ราคาแก๊สในออสเตรเลียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ยังคงทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนักการเมืองและผู้เชี่ยวชาญต่างย้ำว่าออสเตรเลียกำลังตกที่นั่งลำบาก โดยไม่มีทางรอดพ้นวิกฤติไปได้ง่ายๆ
แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้าง?
อะไรเป็นสาเหตุให้ราคาแก๊สสูงขึ้น?
จากข้อมูลของ Australian Energy Marker Operator (AEMO) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลราคาพลังงานของออสเตรเลียนั้น ราคาขายส่งพลังงานเพิ่มขึ้น 141 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปี 2022 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นาย จิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีคลังสหพันธรัฐ และนาย คริส โบเวน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน อธิบายว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็น "พายุที่สมบูรณ์แบบ" ของปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึง ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง เหตุการณ์ทางการเมืองของโลก และเหตุการณ์ไฟฟ้าดับโดยไม่ได้กำหนดล่วงหน้าของโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินต่างๆ ในออสเตรเลีย
คุณ โรแบร์โต เอฟ. อากีเลรา นักเศรษฐศาสตร์พลังงานจากมหาวิทยาลัยเคอร์ทิน (Curtin) กล่าวว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งอาจมาจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและอุปทานที่ลดลง รวมถึงการขาดสิ่งที่นำมาใช้ทดแทนได้
“มันเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งหมายความว่าการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อทำความร้อน” คุณ อากีเลรา กล่าว
“ปัญหาอยู่ที่ด้านอุปทาน มีเหตุขัดข้องของการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน และปกติแล้วก๊าซธรรมชาติก็จะเข้ามาเพื่อทดแทนถ่านหิน แต่ก๊าซธรรมชาติก็ขาดแคลนเช่นกัน เพราะมันไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศและไม่เพียงพอต่อพันธกรณีในการส่งออก”
ออสเตรเลียส่งออกก๊าซธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหมายความว่าราคาแก๊สหุงต้มของเรามักจะสะท้อนถึงตลาดต่างประเทศ ซึ่งกำลังประสบกับราคาก๊าซธรรมชาติที่พุ่งสูงขึ้นท่ามกลางการขาดแคลน
ศ. เอเรียล เลียบแมน ผู้อำนวยการสถาบันโมนาช เอเนอร์จี (Monash Energy) กล่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่าเป็น "วิกฤตที่ตั้งเค้ามาหลายทศวรรษแล้ว"
"ทั้งหมดนี้สามารถป้องกันได้หากรัฐบาลที่รับอำนาจต่อเนื่องกันมาให้ความสนใจอย่างเหมาะสมในการเฝ้าติดตามและควบคุมตลาดพลังงานหลักทั้งหมดในออสเตรเลียอย่างเข้มงวด" ศ. เลียบแมน กล่าว
"นี่เป็นความล้มเหลวด้านนโยบายที่ส่อเค้ามานานแล้ว และยากมากที่จะแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว"
เกิดอะไรขึ้นในระดับสากล?
ในระดับสากล ราคาแก๊สได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ โดยที่ปัจจัยหลักคือการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
รัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก ถูกคว่ำบาตรจากบางประเทศ และได้ตัดการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในระหว่างที่สงครามดำเนินอยู่
คุณอากีเลรากล่าวว่าอุปทานที่ลดลงส่งผลให้ราคาแก๊สหุงต้มถูกกดดันให้สูงขึ้นในออสเตรเลีย
“ในรัฐต่างๆ ทางตะวันออก ราคาแก๊สหุงต้มเชื่อมโยงกับราคาในเอเชีย และเอเชียเองก็กำลังประสบกับวิกฤตอุปทานก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหยุดชะงักจากรัสเซีย” คุณอากีเลรา กล่าว
“นั่นทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นในภูมิภาคนั้น และเนื่องจากตลาดต่างๆ เชื่อมโยงกัน เราจึงรู้สึกได้ที่ออสเตรเลียเช่นกัน”
ศ. เอเรียล เลียบแมน กล่าวว่า ในความพยายามอย่างเร่งด่วนที่จะทดแทนอุปทานจากรัสเซีย หลายประเทศในยุโรปหันไปหาแหล่งพลังงานจากที่อื่น
“การหาอุปทานให้ได้อย่างรวดเร็วหมายความว่าพวกเขากำลังซื้อในตลาดที่เรียกกันว่า'สปอต มาร์เกต (spot market)' ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ โดยหมายความว่าคุณซื้อมันทันทีในราคาใดก็ตามที่กำหนดไว้ในขณะนั้น” ศ.เลียบแมน กล่าว .
“ราคานั้นพุ่งทะลุเพดาน ดังนั้นโดยผ่านตลาดของออสเตรเลีย ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติจึงสามารถอ้างว่า พวกเขาต้องเรียกเก็บราคาเหล่านั้นสำหรับภายในประเทศเช่นกัน”
มีการทำอะไรไปบ้างแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้?
ขณะที่รัฐบาลแรงงานถูกกดดันในประเด็นนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งหลังจากชนะการเลือกตั้งเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม นาย คริส โบเวน รัฐมนตรีด้านพลังงาน กล่าวว่า “ไม่มียาวิเศษที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ” เมื่อสำหรับวิกฤตการณ์แก๊ส
รัฐมนตรีด้านพลังงานของรัฐและมณฑลต่างๆ ได้ตัดสินใจเสนอแผนกลยุทธ์ 11 จุดในประชุมออนไลน์ของรัฐมนตรีรัฐและมณฑลเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ส่วนหนึ่งของแผนคือ หน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานของประเทศจะมีอำนาจในการซื้อและจัดเก็บก๊าซธรรมชาติ ในขณะที่จะเพิ่มขอบเขตด้านกฎเกณฑ์เพื่อให้แน่ใจได้ว่ามีความโปร่งใสในอุตสาหกรรมภาคส่วนนี้
ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (9 มิ.ย.) คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลสหพันธรัฐได้มีมติให้รับประกันกลไกการรักษาความมั่นคงของก๊าซธรรมชาติสำหรับการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 1 มกราคม จะขยายระยะเวลาออกไป
รัฐบาลจะพยายามเจรจาใหม่สำหรับข้อตกลงที่ได้ลงนามไว้โดยอดีตนายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน กับผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติทางพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียในเดือนมกราคม 2021 ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะช่วยรับประกันว่าจะมีก๊าซธรรมชาติสำหรับตลาดในประเทศมากขึ้นและอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมอย่างน้อยจนกระทั่งปี 2023
นอกจากนี้ จะมีการเร่งให้เปลี่ยนแปลงกลไกศักยภาพการผลิต ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ค้าปลีกจ่ายเงินให้ผู้ผลิตพลังงานสำหรับพลังงานที่เหลือใช้ในช่วงเวลาต่างๆ ที่มีอุปทานจำกัดได้
ก่อนหน้านี้ AEMO ( Australian Energy Marker Operator) ได้กำหนดราคาขายส่งสูงสุดที่ 40 ดอลลาร์ต่อจิกะจูล
มีอะไรที่ทำได้มากกว่านี้?
ในขณะที่พลังงานหมุนเวียนถูกระบุว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาในระยะยาว แต่โดยทั่วไปแล้วผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องว่า ไม่มีวิธีแก้ไขใดที่ง่ายและทำได้ทันที
ศ.ซาแมนตา เฮปเบิร์น ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายพลังงานของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยดีคิน กล่าวว่าออสเตรเลียควรใช้นโยบายสงวนพลังงานแห่งชาติ ที่คล้ายกับของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งสงวนก๊าซธรรมชาติเหลวไว้ 15 เปอร์เซ็นต์สำหรับตลาดภายในประเทศ
“นั่นจะช่วยให้ผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กมีภูมิคุ้มกันจากการขึ้นราคามหาศาลเหล่านี้ ในขณะที่ในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศเราไม่มีมาตรการนี้ และนั่นหมายความว่าเราตกอยู่ภายใต้ความเมตตาของตลาดต่างประเทศ” ศ.เฮปเบิร์น กล่าว
“หากรัฐบาลจะไม่กำหนดนโยบายนี้มาใช้ เราก็อาจใช้การโต้แย้งข้อตกลงดังกล่าวที่เป็นข้อตกลงกันส่วนตัวได้ เนื่องจากในทุกข้อตกลงการจัดหาก๊าซธรรมชาติจะมีประโยคที่เรียกว่าเหตุสุดวิสัย ซึ่งโดยทั่วไปจะบอกว่ามีเหตุการณ์ภายนอกที่ขัดขวางไม่ให้คุณปฏิบัติตามข้อตกลงตามสัญญาของคุณ อย่างถ้ามีการทำสงครามก็ไม่ต้องปฏิบัติตาม"
ศ.เฮปเบิร์น กล่าวว่า อาจมีการโต้แย้งว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนและผลกระทบต่อตลาดโลก ซึ่งอาจเป็นข้ออ้างว่าทำให้เกิดเหตุสุดวิสัย
“เราจะสามารถนำนโยบายปกป้องก๊าซธรรมชาติที่ตั้งขึ้นมานั้นมาใช้ทันที โดยให้สงวนก๊าซธรรมชาติส่วนหนึ่งสำหรับตลาดภายในประเทศและช่วยให้เรามีภูมิคุ้นกันต่อเหตุการณ์ที่ทำให้อุปทานชะงักงันที่กำลังเกิดขึ้นในต่างประเทศ... หรืออีกทางคือเราก็บอกว่าห้ามการส่งออกเสียเลย” ศ.เฮปเบิร์น กล่าว
"มาตรการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่เพื่อจัดการกับเรื่องนี้ คือกลไกการกำหนดราคาก๊าซธรรมชาติในประเทศ ซึ่งไม่เคยถูกนำมาบังคับใช้เลย และดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงแค่วาทศิลป์"
ในระยะยาวแล้ว ศ.เลียบแมน กล่าวว่า รัฐบาลของรัฐและมณฑลต่างๆ และรัฐบาลสหพันธรัฐ จำเป็นต้องทำงานร่วมกันในแนวทางเดียวกันเพื่อเปลี่ยนแปลงตลาดพลังงาน
"กรอบการทำงานของตลาดในปัจจุบันไม่ได้ให้สิ่งจูงใจที่เพียงพอในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เร็วขึ้น หรือมีการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นระเบียบจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ... และเราต้องการให้ภาคการผลิตไฟฟ้าปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2035 หากเราจะปฏิบัติให้สอดคล้องกับเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ"
"เรามีความท้าทายที่น่าสนใจให้ต้องแก้ไข ซึ่งเราสามารถแก้ไขความท้าทายเหล่านั้นได้ และเราจำเป็นต้องทำในออสเตรเลีย"
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลชี้วิกฤตพลังงานออสฯ ‘แก้ด่วนไม่ได้’ วอนปชช.มั่นใจคณะทำงาน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในออสเตรเลียเลวร้ายทุบสถิติในเดือนที่แล้ว