กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
คำเตือน: เนื้อหาในบทความนี้จะพูดถึงประเด็นความรุนแรงทางเพศที่อาจกระเทือนจิตใจ
มีรายงานการล่วงละเมิดทางเพศเฉลี่ย 85 ครั้งต่อวันที่ออสเตรเลีย ผลการศึกษาระบุว่ามีวัยรุ่น มากกว่า 1 ใน 3 คนที่มีเพศสัมพันธ์โดยมิพึงประสงค์
หากคุณเป็นเหยื่อที่รอดจากการข่มขืนหรือการร่วมเพศโดยมิได้ยินยอม คุณอาจกำลังใคร่ครวญที่จะรายงานเรื่องนี้กับทางการและต้องเผชิญกับผู้กระทำอีกครั้ง บ่อยครั้งการตัดสินใจนี้มักมีผลทางสภาพจิตใจ
“รายงานบางส่วนแจ้งมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บางส่วนมาแจ้งที่สำนักงานตำรวจ เราพบคนที่เผชิญสิ่งเลวร้ายมา และมีความเปราะบางทางจิตใจอย่างมาก”
ฟังพอดคาสต์ที่เกี่ยวข้อง
จะยืนยันความยินยอมก่อนมีเพศสัมพันธ์อย่างไร?
SBS Thai
21/04/202313:00
จ่าตำรวจโมนิค เคลลีย์ (Monique Kelley) หัวหน้าทีมสืบสวนพิเศษที่ทำคดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมักช่วยเหลือเหยื่อผู้ร้องเรียนที่มาให้ปากคำและนำหลักฐานมาแสดง
“เรามี 4 เป้าหมาย เป้าหมายแรกคือปกป้องเหยื่อและให้ความช่วยเหลือพวกเขา จากนั้นเราจำเป็นต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนเพื่อรายงาน เราต้องรวบรวมหลักฐานและตรวจว่ามีการก่ออาชญากรรมหรือไม่ จากนั้นเราจะระบุและจับผู้กระทำผิด และนำไปขึ้นศาล”
เหยื่อผู้เสียหายควรนำคนที่ให้ความช่วยเหลือได้ 1 คนมาที่สถานีตำรวจด้วย เพราะกระบวนการรวบรวมหลักฐานและการร่างคำให้การที่สถานีตำรวจมักกระทบกระเทือนจิตใจอีกครั้ง
พวกเขามักต้องใช้เวลา เพราะการมาที่สถานีตำรวจอาจเป็นสถานการณ์ที่เครียดที่สุดหลังจากเกิดเหตุ
"เรามักจะให้เวลากับผู้ร้องเรียน รับฟังพวกเขา และเราจะเปิดใจรับฟังในสิ่งที่พวกเขาพูดกับเรา”
ผู้หญิงมีคนกอดในระหว่างให้การ Credit: FG Trade Latin/Getty Images
ส่วนมากเหยื่อจะเป็นเพศหญิง พวกเขาจึงมักขอพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ผู้หญิง แต่อาจไม่สามารถหาได้เสมอไป
จากนั้นผู้ร้องเรียนจะต้องให้รายละเอียดกับตำรวจซึ่งอาจไม่สามารถทำได้ในวันเดียว
คุณไมเคิล แบรดลีย์ (Michael Bradley) ทนายความที่มีประสบการณ์ว่าความคดีล่วงละเมิดทางเพศหลายปี เขาสนับสนุนการปฏิรูปกฎหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เหยื่อได้ดียิ่งขึ้น
“การทำรายงานเป็นเรื่องยากมาก การให้การยิ่งยากกว่า แต่ระบบต้องการให้เหยื่อลงรายละเอียดทุกอย่างลงในรายงานในครั้งเดียว มิฉะนั้นจะเสียรูปคดี หากมีสิ่งที่ต้องเพิ่มเติมหรือแก้ไขในภายหลัง สิ่งนี้เป็นภาระอันใหญ่หลวงของเหยื่อ”
คุณเจส ฮิลล์ (Jess Hill) นักข่าวแนวสืบสวนเกี่ยวกับว่าระบบกฎหมายปฏิบัติกับคดีการล่วงละเมิดทางเพศอย่างไร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์สารคดี ‘อาร์สกิง ฟอร์ อิท (Asking for it)’
เธอกล่าวว่าสิ่งสำคัญสำหรับเหยื่อผู้รอดชีวิตคือควรแน่ใจว่าคำให้การนั้นถูกต้อง เหตุการณ์ที่ถูกกระทำในอดีตยังคงสามารถรายงานย้อนหลังได้ แม้จะผ่านมานานแล้วก็ตาม
“ไม่มีจำกัดเวลา แน่นอนว่ายิ่งคุณแจ้งความเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะคุณจะมีหลักฐานที่ยังคงอยู่ คำให้การที่เป็นรายลักษณ์อักษรเป็นเอกสารสำคัญที่สุดที่จะนำไปใช้ในศาล คุณควรมั่นใจว่ามันถูกต้องจริงๆ ฉันเคยเห็นว่ามีคนที่ไม่แน่ใจเมื่อพวกเขาต้องอ่านคำให้การต่อหน้าศาล พวกเขาเห็นข้อผิดพลาด และพวกเขาไม่รู้สึกมั่นใจ"
คุณต้องแน่ใจว่าทุกข้อความในคำให้การนั้นถูกต้องและอย่ากลัวเมื่อคุณอยู่ที่สถานีตำรวจคุณฮิลล์อธิบาย
ผู้หญิงถือป้ายประท้วง "หยุดการข่มขืนในมหาวิทยาลัย" Source: Supplied
จากนั้นผู้อำนวยการอัยการ (Director of Public Prosecutions) หรือดีพีพี (DPP) จะตรวจสอบสรุปสำนวนที่ตำรวจรวบรวมหลักฐาน หากผ่านเกณฑ์ตามกำหนดของดีพีพีแล้วจะมีการแจ้งข้อหา และตำรวจจะจับกุมผู้ต้องหา
“หากตำรวจไม่ส่งฟ้อง นั่นไม่ได้หมายความว่าการล่วงละเมิดทางเพศไม่เกิดขึ้น แต่หมายความว่าพวกเขาไม่คิดว่าคดีนี้ มีน้ำหนักพอที่จะไปต่อสู้ในศาลได้ พวกเขาจะยังคงจับกุมและตั้งข้อหาผู้กระทำความผิด แต่ผู้ต้องหาอาจสามารถถูกปล่อยตัวได้โดยไม่ต้องมีการประกันตัว พวกเขาอาจถูกควบคุมตัวจนกว่าจะมีการพิจารณาคดี แต่อาจไม่ได้รับโทษจำคุก”
กรณีที่คดีถูกส่งไปขึ้นศาล เหยื่อและพยานคนอื่นๆ ต้องให้ปากคำ ซึ่งจะถูกสอบปากคำโดยทนายฝ่ายจำเลยและฝ่ายโจทก์ และผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะไม่พูด ให้การว่าไม่มีความผิดหรือสารภาพกับการกระทำความผิดเพียงเล็กน้อย
ทนายแบรดลีย์กล่าวว่าสิ่งเหล่านี้ในระบบกฎหมายทำให้เหยื่อจำนวนมากรู้สึกเหมือนราวกับว่าเป็นผู้กระทำความผิด
หนึ่งในสิ่งประหลาดของคดีข่มขืนคือส่วนใหญ่หลักฐานเพียงอย่างเดียวคือคำให้การของเหยื่อ
"ภาระทั้งหมดอยู่ที่การฟ้องร้องซึ่งต้องพิสูจน์คดีทั้งหมดให้ไม่มีข้อสงสัย และพิสูจน์ว่าการมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นโดยไม่มีการยินยอม แต่ผู้ต้องหาอาจเชื่อว่ามีการยินยอม และนั่นเป็นสิ่งไม่สมเหตุสมผล”
ผู้พิพากษาถือค้อนบนโต๊ะ Source: AAP
“ดังนั้นคณะลูกขุนจะได้ฟังเรื่องจากเหยื่อเพียงฝ่ายเดียว และนั่นเป็นหลักฐานเดียวที่ต้องพิสูจน์คดี ฝ่ายจำเลยสามารถตั้งข้อสงสัยในความน่าเชื่อถือของคำให้การของเหยื่อ พวกเขาจะเรียกเหยื่อว่าคนโกหก”
ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของเหยื่อผู้รอดชีวิตไม่รายงานการข่มขืนกับตำรวจ ผลการวิจัยพบว่า 1 ใน 5 ของชาวออสเตรเลียเชื่อว่าผู้หญิงมักสร้างเรื่องหรือพูดเกินจริงเกี่ยวกับการล่วงละเมิดหรือข่มขืน นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของชาติตะวันตก
อย่างไรก็ตามจ่าตำรวจเคลลีย์กล่าวว่าเธอไม่ค่อยพบเหยื่อที่เธอสงสัยว่าโกหก
ฉันบอกได้ว่าไม่มีใครอยากผ่านกระบวนการนี้ ไม่มีใครอยากถูกตรวจสอบตามที่ระบบกฎหมายตรวจสอบ การสร้างเรื่องขึ้นมาเป็นเรื่องที่พบได้ไม่บ่อยจ่าตำรวจเคลลีย์กล่าว
ผู้หญิงถือป้าย "หยุด" Source: Moment RF / Carol Yepes/Getty Images
“การลงโทษมีตั้งแต่การไม่ลงบันทึกว่ามีความผิด ไปจนถึงการบริการชุมชน พวกเขาอาจถูกปรับ ติดคุก ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เหยื่อท้อแท้หากพวกเขารู้สึกว่าการลงโทษไม่เพียงพอกับสิ่งที่พวกเขาเผชิญ ในระหว่างการลงโทษเหยื่อสามารถเขียนคำแถลงผลกระทบต่อเหยื่อ (victim impact statement) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะพวกเขาสามารถพูดได้ว่าความผิดนั้นกระทบกับพวกเขาอย่างไรต่อหน้าศาล”
ไม่นานมานี้มีการเปลี่ยนกฎหมายในออสเตรเลียเพื่อให้จำเลยคดีล่วงละเมิดทางเพศต้องพิสูจน์ต่อศาลว่าพวกเขาขอความยินยอมก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์
บางรัฐยังเริ่มใช้การรายงานการล่วงละเมิดทางเพศเพื่อให้ผู้ร้องเรียนสามารถยื่นเรื่องได้อย่างเป็นทางการโดยไม่ต้องผ่านระบบยุติธรรม
“มีระบบการรายงานอย่าง ที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยคุณสามารถรายงานการถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทั้งหมดก่อนขึ้นศาล แต่ยังมีการบันทึกไว้”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
แจ้งตำรวจได้เงียบๆ ทางมือถือเมื่อพบพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขนส่งสาธารณะ
ทนายแบรดลีย์เชื่อว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีกับเหยื่อที่กังวลถึงการปกป้องผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อคนอื่นๆ
“บ่อยครั้งผู้รอดชีวิตกังวลถึงผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อคนอื่นๆ ข้อดีของการรายงานแบบนี้คือหากมีเหยื่ออีกรายรายงานเช่นเดียวกัน ตำรวจจะแจ้งแก้เหยื่อทุกคนว่า ‘ปรากฎว่าชายผู้นี้คือผู้กระทำความผิดต่อเนื่อง’ และถามว่า ‘คุณจะไปให้การในศาลไหม?’
บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวหรือการประทุษร้ายทางเพศ โทรสายด่วน 1800 RESPECT ที่เบอร์ 1800 737 732 หรือหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์
หากคุณหรือบุคคลอื่นตกอยู่ในอันตราย โทรสายด่วนฉุกเฉิน 000
บริการให้ข้อมูลและให้ความช่วยเหลือเรื่องสุขภาพจิต 24 ชั่วโมง (Beyond Blue) 1300 224 636 หรือ
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ความรุนแรงในครอบครัวและช่องทางช่วยเหลือในออสเตรเลีย