ประเด็นสำคัญ
- รัฐบาลได้เปิดเผยยุทธศาสตร์การรับผู้ย้ายถิ่นฐาน ที่รอคอยกันมานาน
- แผนนี้ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ที่จะต้องมีความสามารถทางภาษาอังกฤษที่สูงขึ้น
- แต่วีซ่าสำหรับผู้มีรายได้สูงสุดจะได้รับการดำเนินการให้อย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ
แผนทบทวนด้านการรับผู้ย้ายถิ่นฐาน ที่รอคอยกันมานานของรัฐบาล ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว และมาพร้อมความมุ่งมั่นที่จะลดการรับผู้ย้ายถิ่นฐานมายังออสเตรเลีย
ประเด็นสำคัญในแผนดังกล่าว ได้แก่ ข้อจำกัดที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับนักเรียนต่างชาติ โดยปัจจุบันมีนักเรียนต่างชาติกว่า 650,000 คนอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย และหลายคนกำลังพยายามขอวีซ่าเพื่ออยู่ต่อ
รัฐบาลเปิดเผยแผนนี้ หลังการตรวจสอบทบทวนของ มาร์ติน พาร์กินสัน ข้าราชการระดับสูง ที่พบผลอันน่าอดสู ซึ่งเตือนว่าระบบการรับผู้ย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลียนั้น "ไม่เหมาะกับวัตถุประสงค์" และพึ่งพาการย้ายถิ่นฐานชั่วคราวมากเกินไป
แคลร์ โอนีล กล่าวว่า ระบบจะขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของออสเตรเลีย Source: AAP / Lukas Coch
"เรามีความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และเราไม่มีทักษะและความสามารถที่นี่ที่จะทำเช่นนั้น เราเผชิญกับสถานการณ์ทางภูมิยุทธศาสตร์ที่ท้าทายที่สุดในภูมิภาคของเราอย่างที่เห็นในรอบ 70 ปี และเราจำเป็นต้องสร้างขีดความสามารถในการพึ่งตนเองอย่างรวดเร็ว” เธอกล่าว
“การรับผู้ย้ายถิ่นสามารถช่วยเราตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้ทั้งหมดได้ แม้จะไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์สำหรับปัญหาเหล่านี้ แต่เป็นส่วนหนึ่งของทางออกสำหรับปัญหาทั้งหมด”
นี่คือประเด็นสำคัญ
การทดสอบภาษาสำหรับนักเรียน
การจะได้วีซ่านักเรียนหมายความว่าผู้สมัครจะต้องมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น
ผู้ที่ยื่นขอวีซ่าผู้สำเร็จการศึกษา (graduate visa) จะต้องได้คะแนน 6.5 ในระบบทดสอบภาษาอังกฤษนานาชาติ (International English Language Tests System หรือ IELTS) (เพิ่มขึ้นจากเดิม 6.0) และผู้ที่ยื่นขอวีซ่านักเรียนจะต้องได้คะแนน 6.0 (เพิ่มขึ้นจากเดิม 5.5)
กลยุทธ์ดังกล่าวจะมีประโยชน์หลายประการ ได้แก่ การปรับปรุงคุณภาพประสบการณ์ด้านการศึกษาของนักเรียน และส่งเสริมชื่อเสียงของภาคการศึกษา
ภาคการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยพึ่งพานักเรียนต่างชาติเป็นอย่างมาก แต่นักเรียนต่างชาติกำลังจะเผชิญกับข้อกำหนดด้านภาษาที่ยากขึ้น ก่อนจะได้เข้ามายังออสเตรเลีย Source: AAP / Chris Radburn/PA
ที่สำคัญ แผนทบทวนนี้ระบุว่า นี่ยังช่วยให้นักเรียนต่างชาติสามารถหางานที่มีคุณภาพมากขึ้นทำเมื่อสำเร็จการศึกษา เนื่องจากปัจจุบันระบบส่งนักเรียนต่างชาติที่จบการศึกษาเข้าไปทำงานในระดับทักษะที่ต่ำกว่าที่ตนมี
เพียง 1 ใน 3 ของนักเรียนต่างชาติที่ได้ทำงานในระดับทักษะที่ตนมี เมื่อเทียบกับ 3 ใน 4 ของผู้จบการศึกษาที่เป็นนักเรียนท้องถิ่น
มากกว่าครึ่งหนึ่งทำงานในสองภาคส่วนที่ใช้ทักษะต่ำสุด
เงินเดือนเฉลี่ยต่อปีของผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทที่เป็นนักเรียนต่างชาติ ต่ำกว่าเงินเดือนของผู้มีคุณวุฒิเท่ากันแต่เป็นนักเรียนท้องถิ่น โดยน้อยกว่าอย่างน้อย 30,000 ดอลลาร์ ต่อปี
นอกจากนี้ ยังจะมีข้อจำกัดในการเปลี่ยนวีซ่าไปเรื่อย ๆ (visa hopping) ซึ่งรัฐบาลกล่าวว่าทำให้เกิด "ความชั่วคราวอย่างถาวร" นักเรียนต่างชาติประมาณ 108,000 คนอยู่ในออสเตรเลียมานานกว่า 5 ปี โดยการเปลี่ยนไปเป็นวีซ่าประเภทอื่น
ระบบปัจจุบันหมายความว่า ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถอยู่ในออสเตรเลียได้นานถึง 8 ปีโดยการยื่นขอวีซ่าประเภทต่าง ๆ และรอการดำเนินการ
รัฐมนตรีโอนีลไม่ได้ปฏิเสธว่า อาจมีการจำกัดจำนวนนักเรียนต่างชาติ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเมื่อวันจันทร์ (11 ธ.ค.)
วีซ่าที่รวดเร็วขึ้นสำหรับผู้มีรายได้สูง
วีซ่าในระดับสูงสุดของระบบจะได้รับการดำเนินการให้อย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ
ผู้ใดที่เดินทางเข้ามาเพื่อทำงานที่ได้ค่าจ้าง 135,000 ดอลลาร์ขึ้นไป จะได้รับการดำเนินการด้านวีซ่าให้อย่างเร่งด่วน โดยเป็นส่วนหนึ่งของ ‘เส้นทางใหม่สำหรับผู้เชี่ยวชาญ' เป้าหมายคือเพื่อให้วีซ่าเหล่านั้นได้รับการดำเนินการภายในหนึ่งสัปดาห์โดยเฉลี่ย
วีซ่าสำหรับผู้มีทักษะที่เป็นที่ต้องการจะมาพร้อมกับเส้นทางที่ชัดเจนในการเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร เพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถจากต่างประเทศที่อุตสาหกรรมในออสเตรเลียกำลังต้องการสูงสุด
รัฐบาลเตรียมเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ หลังจากที่ธุรกิจต่าง ๆ บ่นว่า การได้รับอนุมัติให้หาลูกจ้างที่มีทักษะสูงจากต่างประเทศมาทำงานในตำแหน่งสำคัญนั้นยากลำบากเกินไป
บริษัทต่าง ๆ มักจะต้องทำข้อตกลงด้านแรงงานเป็นรายบุคคล ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนในการดำเนินการและต้องมีตราประทับกระทรวงเพื่อนำลูกจ้างเพียงคนเดียวเข้ามาในประเทศ ปัจจุบันมีข้อตกลงดังกล่าวราว 1,300 ฉบับที่ใช้การอยู่
แต่ผู้มีรายได้สูงมักถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบน้อยกว่ามาก พวกเขามีแนวโน้มที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ดี มีทางเลือกมากมายด้านอาชีพ และรู้ถึงสิทธิของตน
รัฐบาลกล่าวว่า การดำเนินการด้านวีซ่าให้พวกเขาอย่างรวดเร็วนั้นมีแต่ได้กับได้ กล่าวคือ มีความเสี่ยงน้อยกว่า ช่วยนายจ้าง และจะเพิ่มรายได้ด้านงบประมาณให้รัฐบาล 3.4 พันล้านดอลลาร์ใน 10 ปีข้างหน้า
แต่ลูกจ้างที่ทำงานด้านช่าง พนักงานควบคุมเครื่องจักร และคนขับรถ และกรรมกรหรือแรงงานทั่วไป จะไม่มีสิทธิ์ได้รับวีซ่าใหม่นี้
แผนภูมิแท่งเกี่ยวกับลูกจ้างผู้ย้ายถิ่นที่ได้ค่าแรงต่ำกว่า 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
แล้วลูกจ้างที่ได้ค่าจ้างในระดับต่ำล่ะ?
นั่นเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุด
ยุทธศาสตร์ดังกล่าวอธิบายถึงการออกกฎควบควมการรับผู้ย้ายถิ่นที่เป็นคนงานค่าจ้างต่ำซึ่งมีทักษะที่จำเป็น โดยระบุว่าเป็น "ด้านที่จะมีการปฏิรูปในอนาคต" ทั้งนี้การปรึกษาหารือกับสาธารณะในเรื่องนี้จะเริ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
ลูกจ้างได้รับค่าจ้างต่ำมีความเสี่ยงที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบมากที่สุด แต่มีความต้องการลูกจ้างเหล่านี้อย่างชัดเจนในหลายภาคส่วนที่สำคัญ เช่น การดูแลผู้สูงอายุและการทำฟาร์มในพื้นที่ส่วนภูมิภาค
เกษตรกรออสเตรเลียจำนวนมากพึ่งพาลูกจ้างจากต่างประเทศ แต่ลูกจ้างผู้ย้ายถิ่นที่ได้ค่าแรงต่ำมีความเสี่ยงสูงสุดที่จะถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ Source: AAP / Johan Palsson
ยุทธศาสตร์ดังกล่าวต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับผู้ย้ายถิ่นที่ต้องการเปลี่ยนงาน ซึ่งแผนระบุว่าจะ "ลดโอกาสที่ลูกจ้างจะได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกันก็ผลักดันให้เกิดประโยชน์ด้านผลิตภาพแก่นายจ้างและเศรษฐกิจ"
“การยุติแรงงานผูกมัดและการอนุญาตให้คนงานที่ถูกเอารัดเอาเปรียบสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้อย่างอิสระในตลาดแรงงานของเราเป็นสิ่งสำคัญในการยุติการแสวงหาผลประโยชน์ เนื่องจากเจ้านายของคุณไม่ควรควบคุมเช็คเงินเดือนและพาสปอร์ตของคุณ” คุณ เลียม โอ'ไบรอัน ผู้ช่วยเลขาธิการสภาสหภาพแรงงานแห่งออสเตรเลีย (ACTU) กล่าวเมื่อวันจันทร์ (11 ธ.ค.2023)
มีการดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง?
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เพิ่มรายได้ที่ต้องมีจึงจะมีสิทธิ์ตามเกณฑ์รายได้สำหรับการย้ายถิ่นฐานชั่วคราวของลูกจ้างทักษะ (TSMIT) จาก 53,900 ดอลลาร์เป็น 70,000 ดอลลาร์ รายได้ขั้นต่ำก่อนหน้านี้กำหนดไว้ในปี 2013 และไม่มีการปรับขึ้นตามดัชนี ซึ่งหมายความว่าไม่สอดคล้องกับค่าจ้าง
รัฐบาลกล่าวว่านั่นหมายถึงโครงการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อนำแรงงานทักษะเข้ามาแต่กลับกลายเป็นช่องทางสำหรับแรงงานราคาถูก รัฐบาลพรรคแรงงานจะเปลี่ยนแปลง TSMIT ไปตามดัชนี ซึ่งหมายความว่า เกณฑ์ด้านรายได้จะเพิ่มขึ้นอัตโนมัติตามค่าจ้าง
วีซ่า แพนเดมิก อีเวนต์ (Pandemic Event Visa) ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2020 ในช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก ก็กำลังจะสิ้นสุดลง
วีซ่านี้ง่ายต่อการสมัครสำหรับผู้คนที่อยู่ในออสเตรเลียแล้ว โดยสมัครได้ฟรีและสามารถต่ออายุได้ 1 ปีอย่างง่ายดายโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
แต่รัฐบาลได้ประกาศในเดือนกันยายนว่าจะยุติวีซ่านี้ โดยไม่อนุญาตให้มีการสมัครใหม่ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และได้ปิดรับสมัครอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นั่นหมายความว่าวีซ่าประเภทนี้ชุดสุดท้ายจะหมดอายุในเดือนสิงหาคมปีหน้า และผู้ที่ถือวีซ่านี้ราว 70,000 คนอาจเดินทางออกจากออสเตรเลียภายใน 12 เดือนข้างหน้า
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยกเครื่องระบบย้ายถิ่นฐานออสเตรเลียครั้งใหญ่