ประเด็นสำคัญ
- แนวทางการแพทย์แผนโบราณของชนพื้นเมืองเป็นแนวคิดองค์รวม ผสมผสานศาสตร์สำหรับสุขภาวะที่ดีทางร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณ
- การแพทย์แผนโบราณของชนพื้นเมืองมีทั้งสิ่งที่จับต้องได้และจิตวิญญาณ
- หมอแผนโบราณสืบทอดความรู้และความสามารถในการรักษาจากรุ่นสู่รุ่น
- การแพทย์แผนโบราณและการแพทย์แผนปัจจุบันสามารถทำงานร่วมกันเพื่อให้การรักษาที่ละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมได้
กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
สำหรับชนพื้นเมือง การมีสุขภาพดีไม่ได้มีเพียงการไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แต่เป็นแนวคิดที่ครอบคลุมถึงการมีสุขภาวะที่ดีทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
ดังนั้นการแพทย์แผนโบราณของชนพื้นเมืองจึงมุ่งเน้นทั้งการรักษาโรคทางกายและการสร้างความสมดุลของสุขลักษณะทุกด้านด้วย
แพทย์หญิงอลานา กัล หญิงชาวทรูวูละเวย์จากแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของดินแดนลูตรูวิตา และเป็นนักวิจัยสาขาเวชศาสตร์บำบัดจากมหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์น ครอสส์ เธอกล่าวว่าการแพทย์แผนโบราณของชนพื้นเมืองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเธอมาตลอด
“สำหรับฉัน การแพทย์แผนโบราณเป็นสิ่งที่ฉันหลงใหลมาตั้งแต่เด็ก ที่บ้าน เรามักใช้ยาจากธรรมชาติหลายขนาน พ่อของฉันมักจะออกไปล่าสัตว์และปฏิบัติตามขนบต่างๆ พิธีกรรมและจิตวิญญาณต่างๆ เหล่านั้นล้วนเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฉัน”
แพทย์หญิงอลานา กัล นักวิจัยสาขาเวชศาสตร์บำบัดจากมหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์น ครอสส์
“สมุนไพรจากบางพืชพันธุ์เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของออสเตรเลีย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างจะมาจากสมุนไพร ฉันเข้าใจว่ามีคำนิยามนั้นอยู่ และฉันคิดว่าใช้คำนั้นได้ แต่มันทำให้หลายคนคิดว่าเป็นยาที่เพียงแค่ดม หรือทา หรือยากิน แต่จริงๆ แล้วมันมีมากกว่านั้น”
ประโยชน์ของยาแผนโบราณของชนพื้นเมืองมีมากมาย
"มียาแบบนั้นอยู่ แต่ยังมีอาหารพื้นเมืองที่เป็นยาด้วย ใช้เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพโดยเฉพาะ ไม่ใช่เพียงเพื่อการบำรุงเท่านั้น นั่นทำให้มันเป็นยาด้วย"
เรายังมีพิธีรักษา การแพทย์ทางจิตวิญญาณ หมอแผนโบราณ และเรายังมองว่าดินแดนของเราเป็นผู้รักษาด้วยเช่นกัน การสนับสนุนทุกสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่หลายคนพูดถึงอยู่ในตอนนี้ วิธีที่เราเรียนรู้ วิธีที่เราอยู่และที่เราทำแพทย์หญิงกัลอธิบาย
เด็บบี วัตสัน หมอแผนโบราณของชนพื้นเมืองออสเตรเลียหรือที่เรียกว่า 'นันคารี'
เธอมองว่าการแพทย์แผนโบราณของชนพื้นเมืองเป็น ‘กระบวนทัศน์’
“เราต้องคิดถึงวิธีที่เรามองโลกของเราเป็นส่วนต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึงกัน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ดังนั้นฉันคิดว่ามันเป็นกระบวนทัศน์ทางการแพทย์ที่แตกต่างจากแพทย์แผนอื่น และตามคำจำกัดความกระบวนทัศน์ทางการแพทย์ของการแพทย์สมัยใหม่ ทุกส่วนมีความหมายเหมือนกัน ฉันคิดว่า ที่หลายคนพูดว่า ‘มันเป็นเพียงแค่…’ พวกเขามองข้ามความซับซ้อนของระบบการแพทย์ทั้งหมดไป”
ความหลงใหลเรื่องการแพทย์แผนโบราณของแพทย์หญิงกัลถูกจุดประกายเมื่อเธอตระหนักว่ายังไม่มีการปกป้องความรู้ดั้งเดิมส่วนนี้
ความเป็นจริงคือยังไม่มีการปกป้องความรู้ของเรา นั่นหมายความว่ามันไม่ปลอดภัยที่เราจะเผยแพร่ความรู้นั้นออกไปอย่างเสรี เพราะบริษัทต่างๆ เช่น บริษัทเภสัชกรรายใหญ่ บริษัทเครื่องสำอางค์ และบริษัทผลผลิตทางเกษตรต่างๆ สามารถเข้ามานำความรู้นั้นไปใช้ ทำการค้า และสร้างรายได้มหาศาลจากมันแพทย์หญิงกัลสะท้อนเรื่องยาแผนโบราณของชนพื้นเมือง
แพทย์หญิงฟรานเซสกา ปันซิโรนี เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ ANTAC และเด็บบี วัตสัน หมอแผนโบราณชนพื้นเมืองหรือที่เรียกว่า 'นันคารี'
แต่ยังมีประโยชน์จากความรู้ทางการแพทย์แผนโบราณที่โลกสามารถใช้ประโยชน์ได้
เป้าหมายระยะยาวของแพทย์หญิงกัลคือการจัดให้มีระบบเพื่อสามารถแบ่งปันความรู้นี้สู่มนุษยชาติได้
“ภูมิปัญญาที่เรามีเกี่ยวกับการดูแลโลก การทำยาในแบบที่เราทำมาตลอด ถ้าเราสามารถนำความรู้นั้นมาใช้ได้จริงวันนี้ เราจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างแท้จริง สายพันธุ์จุลินทรีย์ที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะและสิ่งอื่นๆ ที่สร้างปัญหาระดับโลกอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเราไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ เรากำลังมองหายาแผนโบราณเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น”
เบรตต์ โรว์ลิง สืบเชื้อสายจากชาวบันโกรีและมาโตรา เขาทำงานเป็นนักเคมีเชิงวิเคราะห์ร่วมกับแพทย์หญิงกัล
เขาเสริมว่า แม้ว่ายาแผนโบราณและยาแผนปัจจุบันจะดูเหมือนอยู่คนละขั้ว แต่สามารถเสริมกันและกันได้ ช่วยให้เกิด 2 มุมมองที่แตกต่างกัน
“หนึ่ง มันเป็นเรื่องราวที่เล่าขานของเรา ความลับในการสอนและศีลธรรม อีกด้านคือวิธีที่คนขาวทำงาน ข้อมูลและการวิเคราะห์ ทั้งสองสิ่งนี้อยู่ขั้วตรงข้ามกัน หากคุณมองในเชิงสังคม มันเป็นสถานการณ์ที่ตลกดี เพราะสำหรับเรา เรามองลึกลงไปในสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่จะมองในมุมที่คนขาวมอง ในขณะที่เราคิดถึงการเอาชีวิตรอด พวกเขามักคิดถึงทิวทัศน์ นั่นเป็นวิธีที่ส่งเสริมกัน แต่ก็ตรงกันข้ามกันเช่นกัน”
เบรตต์ โรว์ลิง นักเคมีเชิงวิเคราะห์
“ตัวอย่างเช่น หลายคนใช้ยาพาราเซตามอล เราเห็นได้ว่ายานี้ออกฤทธิ์อย่างไร เพราะเรารวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์ว่ามันทำงานอย่างไร ขณะที่ผลของยาของชนพื้นเมืองมีมายาวนาน แต่มันเป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปากเท่านั้น และยาเหล่านั้นได้ผลดี มีประสิทธิภาพมากๆ”
ทั้งนี้ การแพทย์แผนโบราณของชนพื้นเมืองมุ่งเน้นที่สุขภาพกายและสุขภาวะที่ดีทางจิตวิญญาณด้วย ซึ่งเป็นแง่มุมที่การแพทย์แผนปัจจุบันไม่เน้นถึง
เด็บบี วัตสัน เป็น ‘นันคารี (ngankari)’ หรือหมอแผนโบราณของชาวอะบอริจินจากดินแดนแถบเซาท์ ออสเตรเลีย
การรักษาแบบนันคารีมีมานานกว่า 60,000 ปี ความรู้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
"ตอนที่ฉันยังอยู่กับพ่อ ฉันเริ่มเรียนรู้วิธีรักษาคนผ่านทางจิตวิญญาณ พ่อเป็นผู้รักษา และพ่อสอนวิธีรักษาให้กับฉัน วิธีเป็นผู้รักษา ผู้รักษาที่ดี"
เด็กชนพื้นเมืองเดินในทุ่งที่มีสมุนไพร
ฉันรักษาคนด้วยมือของฉัน ฉันเห็นถึงข้างในและรู้สึกถึงพลังงานของพวกเขา สิ่งที่พวกเขามีข้างใน เช่น ความเจ็บปวด ฉันทำงานกับจิตวิญญาณ จิตวิญญาณของหลายคนนั้นเศร้าและปิดตาย ซึ่งบางครั้งทำให้คุณเจ็บปวดมาก ฉันมองไปที่จิตวิญญาณของผู้คน ซึ่งมันไม่ได้ทำให้เจ็บปวดวัตสัน หมอแผนโบราณชาวอะบอริจินกล่าว
วัตสันยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมผู้รักษาชาวอะบอริจินแห่งแรกในออสเตรเลียหรือแอนแทค (ANTAC) องค์กรสนับสนุนและรักษาแนวปฏิบัติที่สืบทอดมาหลายศตวรรษ พร้อมทั้งให้บริการการรักษาแก่ทั้งชาวอะบอริจินและผู้อื่นด้วย
แพทย์หญิงฟรานเซสกา ปันซิโรนี เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ ANTAC ความอยากรู้เรื่องยาแผนโบราณของชนพื้นเมืองทำให้เธอสืบหาสิ่งที่เธอไม่รู้
“ฉันสังเกตเห็นว่า เมื่อมีการพูดถึงยาแผนโบราณของชนพื้นเมืองออสเตรเลีย ทุกบทความกลายเป็นยาแผนโบราณของจีนไปเสีย นั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าต้องสืบเรื่องนี้ มันฟังดูแปลกสำหรับฉัน ฉันมีความอยากรู้อยากเห็นที่จะค้นหา เป็นคำถามในใจของฉันว่า ยาแผนโบราณยังคงอยู่ในออสเตรเลียทุกวันนี้หรือไม่?”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Bush Tucker อาหารป่าพื้นเมืองอะบอริจินที่เชฟไทยนำมาฟิวชันให้แซ่บนัว
หลังจากการหารือกับนันคารีในแถบภูมิภาคและชุมชนต่างๆ แพทย์หญิงปันซิโรนีตระหนักถึงความจำเป็นของชนพื้นเมืองในการรักษาตามการแพทย์แผนโบราณของพวกเขา
“พวกเขาต้องการนันคารีจริงๆ มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ทฤษฎี หลายคนดีขึ้นเพราะนันคารี ส่วนมากเป็นชาวอะบอริจิน แต่ก็มีคนที่ไม่ใช่ชาวอะบอริจินหลายคนที่เรียกร้องหรือขอการรักษาจากนันคารีเช่นกัน”
ANTAC มีเป้าหมายที่จะทำให้การรักษาแผนโบราณของชนพื้นเมืองเป็นส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุข
แพทย์หญิงปันซิโรนีเชื่อว่าการรักษาแผนโบราณและการแพทย์ปัจจุบันสามารถทำงานร่วมกันได้
“มันไม่ได้มาแทนที่การรักษาแบบชีวภาพ แต่สามารถทำงานร่วมกับการแพทย์แผนสมัยใหม่ได้ และกลายเป็นแง่มุมของสุขภาพและสุขภาวะที่ไม่ได้ถูกพิจารณาในการใช้ในการรักษาแบบชีวภาพ ฉันหมายถึงจิตวิญญาณ หมายถึงความเข้าใจเรื่องความเจ็บป่วยในแง่ของวัฒนธรรม เพราะความเจ็บป่วยไม่ได้เกิดขึ้นทางภายภาพเท่านั้น การมีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือไม่สบายเป็นแนวความคิดทางพยาธิวิทยา”
ดังนั้น การทำความเข้าใจและให้ความเคารพความรู้ทางการแพทย์แผนโบราณของชนพื้นเมืองอาจเป็นกุญแจในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและเสริมสร้างความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมในสถานพยาบาลของเราในปัจจุบัน
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ศิลปะของชนพื้นเมือง: ความสัมพันธ์กับดินแดนและหน้าต่างสู่อดีต