ค่าไฟฟ้าสำหรับภาคครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กจะเพิ่มสูงขึ้น จากการตัดสินใจของหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานออสเตรเลีย (Australian Energy Regulator) จากสถานการณ์อุทกภัย สงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะขาดแคลนพลังงานจากโรงไฟฟ้าถ่านหินลดกำลังการผลิต
วันนี้ (26 พ.ค.) หน่วยงานกำกับดูแลพลังงานออสเตรเลีย (Australian Energy Regulator) ได้เผยแพร่การทบทวนล่าสุดสำหรับราคาเสนอขายเริ่มต้น (Default Market Offer หรือ DMO) ปีงบประมาณ 2022/23
ทั้งนี้ ราคาเสนอขายเริ่มต้น (DMO) จะกำหนดโครงข่ายราคารองรับและราคาอ้างอิง เพื่อปกป้องผู้บริโภคจากราคาพลังงานที่สูงอย่างไม่เป็นธรรม
โดยราคาเสนอขายเริ่มต้นที่หน่วยงาน ฯ ได้เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับลูกค้าในครัวเรือนมีดังนี้
- รัฐนิวเซาท์เวลส์ เปลี่ยนแปลงจาก $1,512 ดอลลาร์ เป็น $2,092 ดอลลาร์ (เพิ่มจากร้อยละ 8.5 เป็น 14.1 หรือมากกว่าปีที่ผ่านมาจาก $119 ดอลลาร์ เป็น $227 ดอลลาร์)
- พื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ $1,620 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 หรือมากกว่าปีที่ผ่านมา $165 ดอลลาร์)
- รัฐเซาท์ออสเตรเลีย $1,840 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 หรือมากกว่าปีที่ผ่านมา $124 ดอลลาร์)
สำหรับลูกค้าภาคธุรกิจ ราคาเสนอขายเริ่มต้น (DMO) จะเปลี่ยนแปลงดังนี้
- รัฐนิวเซาท์เวลส์ เปลี่ยนแปลงจาก $3,782 ดอลลาร์ เป็น $4,901 ดอลลาร์ (เพิ่มจากร้อยละ 10 เป็น 19.7 หรือมากกว่าปีที่ผ่านมาจาก $690 ดอลลาร์ เป็น $1,146 ดอลลาร์)
- พื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ $3,446 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 หรือมากกว่าปีที่ผ่านมา $705 ดอลลาร์)
- รัฐเซาท์ออสเตรเลีย $4,539 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 หรือมากกว่าปีที่ผ่านมา $459 ดอลลาร์)
หน่วยงานกำกับดูแลพลังงานออสเตรเลีย ระบุว่า ราคาพลังงานขายส่งสำหรับผู้ค้าปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.4 ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ร้อยละ 49.5 ในรัฐควีนส์แลนด์ และร้อยละ 18 ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย อันเป็นผลจากการลดกำลังการผลิตพลังงานความร้อนจากการขาดกำลังผลิตโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ราคาก๊าซและถ่านหินที่สูงขึ้น การลงทุนในศักยภาพที่ชะลอตัว รวมถึงการเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างฉับพลันของความต้องการพลังงาน
นอกจากนี้ หน่วยงานฯ ยังระบุอีกว่า ความกดดันจากสงครามในประเทศยูเครน สภาพอากาศที่รุนแรงในรัฐนิวเซาท์เวลส์และควีนส์แลนด์ กำลังส่งผลกระทบต่อปริมาณถ่านหินรวมถึงความต้องการพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศ เช่นเดียวกับการหยุดผลิตโดยไม่ได้วางแผนของโรงผลิตไฟฟ้า
แคลร์ ซาเวจ (Clare Savage) ประธานหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานออสเตรเลีย (AER) กล่าวว่า การทบทวนราคาล่าสุดนี้เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลได้พยายามสร้างสมดุลของแรงกดดันราคาเพิ่มเติมที่มีต่อผู้บริโภค โดยทำให้แน่ใจว่าผู้ค้าปลีกรายต่าง ๆ จะสามารถกู้คืนต้นทุนจากราคาค้าส่งรวมถึงราคาเครือข่ายพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นได้
“ในการตั้งราคา DMO ใหม่ เราเข้าใจถึงผลกระทบที่มีนัยยะสำคัญที่จะมีต่อลูกค้าบางรายที่อาจกำลังดิ้นรนกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอยู่แล้ว” นางซาเวจ กล่าว
“เราได้พิจารณาปัจจัยทั้งหมดที่จะส่งผลต่อการคำนวณราคาเสนอขายเริ่มต้นโดยละเอียด และได้ตั้งโครงข่ายราคารองรับที่สะท้อนสภาวการณ์ในปัจจุบันและต้นทุนพื้นฐานสำหรับผู้ค้าปลีก”
เธอกล่าวอีกว่า สิ่งนี้ทำให้การมองหาแผนราคาพลังงานของผู้บริโภคให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองนั้นมีความสำคัญมากขึ้น
หน่วยงานกำกับดูแลพลังงานออสเตรเลียมีเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบราคาพลังงานที่ชื่อว่า ซึ่งนางซาเวจ กล่าวว่า กำลังมีข้อเสนอจำนวนหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าระดับครัวเรือนประหยัดไปได้ราว $443 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 24 ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กสามารถประหยัดค่าพลังงานไปได้ราว $1,308 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 29
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เงินเฟ้อออสฯ สูงสุดรอบ 20 ปี สะเทือนปากท้อง คนเริ่มกินนอนในรถ
ด้าน นายคริส โบเวน (Chris Bowen) ว่าที่รัฐมนตรีพลังงานที่กำลังจะเข้ามาดำรงตำแหน่งหลังการเปลี่ยนคณะรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ได้กล่าวโทษว่าราคาพลังงานที่สูงขึ้นนั้น เกิดจาก “การปฏิเสธที่จะรับรู้และมูลค่าความเสียหาย 9 ปีจากพรรคลิเบอร์รัล”
“มีปัจจัยระหว่างประเทศเข้ามาในตรงนี้ ... แต่การขาดนโยบายพลังงาน การขาดการลงทุงในพลังงานใหม่ การขาดการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และการขาดการเปลี่ยนผ่านในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา หมายความว่าชาวออสเตรเลียจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้ามากกว่าที่ควรจะเป็น” นายโบเวน ว่าที่รัฐมนตรีพลังงาน กล่าว
นายโบเวน กล่าวว่า การนำพลังงานหมุนเวียนเข้ามามากขึ้นของรัฐบาลนายแอนโทนี อัลบานิซี จะลดแรงกดดันในส่วนของราคาพลังงานลง
นายอดัม แบนท์ (Adam Bandt) ผู้นำพรรคกรีนส์ กล่าวว่า พรรคแรงงานต้องทบทวนคำมั่นที่จะไม่เร่งปิดโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเร็วจนเกินไป
"นั่นเป็นปัญหา เพราะมันจะผลักดันราคาพลังงานไฟฟ้าให้สูงขึ้น” นายแบนท์ กล่าว
เคลลีย์ คอท (Kellie Caught) ผู้อำนวยการด้านพลังงานจากสภาสังคมสงเคราะห์ออสเตรเลีย กล่าวว่า รัฐบาลใหม่ควรดำเนินการทันที โดยปรับปรุงแนวทางของหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานออสเตรเลีย (AER) เพื่อตั้งราคาขายตรง (Direct Market Offer) ใน “อัตราที่มีประสิทธิภาพ” โดยลดส่วนต่างของราคาขายปลีกแบบในรัฐวิกตอเรีย
สำหรับเรื่องที่สำคัญอื่น ๆ ที่สภาสังคมสงเคราะห์ออสเตรเลียแนะนำ คือการปรับปรุงส่วนลดราคาพลังงาน และขยายการเข้าถึงมาตรการประหยัดพลังงาน รวมถึงอุปกรณ์อย่างโซล่าร์เซลล์บนหลังคาสำหรับเจ้าของบ้านที่มีรายได้น้อย
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
ออสฯ ขยายเกณฑ์ฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 4 คาดปักแขนได้อีก 1.5 ล้านคน