การตัดสินใจระงับการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยไว้ชั่วคราวนั้น ก็ไม่คาดว่าจะช่วยบรรเทาทุกข์ให้แก่ครัวเรือนที่ประสบปัญหาได้มากนัก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานยังคงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 ปีอยู่ดี
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลสหพันธรัฐของออสเตรเลียกล่าวว่า รัฐบาลจะไม่เสนอมาตรการเพิ่มเติมด้านค่าครองชีพ แม้จะมีงบประมาณเกินดุล 19,000 ล้านดอลลาร์ ก็ตาม
อัตราดอกเบี้ยถูกตรึงไว้ที่เดิมเป็นครั้งที่สองในรอบ 14 เดือน ซึ่งช่วยบรรเทาทุกข์ให้ชั่วคราวแก่เจ้าของบ้านที่พบความยากลำบากในการหาเงินสดมาผ่อนจ่ายเงินกู้ซื้อบ้าน
ธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย จะใช้การระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้ชั่วคราวนี้ เพื่อพิจารณาว่าการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจชะลอตัวลงเพียงพอที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อหรือไม่
ประชาชนที่กำลังดิ้นรนกับค่าครองชีพที่พุ่งสูง กล่าวว่า พวกเขากำลังตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป
“สิ่งต่าง ๆ กำลังมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งกำลังทำให้เกิดปัญหา ผู้คนกำลังระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายมากขึ้น และฉันเองก็กังวลเกี่ยวกับลูกสาวของฉันและเงินกู้ซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้น” ประชาชนคนหนึ่งกล่าว
“เมื่อดึงการชำระเงินกู้ซื้อบ้านออกไปแล้ว คุณมองดูบัญชีธนาคารและคิดว่าเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? แม้แต่ 100 หรือ 200 ดอลลาร์ก็สร้างความแตกต่างได้" ประชาชนอีกคนหนึ่งกล่าว
ผู้คนกำลังระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายมากขึ้นประชาชนคนหนึ่ง
อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานยังคงอยู่ที่ 4.1 เปอร์เซ็นต์สำหรับเดือนกรกฎาคมเดือนนี้ Source: AAP
คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นอีก เพื่อเหนี่ยวรั้งการใช้จ่าย
แม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ประชาชนบางคนไม่สามารถก้าวเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ แต่บางคนก็เชื่อว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อพวกเขา
ประชาชนผู้นี้กล่าวว่า “ผมมีแผนที่จะซื้อบ้านในเร็ว ๆ นี้ แต่เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทำให้ผม ค่อนข้างกังวล”
แต่อีกคนก็กล่าวว่า “ฉันกำลังมองหาบ้านที่จะซื้อ ดังนั้นฉันจึงมองอย่างเห็นแก่ตัวว่า ฉันหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ๆ เพื่อที่ราคาอสังหาริมทรัพย์อาจถูกลงเล็กน้อย"
อัตราเงินเฟ้อกำลังอยู่ที่ 5.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2-3 เปอร์เซ็นต์
นักเศรษฐศาสตร์ต่างกล่าวว่า การระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้ชั่วคราวทำให้ธนาคารกลางมีเวลาตรวจสอบว่านโยบายทางการเงินของธนาคารกลางใช้ได้ผลหรือไม่
ศ.จิจี ฟอสเตอร์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ กล่าวเรื่องนี้ว่า
"ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เราเห็นการลดลงสำหรับบางประเภท เช่น การท่องเที่ยวและการพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งลดลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ นั่นเป็นการส่งสัญญาณว่าผู้บริโภคกำลังรู้สึกถึงผลกระทบในแง่ของสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาดำรงชีวิตต่อไปได้ และตอนนี้ เราอยู่ในช่วงปิดเทอมซึ่งเป็นช่วงที่คาดว่าจะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ฉันคิดว่า ครอบครัวต่าง ๆ จะมองดูเงินกู้ซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้นซึ่งต้องหาทางจ่าย พวกเขาก็จะมัดระวังมากขึ้นในการใช้จ่าย" ศ.ฟอสเตอร์ กล่าว
ในขณะที่งบประมาณของครอบครัวจะมีจำกัดขึ้น แต่รัฐบาลก็มีงบประมาณเกินดุลโดยไม่ได้คาดไว้ 19,000 ล้านดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากการจ้างงานที่สูงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง
ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ปีเตอร์ ดัตทัน กล่าวว่า รัฐบาลควรใช้เงินออมเหล่านี้เพื่อช่วยลดราคาพลังงาน โดยยกตัวอย่างเรื่องต้นทุนค่ากาแฟ
"หากราคายังอยู่ในระดับนี้ ในที่นี่มีการคั่วเมล็ดกาแฟและจัดจำหน่ายไปยังผู้ค้าปลีก ก็แน่นอนว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้น เพราะการส่งต่อต้นทุนด้านพลังงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่กระตุ้นภาวะเงินเฟ้อให้สูงขึ้น และนั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ คือชาวออสเตรเลียไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและพบว่าพวกเขาซื้อของได้น้อยลงสำหรับทุก ๆ ดอลลาร์ที่พวกเขาใช้จ่าย" ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ปีเตอร์ ดัตทัน กล่าว
แต่นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีซี บอกกับเอบีซีว่า การเก็บเงินที่ได้ดุลไว้ ก็เพื่อประโยชน์สูงสุดของสาธารณชน
"เราต้องเข้าใจว่า หากรัฐบาลใช้จ่ายเงินไปทั่วอย่างไม่จำเป็น นั่นจะสร้างความกดดันมากขึ้นในด้านอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะสวนทางกับสิ่งที่ธนาคารกลางกำลังดำเนินการเกี่ยวกับนโยบายการเงิน และเราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจได้ว่า นโยบายการเงินและนโยบายการคลังทำงานควบคู่กัน และนั่นคือเหตุผลที่เราเก็บเงินที่เกินดุลส่วนใหญ่เอาไว้" นายกรัฐมนตรี อัลบานีซี กล่าว
คาดว่างบประมาณส่วนที่เกินดุลจะคงอยู่ไม่นาน โดยเงินดังกล่าวคาดว่าจะถูกใช้สำหรับด้านกลาโหมและด้านบริการเพื่อผู้ทุพพลภาพ
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เงินเฟ้อออสฯ อ่อนตัวสู่ 5.6% แต่จะส่งผลกับดอกเบี้ยอย่างไร