ประเด็นสำคัญในข่าว
- เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 ก.ค.) ธนาคารสำรองแห่งออสเตรเลีย (RBA) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ที่ร้อยละ 4.1
- ข้อมูลจากไฟน์เดอร์ (Finder) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ระบุว่า 41% ของประชาชนออสเตรเลียประสบปัญหาในการผ่อนสินเชื่อที่อยู่อาศัยใน
- ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน แนะนำให้ผู้ที่ประสบปัญหารีบติดต่อผู้ปล่อยเงินกู้หรือธนาคารโดยเร็วที่สุด ยิ่งปล่อยไว้ปัญหายิ่งบานปลาย ส่งผลกระทบคะแนนเครดิตในการขอไฟแนนซ์ในอนาคต
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 ก.ค.) ธนาคารสำรองแห่งออสเตรเลีย (RBA) ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเอาไว้ที่ร้อยละ 4.1 แต่ถึงแม้การคงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมาจะเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายให้การต้อนรับ
แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในรอบ 15 เดือนที่ผ่านมา และค่าครองชีพในออสเตรเลียที่ยังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวออสเตรเลียจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาในการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยในแต่ละเดือน
งานวิจัยใหม่โดยบริษัทวิจัยตลาด รอย มอร์แกน (Roy Morgan) พบว่า ผู้ถือสินเชื่อที่อยู่อาศัยประมาณ 1.43 ล้านคน กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงของความเดือดร้อนในการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม 2023 ซึ่งนับเป็นตัวเลขของจำนวนผู้ถือสินเชื่อที่ได้รับการพิจารณาว่ามีความเสี่ยงที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2008
นอกจากนี้ ข้อมูลจากเครื่องมือติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Sentiment Tracker) ของไฟน์เดอร์ (Finder) เว็บไซต์เปรียบเทียบทางการเงิน พบว่าร้อยละ 41 ของผู้ถือสินเชื่อที่อยู่อาศัยในออสเตรเลีย หรือเทียบเท่ากับ 1.35 ล้านครัวเรือน ต่างประสบปัญหาในการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ธนาคารสำรองแห่งออสเตรเลีย (RBA) คงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานของประเทศไว้ที่ร้อยละ 4.1 Source: SBS
ควรทำอย่างไรหากคุณผ่อนบ้านไม่ไหว
หากคุณประสบปัญหาในการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีขั้นตอนสำคัญหลายประการที่ต้องดำเนินการ
โนเอล ดัฟฟิน (Noel Duffin) ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินกับ Salvation Army กล่าวว่า ผู้ที่ประสบความเดือดร้อนทางการเงินควรจัดทำรายรับรายจ่ายเพื่อให้เข้าใจถึงสถานภาพทางการเงินของตนเอง หากคุณประสบความยากลำบากในการหาเงินประทังชีวิต คุณดัฟฟินแนะนำให้คุณมองหาการสนับสนุนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ติดต่อไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ เมื่อคุณประสบปัญหาในการชำระเงิน เมื่อคุณอยู่ภายใต้ความกดดัน หรือกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินอย่างต่อเนื่อง นั่นคือเวลาที่คุณต้องติดต่อ” คุณดัฟฟิน กล่าว
“ติดต่อตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นคือคำแนะนำที่ดีที่สุดที่ผมให้กับผู้คน มีความช่วยเหลือและมีบริการฟรีต่าง ๆ”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ทำไม “การหาคนแชร์ห้อง” จะไม่ช่วยแก้วิกฤตที่พักอาศัยในออสเตรเลีย
พอล โบว์ลีย์ (Paul Bowley) ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินของ Consumer Action Law Center และ National Debt Helpline กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องพูดคุยกับทั้งผู้ปล่อยเงินกู้และที่ปรึกษาทางการเงินโดยเร็วที่สุด
“ยิ่งคุณปล่อยให้สถานการณ์ของคุณที่ไม่สามารถผ่อนชำระตามกำหนดไว้นานเท่าใด ทางเลือกที่คุณมีก็จะยิ่งน้อยลงไปเท่านั้น” คุณโบว์ลีย์ กล่าว
"มีบางวิธีที่คุณพิจารณาได้ ซึ่งอาจเป็นการขยายระยะเวลาสินเชื่อ เพื่อให้จำนวนเงินในการผ่อนชำระลดลง การเปลี่ยนจากการชำระเงินกู้เป็นการชำระเฉพาะดอกเบี้ยสักระยะหนึ่ง เพื่อทำให้จำนวนเงินในการผ่อนชำระลดลงมาเหลือเท่ากับยอดชำระรายเดือนขั้นต่ำ หรือการเข้าถึงเงินในบัญชีเงินกู้ที่ชำระเกิน (redrawn account) หากคุณมีสิ่งนั้น”
คุณโบว์ลีย์ แนะนำอีกว่า ให้คุณพิจารณาโครงการริเริ่มต่าง ๆ ของรัฐบาล เพื่อลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น โครงการเงินช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภค (utility relief grant) แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่แนะนำให้ใช้สินเชื่อบุคคล หรือบัตรเครดิต เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
“หากคุณอยู่ในจุดที่ต้องพึ่งพาบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล หรือบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังซึ่งเป็นอันตรายมาก ๆ เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ... เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วคุณจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก” คุณโบว์ลีย์ กล่าว
ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินทำอะไรบ้าง
การให้คำปรึกษาทางการเงิน (financial counselling) เป็นบริการที่ไม่มีค่าใช้จ่ายและเป็นความลับ โดยองค์กรไม่แสวงผลกำไรในชุมชน ซึ่งสามารถให้คำปรึกษาทางการเงิน ให้ความช่วยเหลือในการเจรจากับผู้ปล่อยเงินกู้ และส่งคุณไปยังบริการที่เกี่ยวข้องซึ่งคุณอาจต้องการ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เจ้าของบ้านเขตชานเมืองถูกกดดันจากดอกเบี้ยที่พุ่งสูง
คุณดัฟฟิน แนะนำให้ผู้ที่ประสบปัญหาในการชำระเงินกู้ตามกำหนดพูดคุยกับผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน
“ที่ปรึกษาทางการเงินจะประเมินสถานะที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์และหนี้สิน และจะช่วยให้ทำให้ภาพรวมของสถานะทางการเงินของบุคคลนั้นสมบูรณ์” คุณดัฟฟิน กล่าว
“เมื่อเราได้ภาพรวมที่ชัดเจนแล้ว เราก็จะสามารถพิจารณาได้ว่าบุคคลนั้นมีทางเลือกใดบ้างในอนาคต”
นอกจากนี้ คุณดัฟฟิน ยังกล่าวอีกว่า มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยตั้งแต่เนิ่น ๆ
“ผมขอแนะนำอย่างยิ่งให้ผู้คนติดต่อตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่น่าเสียดายที่เราพบเห็นผู้คนที่ไม่ได้ติดต่อมาแต่เนิ่น ๆ ในหลายกรณี” คุณดัฟฟิน กล่าว
คุณสามารถเข้าถึงบริการให้คำปรึกษาทางการเงินผ่านบริการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง National Debt Helpline และ Moneycare
ผู้ปล่อยเงินกู้ทำอะไรได้บ้างหากคุณประสบปัญหาในการชำระสินเชื่อ
สิ่งแรกที่คุณควรทำเมื่อประสบปัญหาในการชำระเงินกู้ตามกำหนด คือการติดต่อไปยังผู้ปล่อยเงินกู้ของคุณ โฆษกสมาคมการธนาคารแห่งออสเตรเลีย (Australian Banking Association) กล่าวว่า ธนาคารต่าง ๆ “ตระหนักเป็นอย่างดี” ถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่ลูกค้าประสบพบเจอจากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 12 ครั้งที่ผ่านมา
“ธนาคารต่าง ๆ สนับสนุนเป็นอย่างยิ่งให้ลูกค้าที่ประสบปัญหาทางการเงินติดต่อเพื่อเข้าถึงบริการสนับสนุนของธนาคาร และดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” โฆษกสมาคมการธนาคาร ฯ กล่าว
“นอกจากนี้ ทีมสนับสนุนของธนาคารกำลังสื่อสารในเชิงรุกกับลูกค้าที่มีความเสี่ยง”
“สมาคมการธนาคารแห่งออสเตรเลีย สนับสนุนให้ลูกค้าธนาคารที่มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินในการมองหาข้อตกลงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการส่วนตัวของแต่ละบุคคล”
ดร.ฟิลิป โลว์ (Dr Philip Lowe) ผู้ว่าการธนาคารสำรองแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า การทำให้อัตราดอกเบี้ยคงที่จะให้เวลาคณะกรรมการของธนาคารสำรองฯ ในการประเมินสถานะของระบบเศรษฐกิจประเทศ Source: AAP / Dan Himbrechts
คุณดัฟฟิน กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้ว แผนกด้านความยากลำบากของธนาคาร จะให้การสนับสนุนเป็นเวลาหลายเดือน
“ผู้คนตกอยู่ในความยากลำบากเป็นครั้งคราวด้วยเหตุผลหลายประการ และธนาคารเข้าใจเรื่องนั้น ดังนั้นพวกเขา (ธนาคาร) จะมุ่งให้ความช่วยเหลือในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง ... ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เวลา 3-6 เดือน บางครั้งก็นานกว่านั้นในกรณีพิเศษ” คุณดัฟฟิน กล่าว
สิ่งนี้จะมีผลต่อเครดิตของคุณหรือไม่
คุณโบวลีย์ กล่าวว่า การพลาดชำระสินเชื่อเงินกู้ หรือการเข้าสู่ความยากลำบากทางการเงิน สิ่งเหล่านี้จะมีผลในแง่ลบกับคะแนนเครดิตของคุณ
“ยิ่งคุณปล่อยสถานการณ์ไว้นานเท่าไหร่ สิ่งต่าง ๆ ก็จะแย่ลงเท่านั้น ... ทันทีที่คุณเริ่มพลาดการชำระเงินกู้ สิ่งนี้จะถูกบันทึกไว้ในคะแนนเครดิตเป็นเวลา 2 ปี มันจะมันจะแสดงอยู่ในรายงานคะแนนเครดิตของคุณ” คุณโบว์ลีย์ กล่าว
“หากคุณจัดการ และเริ่มทำข้อตกลงด้านความยากลำบากทางการเงินกับธนาคารของคุณ สิ่งนั้นก็จะถูกบันทึกไว้ในคะแนนเครดิตด้วย โดยข้อมูลนั้นจะถูกบันทึกไว้เป็นเวลา 12 เดือน”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
คนไทยต้องดิ้นรนแค่ไหนในวิกฤตเศรษฐกิจออสเตรเลีย
อย่างไรก็ดี สิ่งนี้ไม่ได้ขัดขวางคุณจากการขอสินเชื่อ หรือเข้าถึงบริการทางการเงินอื่น ๆ ในภายหลัง เมื่อสถานภาพทางการเงินของคุณดีขึ้นแล้ว
“มันไม่เหมือนกับการผิดนัดชำระหนี้ในนามของคุณ สำหรับข้อตกลงด้านความยากลำบากทางการเงิน มันจะถูกนำออกไปจากบันทึกหลังจากผ่านไป 1 ปี และ 2 ปีสำหรับการไม่ชำระเงินกู้” คุณโบวลีย์ กล่าว
“จะมีการดูข้อมูลนั้น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัวว่ามันจะถูกมองในแง่ลบ”
ทั้งนี้ คุณโบวลีย์ เน้นย้ำว่า มีผู้คนจำนวนมากกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และกำลังประสบกับความเดือดร้อนทางการเงินอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พบได้ทั่วไปมากกว่าที่เคยเป็นมา และผู้คนไม่ควรกลัวว่าความยากลำบากของพวกเขาจะถูกมองในแง่ลบมากจนเกินไป
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจ จาก เอสบีเอส ไทย
อัปเดตวีซ่าออสเตรเลีย ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม นี้