การขยายเวลาของการล็อกดาวน์ ทำให้หลายคนรอเวลาที่จะได้กลับไปทำงานในออฟฟิศ แต่ผลการสำรวจพบว่าคนส่วนมากกังวลเรื่องความเสี่ยงที่จะติดเชื้อหรือแพร่เชื้อไวรัสในที่ทำงาน
งานวิจัยของกลุ่มประกันสุขภาพในที่ทำงานของมหาวิทยาลัยโมนาชเผยว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ทำแบบสำรวจในระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน 2020 กังวลเรื่องการกลับไปทำงานในที่ทำงาน
กลุ่มผู้จัดทำแบบสำรวจเชื่อว่า มีความกังวลเรื่องการกลับไปทำงานในที่ทำงานสูงขึ้น เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วในชุมชน
ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ มัลคอล์ม ซิม (Malcolm Sim) จากวิทยาลัยแพทย์ รอยัล ออสตราเลเชียน (Royal Australasian College of Physicians) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม ชี้ว่า คนออสเตรเลียเสี่ยงที่จะมีความเครียดสูงเรื่องการไปทำงานหรือการกลับไปทำงานในออฟฟิศ หลังสิ้นสุดล็อกดาวน์
“โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีหน้าที่การงานไม่มั่นคง เช่น คนที่ทำงานแบบชั่วคราว (casual) หรือพาร์ทไทม์ (part-time) ซึ่งมักจะเป็นคนอายุน้อย กลุ่มคนทำงานแบบที่ต้องเจอคนเยอะๆ ในขณะที่ไวรัสมีการแพร่เชื้อที่รวดเร็ว พวกเขาอาจมั่นใจกับมาตรการป้องกันที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ เมื่อต้องทำงานกับสาธารณชน แต่มาตรการเหล่านั้นอาจไม่สามารถป้องกันไวรัสที่แพร่เชื่อได้เร็วอย่างสายพันธุ์เดลตา”การระบาดครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นเพราะไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่สามารถแพร่เชื้อได้เร็วเพิ่มความวิตกกังวลให้หลายคนในออสเตรเลีย
กลุ่มคนทำงานที่อายุน้อยกังวลเรื่องงาน Source: Burst/Pexels
ศจ. ซิม กล่าวว่า มันเป็นเรื่องยากสำหรับนายจ้างที่จะให้คำแนะนำกับลูกจ้าง เมื่อคำแนะนำด้านสุขภาพเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ และข้อมูลอย่างเป็นทางการนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด
แต่คนทำงานสามารถจัดการกับชีวิตของพวกเขาได้ เมื่อพวกเขาจัดตารางกิจวัตรประจำวันให้ดี
จากความไม่แน่นอนเหล่านั้นและมาตรการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพิ่มความวิตกกังวลแก่ประชาชน และเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมีความเครียดสูงจากสถานการณ์แบบนั้น
ผลสำรวจระบุอีกว่า ลูกจ้าง 4 ใน 5 คนกลัวที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนาในที่ทำงาน
ศาสตราจารย์ อเล็กซ์ คอลลี่ จากภาควิชาสาธารณสุขชุมชนและเวชศาสตร์ป้องกันแห่งมหาวิทยาลัยโมนาช กล่าวว่าประชาชนตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่ว่าการกลับไปทำงานนั้นจะมีผลกับชีวิตในแบบที่เคยอยู่กับบ้านของพวกเขา
“ผมคิดว่า ผู้คนเคยชินกับชีวิตที่มีความยืดหยุ่นใน 18 เดือนที่ผ่านมา และเรามีรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป การกลับไปทำงานในแบบก่อนหน้าการระบาดนั้น จริงๆ แล้วเป็นการเปลี่ยนรูปแบบไปจากวิถีชีวิตแบบใหม่ที่มีอยู่ในตอนนี้”
ศจ. คอลลี่กล่าวว่า นายจ้างควรพิจารณาเรื่องผลกระทบต่อชีวิตครอบครัว เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถเปลี่ยนกลับมาทำงานในสถานที่ทำงานได้
เห็นได้ชัดจากผลการสำรวจว่า เราควรเสนอการตกลงเรื่องการทำงานแก่พนักงาน โดยเฉพาะในบางสายอาชีพที่สามารถทำได้ และวินิจฉัยสถานการณ์เป็นรายบุคคล และการกลับมาทำงานจะสร้างผลกระทบต่อความกังวลที่พวกเขามีอย่างไร
งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารของเวชศาสตร์การฟื้นฟู
หาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับมาตรการป้องกันและมาตรการช่วยเหลือที่บังคับใช้ในปัจจุบัน เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในภาษาของคุณได้ที่
หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อ Lifeline 13 11 14 หรือ Beyond Blue 1300 224 636
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่