วันที่ 26 มกราคม ถูกกำหนดให้เป็น 'วันชาติออสเตรเลีย' หรือ ‘Australia Day’ โดยเป็นวันหยุดราชการทั่วประเทศในปี 1994
ในวันเดียวกันนี้ในปี 1788 กองเรือแรก หรือ First Fleet ได้จัดตั้งนิคมสำหรับนักโทษที่ซิดนีย์ โคฟ (Sydney Cove) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำให้ออสเตรเลียกลายเป็นอาณานิคมของชาวยุโรป
และวันเดียวกันนี้เป็นวันแห่งความเจ็บปวดและความโศกเศร้าอย่างยิ่งสำหรับชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรสจำนวนมาก
ทศวรรษแห่งความรุนแรงจากการล่าอาณานิคม การถูกยึดทรัพย์สิน และความบอบช้ำทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับชนกลุ่มแรกของชาตินับตั้งแต่วันนั้น จึงทำให้หลายคนเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนวันฉลองวันชาติออสเตรเลียไปเป็นวันอื่นแทนวันที่ 26 มกราคม
คุณ ซาราห์ เจน ฮอลล์ เป็นประธานร่วมของกลุ่ม Koori Engagement Action Group ของบัลลาแรต เธอกล่าวว่ามีการสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญจากชุมชนชาวบัลลาแรตสำหรับการเปลี่ยนวัน
"มีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากชุมชนทั้งชุมชนชาวพื้นเมืองและชุมชนผู้ที่ไม่ใช่ชนพื้นเมือง ต้องตระหนักไว้ว่าไม่ใช่ชนกลุ่มแรกของชาติทุกคนที่รู้สึกว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนวัน แต่จากกิจกรรมชุมชนต่าง ๆ ที่เราจัดในบัลลาแรตให้ผู้คนมาร่วมและฟังความเห็นของพวกเขา มีการสนับสนุนอย่างล้นหลามให้วันชาติออสเตรเลียเปลี่ยนไปฉลองในวันอื่นแทน วันไหนก็ได้ตลอดทั้งปี" คุณเจน ฮอลล์ เผย
ซีอีโอของบริษัทชาวพื้นเมือง Bendigo AbOriginal Corporation คุณดาลลาส วิดดิคอมบ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนวันฉลองวันชาติจะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
"มีแรงผลักดันมากมาย ที่เราได้เห็นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา... มันจะเกิดขึ้นแน่ สำหรับชาวพื้นเมืองขอให้อดทนรอกันหน่อย มันจะต้องมีการเป็นกระบอกเสียงให้มากขึ้น แต่มันจะเกิดขึ้นแน่ จะมีการเปลี่ยนวัน และหวังว่าจะเป็นวันที่พวกเราจะสามารถเฉลิมฉลองร่วมกันได้ทั้งชาติ" คุณวิดดิคอมบ์ แสดงความเห็น
มีแรงผลักดันมากมาย ที่เราได้เห็นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา... มันจะเกิดขึ้นแน่ดาลลาส วิดดิคอมบ์ ซีอีโอของ Bendigo AbOriginal Corporation
เทศบาลท้องถิ่นบางแห่งส่งสารที่ชัดเจนออกไป ผ่านการตัดสินใจว่าจะไม่ยอมรับวันที่ 26 มกราคม เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง
นายกเทศมนตรีเขตเมริ-เบค (Meri-Bek) ทางตอนเหนือของเมลเบิร์น คุณแองเจอลิกา พานาโพลัส กล่าวว่าสมาชิกสภาเทศบาลได้ตัดสินใจอย่างเป็นทางการในปี 2017 ว่า ให้วันนี้เป็นวันแห่งการไว้ทุกข์มากกว่าวันเฉลิมฉลอง
"ย้อนกลับไปตอนนั้น สมาชิกสภาเทศบาลส่วนใหญ่ตัดสินใจว่าวันที่ 26 มกราคมไม่ใช่วันเฉลิมฉลอง ไม่ใช่วันหยุดหรือวันที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้ แต่มันเป็นวันแห่งความสูญเสียและความบอบช้ำทางจิตใจสำหรับชนกลุ่มแรกของชาติและนั่นเป็นสิ่งที่ได้รับการบอกกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง มันจึงเป็นเหมือนการรับสิ่งที่พวกเขาพูด และฉันก็คิดว่าเราไม่ควรฉลองในวันที่ก่อให้เกิดความทุกข์ต่อผู้คนจำนวนมาก" คุณพานาโพลัส ให้เหตุผล
ฉันก็คิดว่าเราไม่ควรฉลองในวันที่ก่อให้เกิดความทุกข์ต่อผู้คนจำนวนมากแองเจอลิกา พานาโพลัส นายกเทศมนตรีเขตเมริ-เบค ในเมลเบิร์น
สำหรับวุฒิสมาชิกอิสระ ลิเดีย ธอร์ป แนวคิดในการเปลี่ยนวันฉลองเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ
เธอกล่าวว่า หากไม่มีกระบวนการบอกเล่าความจริงอย่างเพียงพอเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การใช้ความรุนแรงในการล่าอาณานิคมออสเตรเลีย และผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อชาวพื้นเมือง การเปลี่ยนแค่วันที่ก็อาจเป็นการทำที่แค่ให้พูดได้ว่าทำแล้ว แต่ไม่มีความหมายลึกซึ้ง
"ถ้าเราเปลี่ยนวันที่ที่ฉลองเป็นวันอื่น ๆ แทน เราก็แค่ย้ายปัญหาไปที่วันนั้น ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีการบอกเล่าความจริงและการสนทนากันเกี่ยวกับสนธิสัญญากับชาวพื้นเมืองเพื่อให้เราสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพเกี่ยวในวันที่ที่หมายถึงความสงบสุข" ลิเดีย ธอร์ป กล่าว
ถ้าเราเปลี่ยนวันที่ที่ฉลองเป็นวันอื่น ๆ แทน เราก็แค่ย้ายปัญหาไปที่วันนั้น ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีการบอกเล่าความจริงและการสนทนากันเกี่ยวกับสนธิสัญญากับชาวพื้นเมืองวุฒิสมาชิกอิสระ ลิเดีย ธอร์ป
นอกจากการเรียกร้องให้เปลี่ยนวันที่แล้ว องค์กรระดับรากหญ้าและเทศบาลท้องถิ่นหลายแห่งยังหาวิธีเปลี่ยนจุดมุ่งเน้นของวันที่ 26 มกราคมด้วย
ในปี 2020 วุฒิสมาชิก ธอร์ป เป็นหนึ่งในผู้นำให้มีการประกอบพิธีย่ำรุ่ง หรือ Dawn Services ในรูปแบบวัน Anzac ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีหน่วยงานเทศบาลท้องถิ่นหลายแห่งนำไปจัดตามอย่าง
กิจกรรม Dawn Service จัดขึ้นในช่วงย่ำรุ่งของวันที่ 26 มกราคม เพื่อแสดงการตระหนักและแสดงความเคารพต่อชนพื้นเมืองที่เสียชีวิตในสงครามและการสังหารหมู่ในการล่าอาณานิคม ทหารพื้นเมืองที่เสียชีวิตในสงครามครั้งต่อ ๆ มา ผู้ที่ถูกนำตัวไปจากครอบครัวโดยเป็นส่วนหนึ่งของชาวพื้นเมืองรุ่นที่ถูกพราก หรือ Stolen Generation รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงอย่างต่อเนื่องจากการตั้งอาณานิคม
วุฒิสมาชิกธอร์ปกล่าวว่า การบอกเล่าความจริงที่เกิดขึ้นในพิธีเหล่านี้สร้างโอกาสในการรับรู้ถึงความโศกเศร้าและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในวันนี้สำหรับผู้คนจำนวนมาก
สำหรับคุณวิดดิคอมบ์ พิธีย่ำรุ่ง หรือ Dawn Service ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 26 มกราคม ในเมืองเบนดิโก เป็นโอกาสให้ได้ระลึกถึงประวัติศาสตร์ครอบครัวของเขาเอง และการที่ทหารชาวพื้นเมืองไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมในอดีต
"ผมเองมีความเกี่ยวข้องส่วนตัวด้วย ปู่ของผมซึ่งยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ เป็นทหารผ่านศึกสงครามในเวียดนาม และเขากลับมาโดยไม่ได้รับการชดเชย ไม่เหมือนคนอื่นทั่วไปที่ต่อสู้เพื่อประเทศ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องระลึกถึงทหารอะบอริจินของเรา" คุณวิดดิคอมบ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการจัดพิธีย่ำรุ่งในวันแห่งการเอาชีวิตรอดของชาวพื้นเมืองที่เมืองบัลลาแรต ทุกปีตั้งแต่ปี 2020
คุณฮอลล์กล่าวว่า นี่เป็นโอกาสสำคัญที่สะท้อนความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในวันที่ 26 มกราคม
"มันเป็นโอกาสดีสำหรับผู้คนที่จะมารวมตัวกัน ชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส พันธมิตร และคนที่ไม่ใช่ชนพื้นเมืองทั้งหมดมารวมตัวกัน เป็นกิจกรรมเชิงบวก และเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถยืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเกี่ยวกับประวัติศาสตร์บางส่วนที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และความบอบช้ำทางจิตใจที่ชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรสประสบ" คุณฮอลล์ ระบุ
เธอยังบอกอีกว่า กิจกรรมนี้เป็นการเฉลิมฉลองความสามารถในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังประสบความยากลำบากของชนชาวพื้นเมืองและวัฒนธรรมชาวพื้นเมือง และสร้างเส้นทางที่นำไปสู่การเยียวยาจิตใจในที่สุด
"ด้วยความร่วมใจกันเท่านั้น ที่เราจะเยียวยาจิตใจได้ เพราะการทนทุกข์อยู่ลำพังทำให้เกิดความทรมานและความบอบช้ำทางจิตใจ ดังนั้นเมื่อเราทำพิธีวันแห่งการเอาชีวิตรอด เราก็ทำร่วมกัน ทั้งคนพื้นเมืองและผู้ที่ไม่ใช่คนพื้นเมือง จึงทำให้พวกเราสามารถปลอบใจซึ่งกันและกันได้" คุณฮอลล์ กล่าว
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่