กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
รายงานฉบับล่าสุดพบว่าร้อยละ 51 ของแรงงานสตรีที่มีภูมิหลังเป็นผู้ย้ายถิ่นเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมที่มีอัตราการล่วงละเมิดทางเพศมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมการก่อสร้างคิดเป็นกว่า 4 ใน 5 หรือร้อยละ82 ของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตามมาด้วยอุตสาหกรรมเกษตร ร้อยละ 53 อุตสาหกรรมการบริการ ร้อยละ 51 อุตสาหกรรมค้าปลีก ร้อยละ 50 และอุตสาหกรรมการทำความสะอาด ร้อยละ 42
สหภาพแรงงานรัฐนิวเซาท์เวลส์ (Unions New South Wales) ดำเนินการวิจัยนี้ในระยะเวลา 12 เดือน โดยสอบถามคนงานผู้หญิงมากกว่า 3,300 คนทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ถือวีซ่าชั่วคราวในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
รายงานดังกล่าวจัดทำโดยรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ทันยา พลิเบอร์เสก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรีของรัฐนิวเซาท์เวลส์ โจดี แฮริสัน
ผลการวิจัยพบว่าผู้หญิงที่ถือวีซ่าชั่วคราวคิดว่านายจ้างไม่มีมาตรการที่ปกป้องความปลอดภัยอย่างเพียงพอ และทำให้ผู้หญิงจำนวนมากลาออกจากงานเพราะเหตุนี้
เลขาธิการสหภาพแรงงานแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ มาร์ก มอเรย์ กล่าวว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เคยมีประสบการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานไม่ได้รายงานอาชญากรรมดังกล่าว
ร้อยละ 75 ของคนที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศบอกเราว่าไม่แจ้งความเพราะกลัวถูกยกเลิกวีซ่า, กลัวไม่มีงานทำ การรายงานการถูกล่วงละเมิดทางเพศของคนงานผู้หญิงที่ถือวีซ่านั้นมีอัตราต่ำกว่าความเป็นจริงมากเลขาธิการสหภาพแรงงานแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ มาร์ก มอเรย์
คุณ ลิน นักเรียนต่างชาติวัย19ปี เป็นหนึ่งในคนงานผู้หญิงที่ทำการสำรวจในรายงานนี้ เธอเคยทำงานในอุตสาหกรรมการบริการ เธอเปิดเผยว่า
"บ่อยครั้งที่เจ้าของร้านจะตะโกนใส่เราและเรียกเราด้วยชื่อต่างๆ ที่ไม่สุภาพต่อหน้าลูกค้า พฤติกดรรมนี้มันเกิดขึ้นบ่อยจยกลายเป็นเรื่องธรรมดาในที่ทำงาน แล้วลูกค้าก็หัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน ตอนที่เจ้าของร้านทำแบบนั้นกับเรา"
ยิ่งไปกว่านั้น คุณลินเล่าว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานของเธอ คุณลิน เล่าว่า ครั้งหนึ่งที่เธอเข้าพบเจ้าของร้านที่มีอายุในที่ทำงานเพื่อขอเวลาทำงานเพิ่ม
เขาตอบกลับคำขอของฉันอย่างดีโดยสัญญาว่าจะหาชั่วโมงทำงานเพิ่มให้ฉัน เขาขอให้ฉันไปพบเขาในเช้าวันถัดไปเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อฉันไปถึงในวันถัดมา เขาบอกว่าเราควรไปนั่งหารือกันที่คาเฟ่ที่อยู่ห่างจากร้านของครอบครัว ฉันก็ไว้ใจเขา ขณะที่ฉันอยู่ในรถ เขาทำสิ่งแรกที่ทำคือเขาจูบเธอ
คุณลินบอกว่า เธอช็อกและตอนนั้นเธอไม่แน่ใจว่า เรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องของความแตกต่างทางวัฒนธรรมหรือไม่
"เขาขับรถออกไป ในขณะที่ฉันจดจ่อว่าเมื่อไหร่ถึงจะถึงคาเฟ่ที่เขาบอก สักพักหนึ่ง ฉันเริ่มตระหนักว่าเขาขับออกนอกเส้นทาง ฉันถามเขาด้วยเสียงหนักว่าเขากำลังจะคิดพาฉันไปที่ไหน เรายังจะคุยเรื่องชั่สโมงงานกันอยู่หรือเปล่า"
คุณลินรู้สึกไม่ปลอดภัยและบอกเขาว่าเธออยากกลับบ้าน
"เมื่อเขาได้ยินดังนั้น เขาแสดงอาการไม่พอใจออกมาทันที ฉันกลัวมาก เขาดึงตัวมา แล้วรีบเอามือล้วงตามร่างกาย ขณะนั้นฉันแน่ใจแล้วว่า ฉันกำลังถูกนายจ้างล่วงละเมิดทางเพศ”
ในที่สุดคุณลิน หลบหนีออกจากรถมาได้ และเธอบอกว่า เวลาตอนนั้นกว่าจะกลับถึงบ้านได้ มันช่างยาวนาน
อ่านเพิ่มเติม
เยาวชนเชื่อการเหยียดผิวยังมีมากในสังคมออสซี
ฉันต้องกลับมาทำงานตอนเย็นเพราะรู้ว่าถ้าฉันลาออกตอนนี้ ฉันคงยังหางานใหม่ไม่ได้ในทันที และพวกเขายังไม่ได้จ่ายค่าจ้างที่เหลือ และฉันต้องจ่ายค่าเช่าแล้วด้วยคุณ ลิน เหยื่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน
คุณ มาร์ก โมเรย์กล่าวว่าผู้อพยพย้ายถิ่นฐานมาออสเตรเลียเพื่อหาโอกาสที่ดีให้ชีวิตแต่กลับต้องเผชิญกับการแสวงหาผลประโยชน์อันเลวร้ายจากที่ทำงานแทน
"มันเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากที่ได้ฟังเรื่องราวจากผู้หญิงที่เคยประสบกับการล่วงละเมิดทางเพศ มันมีผลกระทบต่อคนที่ทำงานโดยเฉพาะผู้หญิงเมื่อพวกเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ การสนับสนุนให้ผู้หญิงเหล่านี้ออกมาพูดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพบกเธอต้องอาศัยความกล้าอย่างมาก หากเราต้องการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเหล่านี้ และเราจะต้องเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในที่ทำงานด้วย"
ผู้หญิงจำนวนมากรายงานว่าเผชิญกับปัญหาที่เพิ่มขึ้นเมื่อพวกเธอพยายามปกป้องตัวเอง รวมถึงการถูกไล่ออก บังคับให้ลาออก การถูกตัดเวลางาน หรือการได้รับคำขู่เรื่องการถูกเนรเทศออกนอกประเทศ
ผู้ก่อตั้งองค์กร Culturally Diverse Women (CDW) ดิพ พิลเลย์ ชี้ว่า
"ผู้หญิงจากชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรมทำงานหนักเพื่อที่จะได้เลื่อนขั้น หากพวกเธอก้าวขึ้นสู่ระดับกลางถึงระดับสูงในที่ทำงาน ก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเธอที่จะรายงานเรื่องการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เพราะพวกเธออาจมีทางเลือกอาชีพไม่มากนัก มันมีสิทธิ์ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพ เพราะมันเสี่ยงกับการถูกเอาคืนได้"
คุณพิลเลย์กล่าวว่าผู้ย้ายถิ่นจำนวนมากต้องทำงานเพื่อดูแลคนที่อยู่ข้างหลัง
"พวกเขาต้องส่งเงินกลับบ้าน เพื่อดูแลลูก หรือพ่อแม่ มันกลายเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมากเพราะมันเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินของพวกเขา"
พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศที่พบบ่อยที่สุดคือ การแสดงความคิดเห็นและมุกตลกที่ส่อเสียดทางเพศ (ร้อยละ 52) รองลงมาเป็นคำถามที่ก้าวก่ายเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวหรือรูปลักษณ์ภายนอก (ร้อยละ 42) การชวนไปออกเดทซ้ำๆ (ร้อยละ 28) การล่วงละเมิดทางกาย (ร้อยละ 23) การจ้องมองที่ไม่เหมาะสม (ร้อยละ 24) และ การสัมผัสร่างกายที่ไม่เหมาะสม (ร้อยละ 20)
รัฐมนตรีพลิเบอร์เสกกล่าวว่า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนและคุ้มครองวีซ่าสำหรับผู้อพยพย้ายถิ่นฐานที่ต้องการดำเนินการกับนายจ้างของตน โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ และพวกเธอมีสิทธิที่จะอยู่ในประเทศต่อไปได้ในขณะที่มีการดำเนินการสอบสวนคดีเหล่านั้น
เลขาธิการสหภาพแรงงานแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ มาร์ก มอเรย์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนที่เหมาะสมในเรื่องนี้
"สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้มั่นใจว่ามีช่องทางที่เหมาะสมทางวัฒนธรรมสำหรับผู้หญิงที่ถือวีซ่า สามารถรายงานเรื่องนี้ได้ ประการที่สอง จะต้องมีบริการด้านภาษา เพื่อให้ผู้คนสามารถเปิดเผยปัญหาที่เจอในภาษาของตนเองได้ "
คุณ ลิน เห็นด้วยกับการเสนอบริการสนับสนุนข้างต้น
"การปฏิบัติโดยคำนึงถึงความบอบช้ำทางจิตใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนงานที่เป็นผู้ย้ายถิ่น สิ่งสำคัญมากคือการมีคนรับฟัง และจะทำให้พวกเขาสบายใจในการรายงานปัญหานี้มากขึ้น"
หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักต้องการพูดคุยเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศหรือการล่วงละเมิดทางเพศ โทร 1800RESPECT ที่ 1800 737 732 หรือไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ หรือหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ให้โทร 000
______________________________________________________________________________________________________________________
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจ
44 ปีของบริษัทนำเข้าไทยในออสเตรเลีย และการนำเข้าข้าวหอมมะลิเป็นเจ้าแรกๆ