LISTEN TO
วอนรัฐบาลออสฯ คลายกฎออกประเทศให้ผู้ขอวีซ่าครอบครัวต่อไป
SBS Thai
14/12/202007:55
คุณคาน ลิ่ว (Can Liu) และภรรยาของเขา คุณจิน มาตรการล็อคดาวน์ในเมลเบิร์น ได้มอบโอกาสบางอย่างให้พวกเขาในช่วงวิกฤต นั่นคือการที่พวกเขาสามารถใช้เวลากับพ่อแม่ของคุณคาน ซึ่งอยู่ในออสเตรเลียตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และกำลังยื่นขอวีซ่าบิดามารดา (Parents Visa)
แต่คุณจิน และสามีของเธอ กำลังกังวลถึงข้อกำหนดของรัฐบาลสำหรับวีซ่าพ่อแม่แบบสมทบทุน (Contributory Parent Visa) ซับคลาส 143 ที่กำหนดให้ผู้ยื่นสมัครวีซ่าดังกล่าวต้องเดินทางออกจากออสเตรเลีย เพื่อให้ได้รับอนุมัติวีซ่า
“พ่อกับแม่ของสามีของดิฉันยื่นสมัครวีซ่านี้มา 6 ปีครึ่ง พวกเขากำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการสมัคร และเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาได้รับแจ้งจากหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองให้ออกจากออสเตรเลียภายใน 2 เดือน มิฉะนั้นการสมัครของพวกเขาจะถูกปฏิเสธ” คุณจิน กล่าว
“จนถึงตอนนี้ เราเสียเงินกับการสมัครวีซ่านี้ไปเกือบแสนดอลลาร์ และในสถานการณ์การแพร่ระบาดใหญ่ มันมีความเสี่ยงมากในการเดินทางต่างประเทศ บวกกับค่าเดินทางไปกลับระหว่างจีนและออสเตรเลียอีก 25,000 ดอลลาร์”
คุณจิน กล่าวอีกว่า พ่อแม่ของสามีเธอยังต้องกักตัวเป็นเวลาอีก 28 วัน ทั้งระหว่างเดินทางออกและกลับเข้ามายังออสเตรเลีย นอกจากนี้ เธอยังมีความกังวลอีกว่า พวกเขาอาจติดค้างอยู่ในต่างแดน
ในฐานะผู้เป็นพ่อแม่ซึ่งทำงานเต็มเวลา คุณคานและคุณจินต้องการความช่วยเหลือทุกทางเท่าที่พวกเขาหาได้ เพื่อที่จะให้ลูกสาวของพวกเขาได้เติบโตอยู่กับปู่ย่าตายาย
คุณจิน บอกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ทำให้หลายอย่างเป็นเรื่องยากลำบาก
“ตามปกติแล้ว มันง่ายมากสำหรับใครสักคนที่จะใช้เวลาสัก 2-3 วัน ในบาหลี จากนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้ทุกอย่างยากลำบาก เพราะต้องเดินทางออกจากประเทศเพื่อให้ได้รับวีซ่า และเพื่อให้สามารถกลับเข้าออสเตรเลียได้อีกครั้ง” คุณจินกล่าว
เมื่อเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสหพันธรัฐได้เปลี่ยนแปลงข้อกำหนดสำหรับผู้ยื่นขอวีซ่าบิดามารดาบางส่วนเป็นการชั่วคราว โดยได้นำข้อกำหนดให้ผู้ยื่นสมัครต้องเดินทางออกจากออสเตรเลียเพื่อให้ได้รับอนุมัติวีซ่าออกไป โดยได้มีเสียงเรียกร้องให้ขยายระยะเวลาในการผ่อนปรนดังกล่าวออกไปอีก สำหรับโครงการวีซ่าครอบครัวในอนาคต
นายจูเลียน ฮิลล์ (Julian Hill) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคแรงงาน กล่าวว่า มีหลายครอบครัวที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และเชาต้องการให้ข้อกำหนดดังกล่าวได้รับการผ่อนคลาย
“การบังคับให้ครอบครัวต้องเดินทางออกจากออสเตรเลียท่ามกลางการแพร่ระบาดใหญ่ เดินทางกลับมา และต้องกักตัวเฝ้าระวัง เพียงเพื่อให้ได้รับการอนุมัติวีซ่านั้นเป็นเรื่อเสียสติ ท่านรัฐมนตรีสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้เพียงจับปากกาเซ็น และท่านควรที่จะดำเนินการโดยทันทีก่อนคริสต์มาสนี้” นายฮิลล์ กล่าว
“มีครอบครัวชาวออสเตรเลียนับพันครอบครัว ที่กังวลว่าบิดามารดาที่อายุมากแล้ว ต้องถูกบังคับให้ออกจากประเทศ เสียค่าเครื่องบินราคาแพง พบกับความเสี่ยงในการติดค้างในต่างแดน และใช้พื้นที่ในสถานกักตัวเฝ้าอาการไวรัสโคโรนาอย่างไม่จำเป็นในระหว่างเดินทางกลับมา พวกเขาควรอนุมัติวีซ่ากับผู้คนเหล่านี้ไปเลย”
สำหรับคุณจิน เธอกล่าวว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยยุติธรรม ในการที่ข้อกำหนดดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมไปถึงบิดามารดาด้วย
“ดิฉันไม่ได้คาดหวัง เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย และมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงง่าย ๆ จนกระทั่งดิฉันได้รับข่าวว่า คู่ครองได้รับการผ่อนปรนให้อยู่ในออสเตรเลียได้ ดิฉันก็หวังว่าจะมีการขยายการผ่อนปรนไปถึงพ่อแม่ด้วย” คุณจิน กล่าว
“ในวัฒนธรรมของเรา พ่อแม่นั้นเป็นส่วนสำคัญในครอบครัว และในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่นี้ เราต้องการให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า เพื่อสนับสนุนและดูแลซึ่งกันและกัน แต่เรารู้สึกว่ากำลังถูกกีดกันจากข้อกำหนดที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”
ด้าน นายฮิลส์ ส.ส.จากพรรคแรงงาน กล่าวว่า เขาได้ทราบถึงปัญหาดังกล่าวจากผู้คนนับร้อยเป็นการส่วนตัว เขาคิดว่ารัฐบาลควรที่จะทำอะไรมากกว่านี้ในการแก้ไขปัญหา
“แทบไม่น่าเชื่อ กับการที่รัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมือง นายอลัน ทัดจ์ ได้กล่าวกับชาวออสเตรเลียว่า พ่อแม่ของพวกเขาไม่ใช่สมาชิกครอบครัวใกล้ชิด มันเป็นเรื่องเสียสติ พ่อแม่ของพวกเขาอยู่อย่างปลอดภัยในออสเตรเลีย และรอเป็นเวลาหลายปีกว่าจะได้วีซ่านี้ พวกเขาควรที่จะได้รับวีซ่านี้แล้วด้วยซ้ำ” นายฮิลล์ กล่าว
“และผมยังพบอีกว่า มีชาวออสเตรเลียอีก 37,000 คน ที่ติดค้างในต่างแดนทั่วโลกกำลังรอที่จะได้กลับบ้านอย่างไร้ความหวัง รัฐบาลบอกว่า ไม่มีที่ในสถานกักโรคอย่างเพียงพอ แต่พวกเขากลับใช้พื้นที่อันมีค่านี้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ด้วยการบังคับคนที่อาศัยอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ให้เดินทางออกไปจากออสเตรเลีย แล้วเดินทางกลับเข้ามาอีก”
ขณะที่หน่วยงานมหาดไทยของออสเตรเลีย ระบุว่า จะมีการทำงานร่วมกับครอบครัวในการขยายขอบเขตการผ่อนปรนให้ครอบคลุม และจะไม่มีวีซ่าใดถูกปฏิเสธ จากการที่ไม่สามารถเดินทางออกจากออสเตรเลียได้
นี่คือสารที่คุณจินต้องการสื่อไปยังรัฐบาลออสเตรเลีย
“ในมุมมองของรัฐบาล พ่อแม่อาจไม่ใช่สมาชิกครอบครัวใกล้ชิด แต่พวกเขาเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมของเรา และในวัฒนธรรมของผู้อพยพย้ายถิ่นอีกหลายคน พวกเขากำลังจะได้เป็นผู้อาศัยถาวรในออสเตรเลียหากพวกเขาเดินทางออกไปก่อน ซึ่งหมายความว่าพวกเขากำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนออสเตรเลียในไม่ช้า” คุณจิน กล่าว
“ถ้าพวกเขาเดินทางกลับมาได้ ดิฉันต้องการให้รัฐบาลให้การดูแลผู้คนที่ตกอยู่ในความเสี่ยงในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ รวมถึงดูแลผู้คนที่กำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนของเราให้เป็นอย่างดี”
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
นิวซีแลนด์ตกลงเปิดทราเวลบับเบิลกับออสฯ ต้นปีหน้า