ออสซี่รับเหยียดผิวเป็นปัญหาใหญ่

low angle view of african american man with scarf on face holding placard with racism is a pandemic lettering against blue sky

ผู้ชายแอฟกันอเมริกันสวมผ้าคลุมหน้าถือป้าย 'การเหยียดเชื้อชาติคือกาาระบาดครั้งใหญ่" Source: iStockphoto

คนออสเตรเลียส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องเหยียดผิวเป็นปัญหาใหญ่ รายงานเรื่องความสามัคคีทางสังคมโดยมูลนิธิสแกนลอน (Scanlon Foundation) ชี้เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาหนึ่งปี โดยรายงานครอบคลุมหลายประเด็นที่กระทบสังคมพหุวัฒนธรรมในออสเตรเลีย รวมถึงการอพยพย้ายถิ่น ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการเลือกปฏิบัติ


คนออสเตรเลียส่วนใหญ่มองปัญหาการเหยียดเชื้อชาติเป็นปัญหาใหญ่ จากรายงานเรื่องความสามัคคีทางสังคมของมูลนิธีสแกนลอน รายงานประจำปีที่มุ่งทำความเข้าใจทัศนคติของคนออสเตรเลีย

การรวบรวมข้อมูลดำเนินการผ่านการสำรวจสามครั้ง โดยทำการสำรวจสองครั้งในปี 2020 และหนึ่งครั้งในปี 2021 ซึ่งมีคำถามกว่า 110 คำถาม และมีผู้ร่วมทำแบบสอบถามกว่า 3,500 คน

รายงานพบความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญประการหนึ่งที่เปลี่ยนไปในการตอบคำถามว่า ‘ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติในออสเตรเลียเป็นปัญหาใหญ่แค่ไหน?’ โดยในปีที่แล้วมีร้อยละ 40 ที่ตอบว่าเป็นปัญหาที่ ‘ใหญ่’ และ ‘ค่อนข้างใหญ่’ ในปีนี้ตัวเลขพุ่งเป็นร้อยละ 60

ศาสตราจารย์แอนดรูว์ มาร์คัส (Andrew Markus) ผู้จัดทำแบบสำรวจจากมหาวิทยาลัยโมนาช (Monash University) กล่าวว่านี่เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ

“ในช่วงวิกฤตไวรัสระบาด เราถามคำถามนี้ ‘คุณคิดว่าการเหยียดเชื้อชาติในออสเตรเลียเป็นปัญหาใหญ่หรือไม่ หรือเป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่หรือไม่’ ในการสำรวจสอบครั้งในปี 2020 มีประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็น 4 ใน 10 คน กล่าวว่าการเหยียดผิวเป็นปัญหาใหญ่และค่อนข้างใหญ่ และที่น่าแปลกใจมากก็คือ ผลสำรวจในปี 2021 เพิ่มขึ้นจาก 40 เป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขมักจะเพิ่มไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
Black Lives Matter Protest
การประท้วงแบล็ก ไลฟ์ส แมทเทอร์ Source: Pexel/Life Matters
ศาสตราจารย์แคเรน ฟาร์เคอร์สัน (Karen Farquharson) จากภาควิชาสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น (University of Melbourne) กล่าวว่าแม้จะเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ แต่เธอก็ไม่แปลกใจกับมัน

“เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่ม แบล็ก ไลฟ์ส แมทเทอร์ (Black Lives Matter) เพราะมีความสนใจอย่างล้นหลามเรื่องการเสียชีวิตของชาวอะบอริจินที่ถูกคุมตัว มันเป็นปัญหาที่เกิดอย่างต่อเนื่อง และเป็นปัญหาหนัก และเพราะการเหยียดคนเชื้อชาติจีนในช่วงโควิด แท้จริงแล้วเราได้ยินเรื่องของคนที่ถูกคุกคามตามท้องถนน ซึ่งไม่เคยถูกคุกคามมาก่อนจะมีโควิด”

คุณแกรี่ ไซ (Gary Zhai) มาจากประเทศจีน อาศัยอยู่ในบริสเบนเพื่อเรียนต่อปริญญาเอกกล่าวว่า เพื่อนบ้านของเขาตะโกนใส่เขาตั้งแต่ต้นปี 2020

“เธอจะพูดว่า แก ไอ้คนบ้า เลื่อนรถของแกสิ แกมันเป็นตัวพาหะไวรัสโคโรนา’ เธอเรียกผมแบบนั้น ‘กลับบ้านของแกไปซะ’ ตอนนั้นผมตกใจมาก ผมแบบ ‘อะไรนะ?’”

คุณไซร้องเรียนเรื่องกับตำรวจไปกว่า 35 ครั้ง รวมถึงการทำร้าย บุกรุก ทำลายรถ การเหยียดเชื้อชาติ แต่มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย

"รถสีขาวของผมมีเศษซากอยู่บนรถ เหมือนถูกโยนจานใส่ ไข่ กากกาแฟ แทบทุกอย่าง เพราะแบบนี้ รถผมถึงกระดำกระด่าง"

เขากล่าวว่ามันทำให้เขาเริ่มคิดถึงการฆ่าตัวตาย

คุณแมรี่ พาเททโซส (Mary Patetsos) ประธานสหพันธ์สภาชุมชนชาติพันธุ์แห่งออสเตรเลียกล่าวว่า ได้เห็นการรายงานกรณีการเหยียดผิวมากมายตลอดการระบาด
เราเห็นผู้คนจำนวนมากขึ้นที่ติดต่อเรา ซึ่งทราบว่าสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นไม่เหมาะสม และพวกเขาอยากทำอะไรบางอย่างกับมัน พวกเขารู้สึกเจ็บปวดกับมันและค่อนข้างกลัว ดังนั้นพวกเขาจึงหาข้อมูลและต้องการคนรับฟัง
เธอกล่าวว่า ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรจะเพิกเฉยที่จะยอมรับว่า สังคมออสเตรเลียโดยปกติแล้วยอมรับกลุ่มคนอื่น

“ผู้อพยพและผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ในประเทศนี้มากมาย และเราแบ่งปันให้พวกเขาอย่างมาก มีคนจำนวนหนึ่งที่อาจสร้างเรื่องในบางครั้ง เพราะพวกเขาเหยียดบางกลุ่ม มันมีปัจจัยที่ฉันคิดว่าเป็นข้อเสียในระบบและโครงสร้าง ที่ขาดการโยงเครือข่ายกับชุมชนผู้อพยพ ทำให้พวกเขาไม่ได้รับความสนใจที่มากพอ เช่น การรับสมัครงาน เป็นต้น”
เมื่อถามว่าผู้คนมีความรู้สึกเชิงบวก หรือเชิงลบ หรือเป็นกลาง กับกลุ่มเชื้อชาติอื่นหรือไม่ รายงานพบว่า 5-6 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่ามีความคิดในแง่ลบกับคนอังกฤษ อิตาลี และเยอรมัน

โดย 13 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่ามีความรู้สึกในแง่ลบกับคนอเมริกัน 27 เปอร์เซ็นต์ต่อคนอินเดีย 31 เปอร์เซ็นต์ต่อคนเอธิโอเปีย 38 เปอร์เซ็นต์ต่อคนเลบานอน

ในขณะเดียวกัน 42 เปอร์เซ็นต์มีความรู้สึกในง่ลบต่อคนอิรัก 43 เปอร์เซ็นต์ต่อคนจีน และ 46 เปอร์เซ็นต์ต่อคนซูดาน

นายแอนดรูว์ มาร์คัส ผู้จัดทำแบบสอบถามกล่าวว่าผู้ตอบคำถามเชิงลบเป็นชนกลุ่มน้อย

“ในลำดับชั้นของเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ มีความชัดเจนมากว่าน้อยคนมีทัศนคติในแง่ลบต่อคนยุโรปและเป็นเชื้อชาติที่เป็นต้องการ แต่มีทัศนคติเชิงลบต่อชาวตะวันออกกลางและคนเอเชีย แต่สัดส่วนไม่ได้เป็นลบมากขึ้นในช่วงการระบาด ที่จริงแล้ว พวกเขามีทัศนคติแง่ลบน้อยลงสำหรับแต่ละกลุ่ม”

เขากล่าวว่า โดยรวมแล้ว ถึงแม้ว่าทั้งปีจะเป็นเรื่องของการระบาด แต่เมื่อถามถึงอนาคต ผู้คนส่วนมากมองโลกในแง่ดี

“ผลการวิจัยพบว่า ในแง่ของความรู้สึกเกลียดกลัวชาวต่างชาติ การเหยียดเชื้อชาติ ความเชื่อที่ไม่มีเหตุผล ในขณะที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นปัญหาในออสเตรเลีย และกลายเป็นปัญหาในสังคมออสเตรเลียมากขึ้น คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับทัศนคติในเชิงลบ และเราสามารถแยกได้ว่าสิ่งเหล่านี้คือทัศนคติ ทัศนคติเหยียดเชื้อชาติและเกลียดกลัวชาวต่างชาติอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย และเท่าที่การสำรวจของเราบ่งชี้ว่า ชนกลุ่มน้อยนี้กำลังลดลงมากกว่าที่จะเติบโตมากขึ้น”


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share