหญ่มีผู้ชายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลครอบงำวงการและโดยมากก็เป็นผู้ชายที่มีภูมิหลังเป็นชาวอังกฤษหรือไอริชอยู่ในรัฐสภาของเรา ถ้าเราไม่มีใครในรัฐสภาเลย ที่เราจะมองดูและพูดว่า 'ดูสิ พวกเขาทำสำเร็จแล้ว ฉันเองก็จะลองทำบ้าง' ถ้าเราไม่มีใครเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือคนผิวสี หากเราไม่มีคนเหล่านั้น ก็มีแนวโน้มน้อยมากที่ผู้คนจะปรารถนาจะได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเหล่านั้น" นางได ลี กล่าว
ถ้าเราไม่มีใครเลย (ในรัฐสภา) ไม่ว่าจะเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือคนผิวสี ก็มีแนวโน้มน้อยมากที่ผู้คนจะปรารถนาจะได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเหล่านั้น
การเลือกตั้งครั้งนี้ยังถูกจดจำว่า มีผู้สมัครอิสระที่เป็นผู้หญิงในจำนวนสูงสุด ที่เอาชนะคู่แข่งจากพรรคลิเบอรัลและพรรคแรงงานซึ่งถือครองที่นั่งมานานได้
ไม่ว่าจะเป็นนางโซอี แดเนียล (Zoe Daniel) และพญ.โมนิก ไรอัน (Monique Ryan) ในเมลเบิร์น ไปจนถึงนางอัลเลกรา สเปนเดอร์ (Allegra Spender) นางโซเฟีย สแคมส์ (Sophie Skamps) และนางไคลี ทิงค์ (Kylea Tink) ในซิดนีย์
การหาเสียงเลือกตั้งของพวกเธอมุ่งเน้นไปที่เรื่องการดำเนินการด้านสภาพอากาศ ความซื่อสัตย์สุจริตทางการเมือง และความเท่าเทียมทางเพศ
นางไคลี ทิงค์ (Kylea Tink) ซึ่งเอาชนะนายเทร็นต์ ซิมเมอร์แมน จากพรรคลิเบอรัลไปได้ในพื้นที่นอร์ท ซิดนีย์ กล่าวว่าเธอจะไปยังกรุงแคนเบอร์ราพร้อมภารกิจที่เธอมุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ
"ฉันบอกอย่างชัดเจนมาก ผู้คนจากนอร์ทซิดนีย์ส่งฉันไปที่แคนเบอร์ราเพื่อดำเนินการอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสภาพอากาศ เพื่อสนับสนุนการจัดตั้งคณะกรรมาธิการด้านความซื่อสัตย์สุจริต และเพื่อนำความซื่อตรงมากขึ้นสู่การเมืองระดับสหพันธรัฐ เพื่อดูว่าเศรษฐกิจของเรากำลังถูกขับเคลื่อนไปอย่างไร เพื่อให้เรามุ่งไปข้างหน้า และมีแผนในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน และเพื่อจัดการกับปัญหาพื้นฐานของความไม่เท่าเทียมกันในประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ปัญหาของชนกลุ่มแรกของชาติ หรือการปฏิบัติของเราต่อผู้ขอลี้ภัย และฉันบอกได้เลยว่าตื่นเต้นมากที่เสียงของนอร์ทซิดนีย์จะเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ครอบครัวบิโลอีลา (Biloela) จะได้กลับบ้าน" นางไคลี ทิงค์ กล่าว
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ออสเตรเลียจะเปลี่ยนไปอย่างไรภายใต้รัฐบาลพรรคแรงงาน
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ครัวเรือน-ธุรกิจรายเล็กเจอค่าไฟพุ่ง รบ.จวก 'ลิเบอรัล' เมินเฉย 9 ปี
