ความรุนแรงต่อผู้หญิงมักเริ่มต้นจากพฤติกรรมก้าวร้าว เราสามารถยุติวงจรนี้ได้ด้วยการหยุดพฤติกรรมนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม
“หยุดตั้งแต่ต้น (Stop it at the start)” เป็นโครงการรณรงค์เพื่อยุติวงจรของความรุนแรงทางเพศ
คุณจัสติน เอลเลียต (Justine Elliot) ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงบริการสังคมและการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว (Assistant Minister for Social Services and Prevention of Family Violence) กล่าวว่า ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยการหยุดมันตั้งแต่ต้น
“โครงการหยุดตั้งแต่ต้นนี้ ช่วยยุติวงจรความรุนแรง มุ่งเน้นการช่วยคนในชุมชนเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเยาวชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 10-17 ปี ให้พวกเขาเข้าใจและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ความรุนแรงในครอบครัวและช่องทางช่วยเหลือในออสเตรเลีย
การรณรงค์นี้มีขึ้นตั้งแต่ปี 2016 หลังพบสถิติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กสูง
“ตัวเลขของความรุนแรงสูงมาก โดยเฉพาะอัตราการฆาตกรรมของคู่รัก เราทราบว่าโดยเฉลี่ยทุก 10 วัน มีผู้หญิง 1 คนถูกฆ่าโดยคู่ครองคนปัจจุบันหรืออดีต และวิธีเดียวที่จะช่วยลดเหตุการณ์นี้คือทุกคนร่วมกันแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศ การเลือกปฏิบัติและความเสียเปรียบ”
พฤติกรรมของวัยรุ่นมักได้รับอิทธิพลจากผู้ใหญ่ คนดูแล และคนรอบข้าง
ด้วยเหตุนี้ การรณรงค์นี้จึงสนับสนุนให้ผู้ใหญ่ปรับทัศนคติและเป็นแบบอย่างที่ดี
ด็อกเตอร์โรซินา แม็กอัลไพน์ (Rosina McAlpine) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงเด็กและผู้เขียนหนังสือ เด็กที่ได้รับแรงบันดาลใจ (Inspired Children) กล่าวว่า ข้อแก้ตัว เช่น “เด็กผู้ชายมักจะทำตัวแบบนี้” สามารถกำหนดมุมมองได้ว่าพฤติกรรมที่ก้าวร้าวนั้นเป็นสิ่งสมเหตุสมผล
“ความรุนแรงมักบ่มเพาะตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ย่างเข้าวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ ถึงเวลาหยุดข้ออ้าง เช่น คุณก็รู้ว่า ‘เด็กผู้ชายมักทำตัวแบบนี้’ ‘ไม่เป็นไร เข้มแข็งนะ’ คำพูดของเราแบบนั้น เราต้องหยุดคำพูดเหล่านั้น”
คนรุ่นก่อนเชื่อว่าการสร้างวินัยด้วยการลงโทษทางร่างกายเป็นวิธีเลี้ยงลูกที่ดี Source: Getty / Flux Factory
พ่อของเรามาจากรุ่นที่เชื่อว่าการลงโทษทางร่างกายเป็นวิธีเลี้ยงลูกที่ดี เป็นการสร้างวินัย การลงโทษที่บ้าน เช่น การที่พ่อตีด้วยเข็มขัดหรือกิ่งไม้บางๆ บางครั้งตีด้วยมือ เราต้องสวมเสื้อผ้าที่ช่วยปกปิดรอยช้ำดร.แม็กอัลไพน์กล่าว
ดร. แม็กอัลไพน์กล่าวว่าแม่ของเธอเป็นคนรุ่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าพ่อควรสร้างวินัยด้วยวิธีนั้น
เธอกล่าวว่าการทำลายวงจรเช่นนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะหลายคนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว เชื่อว่าพวกเขากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง
ดังนั้นวัฏจักรจึงดำเนินต่อไป เพราะพวกเขาไม่ทราบวิธีอื่น
“พ่อเชื่อจากก้นบึ้งของหัวใจว่าเขาทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเรา ฉันไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ แต่ฉันก็รู้ว่าพ่อจะพูดว่า ‘เมื่อฉันยังเด็กและโตมา พ่อของฉันเคยตีฉันโดยไม่มีเหตุผล แต่ฉันไม่เคยตีเธอโดยไม่มีเหตุผล’ ดังนั้น ในใจของพ่อ เขารู้สึกว่าเขาเลี้ยงลูกตามอุดมคติ”
ผู้หญิงกำลังพูดกับเด็กวัยรุ่นผู้ชาย Credit: Pexels/Kindel Media
“ฉันเรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อยว่าการเป็นผู้ปกครองที่ดีหมายถึงอะไร การเลี้ยงลูกแบบสนับสนุนเป็นอย่างไร มันคือการให้ความรู้แก่เด็กๆ ว่าจะอยู่ในโลกนี้อย่างไร ไม่ใช่การสร้างวินัยและการลงโทษ แต่เป็นการให้รางวัลแก่พวกเขาสำหรับการอยู่ในโลกนี้ ให้เข็มทิศและทักษะในการใช้ชีวิตที่พวกเขาต้องการ สำหรับฉันแล้ว การทำลายวงจรคือการเรียนรู้ว่าจะเป็นผู้ปกครองที่ดีได้อย่างไร”
การทำลายวงจรของความรุนแรงไม่ใช่แค่เรื่องของการปรับทัศนคติเท่านั้น
ดร. แม็กอัลไพน์กล่าวว่าคือการกระตุ้นให้พูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ที่เคารพซึ่งกันและกันและความเท่าเทียมทางเพศอย่างเปิดกว้างและสม่ำเสมอ เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์นี้
“วัยรุ่นจะเฝ้าสังเกตผู้ใหญ่ในชีวิตของพวกเขาอย่างมาก เช่น ผู้ปกครอง ครู โค้ช และผู้นำชุมชน ดังนั้นผู้ใหญ่สามารถปฏิบัติตนได้หลายขั้นตอน บางสิ่งเป็นขั้นตอนเล็กๆ ง่ายๆ เช่น การพูดคุย รู้ไหมว่าสิ่งที่ดูเหมือนเป็นเรื่องตลกที่ไม่เป็นอันตราย แท้จริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้น เราควรพูดคุยกันในเรื่องนี้ หรือพูดกับวัยรุ่นเรื่องความมั่นใจที่จะพูดออกมา เมื่อเราพบเห็นการไม่เคารพผู้อื่น สิ่งสำคัญคือการเริ่มบทสนทนาเหล่านั้น”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เข้าใจอุปสรรคของผู้รอดชีวิตจากความรุนแรง
ดร. แม็กอัลไพน์กล่าวว่า การพูดคุยกับลูกๆ เรื่องความเคารพตั้งแต่ยังเล็ก ไม่เร็วหรือสายเกินไป
ในฐานะครู ในฐานะผู้ปกครอง เราควรหยุดใช้ข้ออ้าง เราควรให้ความรู้ในทุกช่วงอายุ พูดคุยถึงพฤติกรรมที่เคารพผู้อื่นดร.แม็กอัลไพน์กล่าว
โครงการหยุดตั้งแต่ต้นมีข้อมูลมากมายที่สามารถช่วยคุณตระหนักถึงข้อแก้ตัวที่ไม่ได้ตั้งใจ เริ่มการสนทนาและนำทางคุณเพื่อสอนลูกๆ ของคุณ
“เข้าไปที่เว็บไซต์ respect.gov.au มีเช็คลิสต์ตรวจสอบความเคารพ คำแนะนำในการพูดคุยสำหรับผู้ใหญ่เพื่อหาข้อมูลและดูว่าจะสามารถพูดคุยเรื่องความเคารพกับวัยรุ่นได้อย่างไร”
ยังมีข้อมูลที่แปลไว้ในหลายภาษาสำหรับชุมชนที่มีความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรมในออสเตรเลีย
“เราทราบว่ามีตัวเลขสูงในบางกลุ่ม ในกลุ่มพหุวัฒนธรรม เรามีตัวเลขที่สูงในกลุ่มผู้หญิงที่เป็นชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรสเช่นกัน แคมเปญรณรงค์นี้มีข้อมูลสำหรับกลุ่มพหุวัฒนธรรมต่างๆ ”
เด็กผู้ชายอยู่หลังกำแพงมองผู้ปกครองทะเลาะกัน Credit: Pexels/Cottonbro
“เราต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ตระหนักถึงบทบาทของวัฒนธรรม การตั้งถิ่นฐานและวิธีตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางวัฒนธรรม แทนที่จะมองที่ความแตกต่างของวัฒนธรรมและความเชื่อ เราจะทำอย่างไรในการสร้างความร่วมมือที่มีความหมายและแข็งแกร่งในชุมชนของเรา ด้วยการใช้วิสัยทัศน์ร่วมกัน ในการขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก”
การรณรงค์ “หยุดตั้งแต่ต้น” ได้เข้าสู่ระยะที่ 4 ของปีนี้ และการประเมินพบว่าการรณรงค์นี้ได้ผลดี รัฐมนตรีเอลเลียตกล่าว
“ร้อยละ 82 ของประชาชนเห็นการรณรงค์นี้ เข้าใจและยอมรับบทบาทของพวกเขาในการแสดงให้วัยรุ่นเห็นถึงการประพฤติอย่างเคารพซึ่งกันและกัน สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการเข้าถึงวัยรุ่นจนกว่าพวกเขาจะสร้างมุมมองที่ยึดมั่นและปรับพฤติกรรม”
มาช่วยกันสอนเด็กๆ ถึงพฤติกรรมที่เคารพผู้อื่น ด้วยการตระหนักถึงวงจรของความรุนแรง หยุดยั้งพฤติกรรมตั้งแต่ต้น และเป็นตัวอย่างที่ดี
หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือถูกทำร้ายร่างกาย โทร 1800RESPECT ที่เบอร์ 1800 737 732 หรือเว็บไซต์
กรณีฉุกเฉิน โทร 000
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
พบผู้หญิงออสเตรเลียเผชิญความรุนแรงตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 15