โดยเฉลี่ยแล้วชาวออสเตรเลียต้องการมีเงินเดือนต่อปีอยู่ราว 346,000 ดอลลาร์ฯ ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองรวย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราว 10,000 ดอลลาร์
จากข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย สะท้อนว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นสูงถึง 5 เท่าของรายได้ปานกลางโดยเฉลี่ยของชาวออสเตรเลียที่ปัจจุบันอยู่ที่ 67,600 ดอลลาร์ฯ ในปี 2023ที่ผ่านมา ครึ่งหนึ่งของแรงงานออสซี่ได้รับค่าแรงน้อยกว่าตัวเลขข้างต้น ขณะเดียวกันอีกครึ่งหนึ่งของแรงงานได้เงินสูงกว่าค่าเฉลี่ย
ข้อมูลจากการสำรวจของไฟน์เดอร์ (Finder) เว็บไซต์ที่ให้บริการข้อมูลเชิงเปรียบเทียบเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งทำการสำรวจคนวัยทำงาน 1,032 คน พบว่า พวกเขาต้องการมีเงินเดือนต่อปีอยู่ที่ 345,819 ดอลลาร์ฯ ถึงจะรู้สึกโอเค การสำรวจครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยังพบอีกว่าจำนวนตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 9,303 ดอลลาร์ฯ เทียบกับการทำสำรวจเดียวกันในปี 2022
สอดคล้องกับที่ในช่วงปลายปีที่แล้ว อัตราเงินเฟ้อแม้จะชะลอตัวลง แต่ยังแซงหน้าการเติบโตของค่าจ้างอย่างต่อเนื่อง ในรายงานล่าสุดของสำนักสถิติฯ พบว่า แม้อัตราค่าจ้างจะปรับเพิ่ม 4 เปอร์เซนต์ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่เงินเฟ้อก็ยังอยู่ที่ 5.4 เปอร์เซนต์ ส่วนต่างจึงอยู่ที่ 1.4 % นั่นหมายความว่าเงินที่ชาวออสเตรเลียได้รับจริงๆ น้อยกว่าอัตราเงินที่ปรับขึ้น
การสำรวจของไฟน์เดอร์ยังพบด้วยว่า เงินเดือนต่อปีที่พอจะทำให้คนรู้สึกว่าตัวเองร่ำรวยนั้นแตกต่างออกไปในคนแต่ละรุ่น และไม่ใช่ทุกคนที่คาดหวังจะได้เงินเยอะๆ
โดยภาพรวมแล้วคนรุ่นมิลเลนเนียม (เกิดระหว่างปี 1981 ถึง 1995) และคนเจน X (เกิดระหว่างปี 1966 ถึง 1980) เป็นกลุ่มคนที่ดึงค่าเฉลี่ยโดยรวม โดยคนสองรุ่นนี้กล่าวว่าพวกเขาจะต้องมีรายได้ 418,325 ดอลลาร์ และ 307,257 ดอลลาร์ ตามลำดับ เพื่อรู้สึกว่าตัวเองร่ำรวย ซึ่งเพิ่มจากปีที่แล้วถึง 72,540 ดอลลาร์ สำหรับชาวมิลเลนเนียม ส่วนคนเจน X อยู่ที่ 12,552 ดอลลาร์
แต่กระนั้นคนเจน Z (เกิดระหว่างปี 1996 ถึง 2010) และคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ ( Baby Boomer เกิดระหว่างปี 1946 ถึง 1965 ) ระบุความต้องการเงินต่อปีเพื่อรู้สึกว่าร่ำรวยนั้นกลับลดลง โดยเจน Z ต้องการเพียง 392,077 ดอลลาร์ (ลดลงจาก 428,474 ดอลลาร์) และเบบี้บูมเมอร์ อยู่ที่ 273,812 ดอลลาร์ ลดลงจาก 306,505 ดอลลาร์
รีเบคก้า ไพค์ ผู้เชี่ยวทางการเงินของ Finder กล่าวว่า แม้ว่าพวกเขาจะมีความหนักแน่นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความต้องการที่ลดลงนั้น "ค่อนข้างน่าประหลาดใจ" และอาจเกี่ยวข้องกับแนวคิดเรื่องความมั่งคั่งของคนรุ่นต่างๆ
“แม้ว่าเราจะมีอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ดังนั้นคนบางรุ่นอาจมีความกลัวน้อยลงเล็กน้อย” ไพค์กล่าว
“คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ที่มรความมั่นคงแล้ว และคนเจน Z (zoomers) มีความเครียดเกี่ยวกับการเงินน้อย เทียบกับคนรุ่น X และ Y (รุ่นมิลเลนเนียล) อาจเป็นเพราะหลายคนยังมีทางเลือกว่าจะอยู่บ้านหรือแชร์เฮาส์ด้วยค่าเช่าที่ต่ำกว่าและค่าแชร์ร่วมกัน "
ในรายงานข้อมูลเชิงลึกด้านค่าครองชีพของธนาคารคอมมันเวลธ์ (Commonwealth) ที่ออกมาในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า วิกฤติค่าครองชีพในออสเตรเลียนั้นส่งผลต่อคนรุ่นต่างๆ ต่างกัน
จากวิเคราะห์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีพบว่าคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์คือกลุ่มคนที่มีการใช้จ่ายเพื่อปรนเปรอตัวเองเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอายุ 75 ปีขึ้นปี พบว่าคือกลุ่มที่ใช้จ่ายสูงสุดราว 10%
ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือคนรุ่ยอายุระหว่าง 25 และ 29 ปี ซึ่งพบว่าพวกเขาใช้จ่ายเพื่อปรนเปรอตัวเองเพียง 6 % เท่านั้น
Source: Supplied / Commonwealth Bank | CommBank iQ Cost of Living Insights Report, November 2023.
ไพค์ ชี้ไปที่ตัวเลขความต้องการที่สูงถึง 345,819 เหรียญฯ ที่ชาวออสเตรเลียโดยเฉลี่ยบอกว่าพวกเขาต้องพยายามหาเงินเพื่อให้รู้สึกร่ำรวย ไพค์ กล่าวว่า "โปรดจำไว้ว่า มีประชากรเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีรายได้ใกล้ 346,000 เหรียญฯ โดยทั่วไปชาวออสซี่จะได้รับเงินเดือนที่อยู่ราวๆ 70,000 เหรียญฯ
“อย่างที่บอกไปแล้ว มันเป็นช่วงสองสามปีที่ยากลำบากสำหรับหลาย ๆ คน โดยที่งบประมาณครัวเรือนถูกกดดันจนเกินขีดจำกัด”
“ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ราคาทรัพย์สินที่พุ่งสูงขึ้นไปจนถึงค่าไฟราคาแพง คนทั่วไปตอนนี้รู้สึกว่าพวกเขาต้องการรายได้เพิ่มมากขึ้นเพื่อที่จะร่ำรวย”
ในขณะเดียวกัน ชาวออสเตรเลียประหยัดเงินโดยเฉลี่ย 705 ดอลลาร์ต่อเดือน ตามข้อมูล Consumer Sentiment Tracker ล่าสุดของ Finder คนรุ่นมิลเลนเนียลเก็บเงินได้มากที่สุด (789 ดอลลาร์) รองลงมาคือเจน Z (751 ดอลลาร์) เจน X (742 ดอลลาร์) ในขณะที่กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่เกษียณอายุส่วนใหญ่ประหยัดเงินได้ 515 ดอลลาร์ต่อเดือน
นอกจากนี้ ยังพบว่าเจน Z มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์สามารถใช้เงินออมได้เพียงเดือนเดียวหรือน้อยกว่านั้น ขณะที่เกือบครึ่งหนึ่งของคนรุ่นมิลเลนเนียล เช่นเดียวกับคนเจน X มากกว่าหนึ่งในสาม และหนึ่งในห้าของกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ระบุว่าพวกเขาเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน