ประเด็นสำคัญในข่าว
- การทยอยยุติโครงการระดับชาติเพื่อที่เช่าอาศัยราคาเอื้อมถึง (The National Rental Affordability Scheme) ทำให้กลุ่มสนับสนุนโครงการดังกล่าวกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมาถึง
- มีบ้านที่จะออกจากโครงการดังกล่าวเพิ่มสูงอย่างฉับพลันในปีนี้มากถึงกว่า 6,000 หลัง
- ดัชนีความสามารถในการจ่ายค่าเช่าเผย นครโฮบาร์ตเป็นเมืองที่ราคาเช่าพักอาศัยเอื้อมถึงได้ยากที่สุด
กลุ่มผู้สนับสนุนกำลังเรียกร้องให้รัฐบาลสหพันธรัฐยังคงไว้ซึ่งโครงการระดับชาติที่เปิดโอกาสให้ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยสามารถเช่าอาศัยอยู่ได้ ด้วยการจ่ายค่าเช่าน้อยกว่าราคาตลาดอย่างน้อยร้อยละ 20
โครงการเพื่อความสามารถในการจ่ายค่าเช่าแห่งชาติ (The National Rental Affordability Scheme หรือ NRAS) ได้เปิดตัวเมื่อปี 2008 ในสมัยรัฐบาลของ เควิน รัดด์ (Kevin Rudd) ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปี 2026 โดยในแต่ละปีมีบ้านจำนวนมากขึ้นที่ออกจากโครงการดังกล่าว
ในปีนี้ อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า 6,619 แห่ง จะออกจากโครงการนี้ เรื่องดังกล่าวทำให้ผู้สนับสนุนมีความกังวลว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการมากกว่านี้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น และแรงกดดันจากค่าเช่าที่เพิ่มสูงซึ่งมีต่อประชาชน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สิทธิ์ของผู้เช่า หากเจ้าของบ้านจะขึ้นค่าเช่า
เมย์ อะซิซ (Maiy Azize) โฆษกระดับชาติของโครงการ Everybody’s Home กล่าวว่า การทยอยยกเลิกโครงการดังกล่าว กำลังจะทำให้ชาวออสเตรเลียจำนวนมากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง
“มันหมายความว่าพวกเขากำลังจะติดอยู่กับค่าเช่าที่พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้” คุณอะซิซ กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์
“มันหมายความว่า พวกเขาอาจหมดตัวเมื่อจ่ายค่าเช่าแล้ว พวกเขาอาจไม่มีเงินพอจ่ายค่าน้ำค่าไฟ พวกเขาอาจต้องกู้ยืมเงินที่พวกเขาจ่ายคืนไม่ได้ หรือต้องอดมือกินมื้อ และหยุดทำสิ่งที่จำเป็นในชีวิตต่าง ๆ และนั่นคือสิ่งที่โครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น”
คำมั่นสร้างอาคารสงเคราะห์ 20,000 หลังของรัฐบาล ‘ยังช่วยได้ไม่พอ’
ภายใต้โครงการ NRAS มีที่พักอาศัยมากกว่า 38,000 แห่งที่อยู่ในโครงการดังกล่าว ซึ่งผู้สนับสนุนบอกว่า “เป็นการจัดหาที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในออสเตรเลีย”
โดยผู้ให้บริการด้านที่อยู่อาศัยต่างได้รับการจูงใจจากค่าเช่ารายปีในอัตราคงที่ ซึ่งได้รับการปรับตามดัชนีราคาผู้บริโภคในแต่ละปีจากรัฐบาลสหพันธรัฐ และรัฐบาลในระดับรัฐหรือมณฑล เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการด้านที่พักอาศัยสามารถเสนอราคาค่าเช่าที่ย่อมเยาให้กับผู้เช่าได้
การตัดสินใจเมื่อปี 2014 ในการยกเลิกโครงการนี้ภายในปี 2026 ได้รับการตอกย้ำจากรัฐบาลของ สกอตต์ มอร์ริสัน โดยผู้สนับสนุนผู้เช่ารายได้น้อยกำลังเรียกร้องให้รัฐบาลของ แอนโทนี อัลบานิซี ซึ่งได้รับการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา ต่อเวลาโครงการดังกล่าวออกไปหลังจากปี 2026
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
แคนาดาแบนต่างชาติซื้อบ้าน หวังแก้ปัญหาบ้านราคาแพง ออสเตรเลียควรทำตามหรือไม่?
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอัลบานิซี ได้ร่างข้อตกลงการเคหะแห่งชาติฉบับใหม่ (National Housing Accord) ซึ่งเป็นแนวทางของรัฐบาลในการรับมือกับอุปทาน และความสามารถในการจ่ายเงินเพื่อมีที่อยู่อาศัย นับตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ด้วยงบประมาณ 350 ล้านดอลลาร์
แต่ คุณอะซิซ กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่
“สิ่งที่เราต้องการก็คือให้พวกเขาขยายเป้าหมาย รัฐบาลนี้กำลังสัญญาว่าจะสร้างอาคารสงเคราะห์จำนวน 20,000 แห่งในอีก 5 ปีข้างหน้า นั่นเหมือนเป็นหยดน้ำในมหาสมุทรเมื่อเทียบกับความต้องการที่มีอยู่ นั่นก็คือที่อยู่จำนวน 500,000 แห่งทั่วประเทศ” คุณอะซิซ กล่าว
ดร.ไมเคิล โฟเธอริงแฮม (Dr Michael Fotheringham) จากสถาบันวิจัยที่อยู่อาศัยและเมืองแห่งออสเตรเลีย (Australian Housing and Urban Research Institute) กล่าวว่า ควรมีการดำเนินการตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อจัดการกับขนาดของปัญหา
“เวลาที่ดีที่สุดที่จะแก้ไขปัญหานี้คือเมื่อ 20 ปีก่อน และเวลาที่ดีที่สุดอีกครั้งต่อไปคือวันนี้ มันถึงเวลาแล้วจริง ๆ เราไม่สามารถผลักเรื่องนี้ต่อไปได้ เพราะมันมีแต่ที่จะรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ เรามีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับความไร้บ้าน และไม่มีอัตภาพในที่อยู่อาศัยของประเทศนี้ เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง” คุณโฟเธอริงแฮม กล่าว
ควีนส์แลนด์รับรู้ได้แล้วถึงผลกระทบการยกเลิกโครงการ NRAS
ดัชนีความสามารถในการจ่ายค่าเช่า () ที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าค่าเช่าเพิ่มขึ้นเร็วกว่ารายได้ในครัวเรือนของออสเตรเลีย ผู้เช่าเอกชนที่มีรายได้น้อยอย่างน้อยร้อยละ 58 กำลังอยู่ท่ามกลางความเครียดเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งถูกกำหนดจากการต้องใช้รายได้มากกว่าร้อยละ 30 ในการจ่ายค่าเช่าที่พัก
จากดัชนีดังกล่าวพบว่า นครโฮบาร์ตเป็นเมืองที่ราคาเช่าบ้านเอื้อมถึงได้ยากที่สุด ขณะที่มีผู้เช่าจำนวนมากขึ้นในพื้นที่ส่วนภูมิภาคที่กำลังประสบปัญหาเรื่องความสามารถในการเช่าอาศัย โดยเฉพาะในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย เช่น เมืองลิสมอร์ (Lismore) ทางตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งประสบเหตุน้ำท่วมหลายครั้งตลอดปี 2022
จากจำนวนที่พักอาศัยราคาย่อมเยา 6,600 แห่งที่กำลังจะออกจากโครงการ NRAS ในปีนี้ รัฐควีนส์แลนด์จะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยจะมีที่อยู่อาศัย 2,499 แห่งที่ค่าเช่าจะไม่ถูกอีกต่อไป
เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา ที่อยู่อาศัยในออสเตรเลีย 1,320 แห่งสูญเสียสถานะราคาเช่าย่อมเยาไปแล้ว จากการออกไปจากโครงการนี้
เอมี แม็ควีห์ (Aimee McVeigh) ประธานสังคมสงเคราะห์รัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า ตอนนี้ภาระต่าง ๆ กำลังตกลงมาที่องค์กรการกุศล และองค์กรไม่แสวงผลกำไร
“มันไม่ได้เพิ่มแรงกดดันให้กับบริการสังคมสงเคราะห์ ขณะที่ผู้คนจำนวนมากขึ้นเข้ามาที่องค์กรชุมชนเพื่อรับความต้องการขั้นพื้นฐาน ซึ่งนั่นรวมถึงการมีที่พักพิง” คุณแม็กวีห์ กล่าว
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา องค์กรชุมชนต่าง ๆ ได้บอกกับเราว่า พวกเขาพบกับความต้องการอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน และนั่นรวมถึงผู้มารับบริการต่าง ๆ ซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยต้องการความช่วยเหลือแบบนี้มาก่อน และสิ่งนี้เกี่ยวโยงไปถึงผู้คนที่ไม่สามารถจ่ายค่าเช่าในที่อยู่อาศัยพื้นฐานในตลาดที่เช่าอาศัยเอกชนได้”
จากการประเมินว่าจะมีผู้คนราว 46,000 คนที่ลงทะเบียนขออาศัยในอาคารสงเคราะห์ของรัฐควีนส์แลนด์ คุณแม็กวีห์ กล่าวว่า การสูญเสียทางเลือกที่เอื้อมถึงได้สำหรับผู้เช่าอาศัยไม่เคยมาถึงในช่วงเวลาที่เลวร้ายขนาดนี้มาก่อน
“ควีนส์แลนด์เป็นศูนย์กลางของวิกฤตการณ์ที่พักอาศัยของออสเตรเลีย เราพบกับค่าเช่าที่สูงเป็นประวัติการณ์ เรามีอัตราที่พักว่างให้เช่าน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ และเรามีประชากรขนาดเท่ากับเมืองจิมพีย์ (Gympie) ที่กำลังรอการลงทะเบียนเพื่อได้อาศัยในอาคารสงเคราะห์ ซึ่งบ่อยครั้งต้องรอนานหลายปี”
“สิ่งที่เราไม่อยากจะคิดถึงท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่พักอาศัย นั่นคือการถอนการสนับสนุนใด ๆ ที่กำลังทำให้ผู้คนเหล่านี้มีที่พักพิง”
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจ จาก เอสบีเอส ไทย
ส่วนภูมิภาคออสฯ วอนรัฐเพิ่มโควตาผู้ย้ายถิ่นเร่งแก้ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ