ประเด็นสำคัญ
- ประกันสุขภาพเอกชนช่วยลดความตึงเครียดของระบบสาธารณสุขของรัฐบาล
- การคุ้มครองของประกันสุขภาพเอกชนช่วยย่นระยะเวลารอการรักษาที่โรงพยาบาลและจากแพทย์เฉพาะทาง
- รัฐบาลมีแรงจูงใจให้ประชาชนใช้บริการประกันสุขภาพของเอกชน
กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
เมดิแคร์ (Medicare) และโรงพยาบาลของรัฐบาลให้บริการดูแลสุขภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและในราคาย่อมเยาที่ออสเตรเลีย
แล้วทำไมเราถึงควรใช้บริการประกันสุขภาพของเอกชน?
คุณทิม เบนเน็ตต์ (Tim Bennett) ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันสุขภาพที่เว็บไซต์เปรียบเทียบสินค้าและบริการ กล่าวว่าเมดิแคร์ช่วยให้เรารอดชีวิตได้ แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกบริการ
จริงๆ แล้วออสเตรเลียจัดว่ามีบริการสาธารณสุขที่ดีระดับต้นๆ ของโลก แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่าง เช่น ทันตกรรม รถฉุกเฉิน
Wระบบประกันสุขภาพของเอกชนพยายามแบ่งเบาภาระของเมดิแคร์โดยให้ผู้ที่สามารถจ่ายค่าบริการได้ใช้บริการระบบสาธารณสุขของเอกชนแทน หรือใช้บริการพิเศษที่คุณสามารถเลือกได้นอกเหนือจากที่โรงพยาบาล”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
จะใช้บริการทางแพทย์ราคาย่อมเยาได้อย่างไรในออสเตรเลีย
กฎหมายออสเตรเลียกำหนดให้การประกันสุขภาพส่วนบุคคล (private health insurance หรือ PHI) ไม่คุ้มครองค่าบริการของผู้ป่วยนอก เช่น การพบแพทย์จีพี (General Practice หรือ GP) การฉายแสง หรือการตรวจสุขภาพนอกโรงพยาบาล
สิ่งที่ครอบคลุมคือหมวดหมู่ ‘โรงพยาบาล’ และ ‘บริการพิเศษ’
การคุ้มครองในโรงพยาบาลจะจ่ายค่ารักษาในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยของเอกชน เช่น คุณสามารถเลือกศัลยแพทย์และวันทำหัตถการได้
บริการพิเศษครอบคลุมบริการสุขภาพเฉพาะเจาะจงอื่นๆ เช่น ทันตกรรม กายภาพบำบัดหรือการดูแลสายตา
ความคุ้มครองในส่วนของโรงพยาบาลและบริการพิเศษสามารถซื้อแยกหรือรวมกันได้
แพทย์หญิงราเชล เดวิด (DR Rachel David) ผู้บริหารองค์กรดูแลสุขภาพของเอกชน แห่งออสเตรเลีย (Private Healthcare Australia) กล่าวว่าผู้ถือวีซ่าหรือนักท่องเที่ยวที่มาออสเตรเลียต้องมีประกันสุขภาพเอกชนที่มีการคุ้มครองสุขภาพสำหรับผู้มาเยือนจากต่างประเทศ (Overseas Visitors Health Cover)
หากคุณเข้ามาด้วยวีซ่า เช่น วีซ่าทักษะหรือวีซ่านักเรียน คุณต้องมีประกันสุขภาพส่วนบุคคล
"เมื่อคุณได้สถานะผู้พำนักถาวร (permanent resident หรือ PR) แล้ว คุณสามารถเลือกใช้บริการจากเมดิแคร์ได้ แต่เราพบว่าผู้พำนักถาวรเลือกที่จะยังคงใช้ประกันสุขภาพต่อ”
ปัจจุบันมีการใช้บริการประกันสุขภาพส่วนบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ผู้อพยพใหม่
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความลำบากในการขอรับบริการจากโรงพยาบาลของรัฐบาล นับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19
“ระยะเวลาในการรอเข้ารับการผ่าตัดแบบไม่เร่งด่วนหรือแบบที่สามารถเลือกเวลาได้นั้นจำกัด ผู้อพยพที่ต้องทำงานไม่สามารถรอเวลาเพื่อเข้ารับการผ่าตัดนานหลายๆ สัปดาห์ได้ หากมีใครได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครสามารถรอ 3-6 เดือนเพื่อนัดผ่าตัดในโรงพยาบาลของรัฐบาลได้”
ผู้ป่วยกำลังกรอกแบบฟอร์มประกันสุขภาพส่วนบุคคล Source: iStockphoto / mediaphotos/Getty Images
ไม่ว่าคุณจะเลือกการดูแลสุขภาพแบบไหน นายแพทย์คริส มอย (Chris Moy) กล่าวว่า คุณภาพของบริการดูแลสุขภาพไม่ควรต่างกัน
“แพทย์และผู้ให้บริการสุขภาพอื่นๆ ทำงานด้วยหลักจริยธรรมที่จะดูแลคุณเป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะใช้บริการดูแลสุขภาพของรัฐบาลหรือเอกชน นั่นหมายความว่าพวกเขาควรดูแลสุขภาพของคุณอย่างดีและทำงานร่วมกับคุณ”
อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันสุขภาพส่วนบุคคลอาจมีราคาแพง รัฐบาลจึงจูงใจให้ประชาชนเข้าร่วมด้วย 3 โครงการ
โครงการแรก การขอรับค่าประกันสุขภาพเอกชนคืน ซึ่งช่วยลดหย่อนค่าบริการรักษาพยาบาลให้ผู้ถือกรมธรรม์
มีการสร้างแรงจูงใจเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนที่มารายได้สูงทำประกันสุขภาพเอกชน
"แต่ยังคงช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้ต่ำ โดยเฉพาะผู้ที่มีความต้องการด้านสุขภาพที่ซับซ้อนให้ใช้ประกันสุขภาพส่วนบุคคลต่อไป โดยรัฐบาลลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันให้”
คนไข้กำลังปรึกษากับทันตแพทย์ที่คลินิก Credit: Luis Alvarez/Getty Images
คุณสมบัติขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น อายุ ประเภทกรมธรรม์ และรายได้
โครงการที่สอง หากคุณมีประกันสุขภาพส่วนบุคคล คุณไม่ต้องจ่ายภาษีเมดิแคร์ (Medicare Levy Surcharge) ซึ่งเป็นภาษีที่เรียกเก็บเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีรายได้สูง ที่ไม่มีประกันสุขภาพเอกชน
ทุกคนที่ทำงานจ่ายภาษีเมดิแคร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดเก็บภาษีรายได้รายบุคคล
"สำหรับผู้ที่มีรายได้ครัวเรือนสูงกว่า $183,000 ต่อปีและไม่มีประกันสุขภาพเอกชน ต้องจ่ายภาษีเมดิแคร์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พวกเขาใช้บริการประกันสุขภาพเอกชน”
โครงการที่สามคือ ค่าบริการของระบบประกันสุขภาพตลอดชีพ (lifetime health cover loading)
หากคุณอายุมากกว่า 30 ปีและทำประกันสุขภาพครั้งแรก คุณจะถูกเก็บเบี้ยประกันแพงขึ้นเล็กน้อย
“นั่นจะทำให้ไม่มีใครเริ่มซื้อประกันสุขภาพเมื่อพวกเขาอายุ 85 ปี เมื่อพวกเขามีโรคประจำตัว และจ่ายเบี้ยประกันเท่ากับคนอายุ 25 ปี นั่นจะไม่ทำให้ภาระทางการเงินตกเป็นของคนหนุ่มสาว หากคุณอายุเกิน 30 ปี และใช้บริการประกันสุขภาพเอกชนเป็นครั้งแรก คุณจะจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมตามจำนวนปีที่กำหนด และหากคุณรักษาสถานะสมาชิกไว้เกิน 10 ปี ค่าบริการก็จะลดลงเรื่อยๆ”
พยาบาลกำลังช่วยคนไข้และครอบครัวกรอกแบบฟอร์ม ขณะนั่งรอรับบริการ Credit: PixelCatchers/Getty Images
“หากคุณขอรับบริการจากแพทย์ทั่วไป (แพทย์ GP) หรือแพทย์เฉพาะทาง หรือที่โรงพยาบาล ไม่ว่าคุณจะมีประกันสุขภาพเอกชนหรือไม่ เมดิแคร์หรือบริษัทประกันจะช่วยจ่ายค่าบริการให้คุณจำนวนหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพหรือแพทย์จะเรียกเก็บเงินนอกเหนือจากจำนวนนั้น และนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าค่าส่วนต่าง”
หากคุณเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐบาล จะไม่มีค่าส่วนต่าง แต่คุณอาจมีค่าใช้จ่ายอื่นนอกเหนือจากค่าบริการ
หากคุณเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน คุณจะต้องจ่ายค่าบริการพิเศษ เพราะคุณจะเคลมประกันในภายหลัง
อย่างไรก็ตามมีบริษัทประกันสุขภาพเอกชนมากมาย คุณเบนเน็ตต์กล่าวว่าการเลือกประกันสุขภาพส่วนบุคคลที่เหมาะกับคุณนั้นคือการพิจารณาจากข้อเสนอและสิ่งที่คุณต้องการ
"เมื่อความต้องการของคุณเปลี่ยนไปตามกาลเวลา คุณควรตรวจสอบกรมธรรม์ใน 1-2 ปี เพื่อดูว่าคุณยังได้ราคาที่ดีที่สุดอยู่หรือไม่”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ประกันสุขภาพเอกชน ทำไว้คุ้มค่าหรือไม่
เบี้ยประกันยังแตกต่างไปตามระดับของความคุ้มครองและจำนวนของคนที่ขอรับการคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นคุณคนเดียวหรือทั้งครอบครัว
คุณสามารถชั่งน้ำหนักตัวเลือกกรมธรรม์ประกันสุขภาพได้จากเว็บไซต์ของรัฐบาล privatehealth.gov.au หรือจากเว็บไซต์เปรียบเทียบ เช่น Choice หรือ finder.com.au หรือ comparethemarket.com.au
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Settlement Guide: จะลงทะเบียนใช้เมดิแคร์อย่างไร?