ประเด็นสำคัญในข่าว
- อัตราการเพิ่มขึ้นรายปีของการย้ายถิ่นฐานสุทธิในออสเตรเลียเพิ่มสูงที่สุดกว่าที่ผ่านมา
- มีการคาดว่า ตัวเลขในปีหน้าจะมากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
- นักศึกษาต่างชาติ แบ็กแพ็กเกอร์ และกลุ่มผู้ถือวีซ่าชั่วคราวอื่น ๆ ใช้โอกาสหลังโควิด-19 เดินทางมายังออสเตรเลีย
อัตราย้ายถิ่นฐานสุทธิของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 คน สูงที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา และจะมากกว่าตัวเลขที่รัฐบาลได้ประมาณไว้เป็นเวลาอีก 1 ปีข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตาม อัตราย้ายถิ่นฐานสุทธิจะยังคงต่ำกว่าระดับที่ได้คาดการณ์ไว้ ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ผู้เดินทางมาถึงจากต่างประเทศลดลงอย่างฉับพลันในเวลานั้น
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27 เม.ย.) แคลร์ โอนีล (Clare O’Neil) รัฐมนตรีกิจการภายในของออสเตรเลีย ได้เรียกร้องให้มีการยกเครื่องแนวทางการย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลียครั้งใหญ่ ในการเปิดเผยรายงานการพิจารณาระบบย้ายถิ่นฐานที่หลายฝ่ายรอคอยมานาน โดยได้ย้ำว่าเธอไม่สนับสนุนแนวคิด “บิ๊ก ออสเตรเลีย (Big Australia)” หรือนโยบายรับผู้อพยพยย้ายถิ่นเพื่อเพิ่มประชากรในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี เควิน รัดด์ (Kevin Rudd)
แต่ตัวเลขที่ได้มีการเปิดเผยกับ เอสบีเอส นิวส์ และมีการเจรจาในคณะรัฐมนตรีแห่งชาติ (National Cabinet) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 เม.ย.) ได้แสดงให้เห็นว่า อัตราเร่งของอัตราการย้ายถิ่นฐานระยะเวลา 2 ปีอยู่เหนือการคาดการณ์ในครั้งแรก ก่อนที่จะถึงระยะเวลาที่ตัวเลขทรงตัว
อัตราย้ายถิ่นฐานสุทธิ (Net Overseas Migration หรือ NOM) ยังคงอยู่ต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้เมื่อปีงบประมาณ ค.ศ.2019-20 ไป 315,000 คน และคาดว่าจะยังไม่ขึ้นไปถึงระดับเดียวกับก่อนการแพร่ระบาดใหญ่ไปจนถึงปี ค.ศ.2030
Home Affairs Minister Clare O'Neil has said she is "not advocating for a big Australia." Source: AAP / Lukas Coch
ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มขึ้นของ NOM ประจำปีสูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึกในแง่สัมบูรณ์ แม้การเพิ่มขึ้นของประชากรโดยรวมจากการเปิดประเทศหลังการแพร่ระบาดใหญ่ของไข้หวัดสเปนจะมีมากกว่าก็ตาม
มีการคาดการณ์ว่า จำนวนการอพยพย้ายถิ่นจากต่างประเทศสุทธิ (NOM) จะค่อย ๆ ถอยกลับไปสู่แนวโน้มในอดีตที่ 235,000 คนต่อปี ในช่วงตอนกลางของคาดการณ์
ก่อนหน้านี้ การย้ายถิ่นฐานได้ลดลงไป เมื่อออสเตรเลียปิดพรมแดนระหว่างประเทศอย่างฉับพลันเมื่อช่วงต้นปี ค.ศ. 2020 เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ไวรัสโควิด-19 ได้มาถึงออสเตรเลีย และยังคงปิดไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2021 ทำให้ในเวลานั้นนักศึกษาต่างชาติหลายแสนคนต้องถูกบังคับให้ศึกษาจากทางไกล และปิดโอกาสผู้ที่มีโอกาสจะได้ถือวีซ่าชั่วคราวจากการเดินทางมายังออสเตรเลีย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รายงานการพิจารณาระบบย้ายถิ่นฐานออสฯ ชี้ 'ต้องเปลี่ยนยกเครื่อง'
เมื่อพรมแดนระหว่างประเทศกลับมาเปิดอีกครั้ง อัตราย้ายถิ่นฐานจากต่างประเทศสุทธิได้ร่วงหล่นลงไปถึง 500,000 คน เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 แต่การเปิดพรมแดนอีกครั้งก็ได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติหลายรุ่นได้เข้าประเทศมาพร้อมกัน ขณะที่ผู้เดินทางแบ็กแพ็กเกอร์ หรือผู้ถือวีซ่าชั่วคราวอื่น ๆ ก็ใช้โอกาสนี้เดินทางมาถึงออสเตรเลียอีกด้วย
ในการแถลงข่าวที่สมาคมสื่อมวลชนแห่งชาติของรัฐมนตรีกิจการภายในของออสเตรเลีย เธอย้ำว่ายุทธศาสตร์ของรัฐบาล “ไม่ใช่การทำให้มีจำนวนคนเพิ่มมากขึ้น”
“สิ่งที่สำคัญจริง ๆ สำหรับฉันก็คือ ประเทศของเรากำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ระดับชาติเหล่านี้ และเราไม่ได้รับผู้คนที่ถูกต้องมาที่นี่ผ่านระบบการย้ายถิ่นฐานเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น”
หัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาดังกล่าว คือการรักษานักศึกษาต่างชาติที่มีผลการเรียนดีไว้ในประเทศ ซึ่งการพิจารณาระบบการย้ายถิ่นฐานพบว่า บ่อยครั้งที่นักศึกษาเหล่านี้ต้องพบกับกระบวนการวีซ่าที่ซับซ้อนและใช้เวลายาวนานหลังสำเร็จการศึกษาแล้ว
แม้รัฐมนตรีกิจการภายในออสเตรเลียจะปฎิเสธว่าไม่ได้ส่งเสริมนโยบาล บิ๊ก ออสเตรเลีย แต่ ซูซซาน ลีย์ (Sussan Ley) รองหัวหน้าพรรคลิเบอร์รัล ได้กล่าวโทษว่ารัฐบาลพรรคแรงงานกำลังดำเนินรอยตามนโยบายดังกล่าว
“มันไม่ได้มีการวางแผน และไม่เชื่อมโยงกับวิกฤตขาดแคลนคนทำงานมีทักษะที่เรากำลังพบอยู่รอบตัว” คุณลีย์ กล่าว
“ตอนนี้มีผู้อพยพย้ายถิ่นน้อยลงหลายแสนคน น้อยกว่าที่เราคิดว่าจะอยู่ที่นี่ก่อนที่จะเกิดโรคระบาด และเราก็ยังประสบปัญหาอย่างมากในเรื่องที่อยู่อาศัย”
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
รักอย่างเดียวไม่พอ การรับสัตว์มาเลี้ยงในออสเตรเลียต้องทำอย่างไรบ้าง