กดปุ่ม 🔊 ด้านบนเพื่อฟังรายละเอียดเรื่องความเป็นอยู่ในเขตภูมิภาคออสเตรเลีย
ปัจจุบันรายได้ของระบบเศรษฐกิจออสเตรเลียประมาณ 40% มาจากเขตภูมิภาค แต่ตอนนี้หลายๆพื้นที่กำลังเผชิญกับปัญหาภาวะประชากรลดลง ตัวอย่างเช่น เมือง ดาวาลลินู (Dawallinu) ซึ่งเป็นเขตเกษตรกรรมและปศุสัตว์ของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ก็ประสบกับปัญหานี้
ความเป็นอยู่ในเขตชนบทเป็นอย่างไร
คุณ สจวต แมคอัลไพน์ ชาวนาจากเมืองดาวาลลินู (Dawallinu) เป็นคนหนึ่งที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของประชากรในเมือง ที่จำนวนคนค่อยๆลดลงจนกลายเป็นชุมชนผู้สูงวัย เขาจึงเกิดความคิดที่จะตั้งโครงการเพิ่มประชากรในเขตภูมิภาคขึ้นเมื่อปี 2010 และโครงการนี้ก็ได้รับความสนับสนุนจากเทศบาลท้องถิ่น เขาเล่าว่า
“เนื่องมาจากจำนวนประชากรของเมืองลดลง และทำให้จำนวนนักเรียนในโรงเรียนลดลงด้วย จนถึงขนาดที่โรงเรียนไม่สามารถจะเปิดทำการได้อีกต่อไป ดังนั้นเรื่องนี้มันจึงเป็นสิ่งกระตุ้นให้เราพยายามนำคนกลับมาในชุมชนเล็กๆของเรา ซึ่งมีเป้าหมายให้มีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นจนพอที่จะเปิดโรงเรียนต่อไปได้" คุณ สจวต แมคอัลไพน์ อธิบาย
แต่ระยะทางไกลถึง 263 กิโลเมตรจากนครเพิร์ท (Perth) มันไม่ใช่เรื่อยง่ายที่จะดึงดูดผู้ย้ายถิ่นให้ย้ายมาอยู่ที่นี่ และโครงการเพิ่มประชากรในเขตภูมิภาคของเขาก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ตามเวลาที่ตั้งไว้ เขากล่าวว่า
“ระหว่างเมืองเพเรนจอริ (Perenjori) กับเมือง ดาวาลลินู (Dawallinu) ต้องเดินทางประมาณ 105 กิโลเมตรกว่าจะถึงโรงเรียนที่ใกล้ที่สุด เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนรุ่นใหม่ไม่อยากกลับเข้ามาทำงานในภาคเกษตรกรรม” คุณ สจวต แมคอัลไพน์ เปิดเผยโครงการเพิ่มประชากรในเขตภูมิภาคของเมือง ดาวาลลินู (Dawallinu) ใช้เวลาหลายปี กว่าจะประสบความสำเร็จ พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาความแตกต่างด้านภาษา ในขณะเดียวกันก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยด้วย แต่ปัจจุบันนี้ คุณ สจวต แมคอัลไพน์ กล่าวว่าพวกเขาได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ระยะทางที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่หลายร้อยกิโลเมตรอาจเป็นอุปสรรคต่อการดึงดูดผู้ย้ายถิ่นให้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ชนบท Source: Mega Pixels
“เมืองของเราเริ่มจะมีครอบครัวต่างๆ ย้ายเข้ามา โดยมีอัตราการเติบโตของประชากรถึง15% และถึงแม้ว่าในตอนนั้นเราจะสูญเสียโรงเรียนเล็กๆของเราไป แต่ตอนนี้จำนวนนักเรียนในโรงเรียน ดาวานิลู ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 120 คน เป็น 220 คน และตอนนี้ก็เริ่มเห็นว่ามีคนที่ย้ายมาใหม่ก็เริ่มมีส่วนร่วมในชุมชนรอบนอกบ้างแล้ว ทั้งในด้านกีฬาและภาคการบริการ ในขณะนี้ ผมคิดว่าในจำนวนผู้ย้ายถิ่นเหล่านี้เกือบ 100 คนที่ใกล้จะเป็นพลเมืองของออสเตรเลียแล้ว" คุณ สจวต แมกอัลไพน์ ชี้
ผู้ย้ายถิ่นมีโอกาสได้งานสูงในเขตภูมิภาค
นโยบายดึงผู้ย้ายถิ่นหน้าใหม่จากเมืองใหญ่ที่มีปัญหาประชากรล้นมาสู่เขตภูมิภาคที่กำลังประสบภาวะขาดแคลนประชากรเป็นสิ่งที่หลายคนเห็นด้วย เช่น คุณ มาแฮร์ โมหมัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินรายย่อย และเป็นผู้บริหารขององค์กร Regional Opportunities Australia (ROA) ที่เป็นองค์กรที่ไม่มุ่งหาผลกำไรและให้ความช่วยเหลือในเรื่องการจัดหางาน และการย้ายถิ่นของผู้ย้ายถิ่นฐานในเขตภูมิภาค เขาเปิดเผยว่า
“จากการสำรวจข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของเราพบว่า ผู้ย้ายถิ่นประมาณ 80 % จะเลือกอาศัยในเมืองใหญ่ เป็นเวลาประมาณ 3-5 ปี แต่ก็ไม่สามารถหางานในสาขาที่พวกเขาเคยมีประสบการณ์ได้ ที่แย่ไปกว่านั้นคือพวกเขาไม่เคยถูกจ้างงานเลย และคนเหล่านี้ก็มีความสนใจที่จะย้ายมาอยู่เขตภูมิภาคอย่างถาวร และตั้งรกรากที่นั่น" คุณมาแฮร์ โมหมัด ชี้
ในเขตภูมิภาคนั้นมีอัตราการแข่งขันในการจ้างงานต่ำเมื่อเทียบกับในเมืองใหญ่ จากสถิติในปี 2011 พบว่าในเมืองใหญ่มีผู้ย้ายถิ่นที่เกิดในต่างประเทศมีงานทำจำนวน 61.3% เมื่อเปรียบเทียบกับเขตภูมิภาคมีผู้ย้ายถิ่นถูกจ้างงานสูงกว่าถึง 78% และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้ย้ายถิ่นมีความสนใจที่จะย้ายไปอยู่ในเขตภูมิภาคของออสเตรเลีย
ตัวอย่างเช่น คุณ สุราจ อดีบาโย จากประเทศซูดาน เขาเคยประสบกับปัญหาการว่างงานเป็นเวลาหลายปี ทั้งๆที่เขาเป็นนักเรียนทุนและจบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยแมคแควรี (Macquarie university) แต่เมื่อเขายื่นใบสมัครเป็นครั้งแรกที่เขตภูมิภาค เขาก็ได้งานเป็นผู้ตรวจคุณภาพเนื้อสัตว์ เขาเล่าว่า
“มันหางานยากมากๆ และมันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับผม ที่บัณฑิตจบใหม่ไม่ถูกจ้างงาน มันเป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ผมพยายามหางานที่มั่นคงแต่ไม่เป็นผล ผมไม่ได้งานที่ไหนเลยจนกระทั่งมาได้งานนี้" คุณ สุราจ อดีบาโย เล่าผู้ที่มาใช้บริการขององค์กร ROA ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ย้ายถิ่นที่บัณฑิตจบใหม่ แต่ไม่สามารถหางานที่เหมาะสมได้ในเมืองใหญ่ คุณ โมหมัด กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ผู้ย้ายถิ่นที่จะสมัครไปอยู่เขตภูมิภาคจะต้องมีคุณสมบัติตรงกับที่เมืองนั้นๆ ตั้งไว้ แต่ชุมชนผู้รับผู้ย้ายถิ่นก็ต้องมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ต่างๆ ที่กำหนดไว้เช่นกัน คุณ โมหมัด เปิดเผยว่า
ในเมืองใหญ่ของออสเตรเลียมีการแข่งขันสูงในการหางานทำให้ผู้ย้ายถิ่นที่มีภูมิหลังจากหลากวัฒนธรรมต้องเผชิญกับภาวะว่างงาน Source: AAP
“มันมีเรื่องของระบบสาธารณสุข เรื่องโรงเรียน เรื่องตำแหน่งงาน และโอกาสในการตั้งธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นข้อกำหนดที่ชี้ว่าชุมชนนั้นพร้อมแค่ไหนสำหรับการรับผู้ย้ายถิ่น เพราะเมื่อพวกเขาย้ายมาแล้ว ชุมชนจะสามารถต้อนรับพวกเขาและมีงานให้พวกเขาทำ ดังนั้นจึงมีสิ่งต่างๆ ที่เราต้องพิจารณาว่าเขตไหนเป็นเขตที่เหมาะสมก่อนที่เราจะย้ายคนไปที่นั่น" คุณมาแฮร์ โมหมัด อธิบาย
จะปรับตัวให้เข้ากับคนท้องถิ่นได้อย่างไร
การย้ายถิ่นอาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายคนแต่ไม่ใช่สำหรับ คุณ ฟาวาดิน ดาลริลี ผู้ที่เผชิญกับปัญหาการเลือกปฏิบัติตั้งแต่เล็กจนโต เนื่องมาจากการที่ครอบครัวของเขานับถือศาสนา บาฮาไอ ซึ่งเป็นประชากรส่วนน้อยในอิหร่าน และจากเหตุการณ์นี้เองทำให้เขาต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ประเทศอินเดีย และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในประเทศเกิดของเขา ทำให้เขาไม่มีหนังสือเดินทาง เขาจึงย้ายมาตั้งรกรากที่นครเมลเบิร์น แต่เขาก็ต้องโยกย้ายอีกครั้ง เขาเล่าถึงประสบการณ์ของเขาว่า
“หลังจากย้ายมาไม่นานเราก็ถูกดูดกลืนไปกับผู้คนที่มีความสนใจคล้ายกัน ศาสนาและภาษาเดียวกัน และแวดล้อมไปด้วยกลุ่มผู้คนที่มาจากวัฒนธรรมเดียวกัน ประสบการณ์ในออสเตรเลียของผมกลายเป็นประสบการณ์ที่อยู่ในกรอบ ผมอาศัยในเมลเบิร์น 2-3 ปี แต่ในเวลานั้นผมรู้สึกว่าผมต้องการอะไรที่มากกว่านั้น อะไรที่แตกต่างและตื่นเต้นมากขึ้น ประสบการณ์ที่เป็นออสเตรเลียจริงๆ ดังนั้นผมจึงย้ายออกมา" คุณ ฟาวาดิน ดาลริลี เล่า
อ่านเพิ่มเติม
รัฐบาลเพิ่มงบส่งเสริมผู้ย้ายถิ่นไปอยู่ในชนบท
เป็นเวลากว่า 30ปี แล้วที่คุณฟาวาดิน ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่เมืองทาวส์วิลล์ (Townsville) และตอนนี้เขากลายเป็นผู้บริหารศูนย์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมประจำเมือง และยังเป็นผู้จัดงานวัฒนธรรมประจำปีของเมืองด้วย เขาทำอย่างไรจึงได้รับการยอมรับจากคนในเมืองนี้ เขาเปิดเผยว่า
“ในสมัยก่อน คนอาจจะพูดกันว่าเมืองทาวส์วิลล์ (Townsville) ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่มีปัญหาการเหยียดเชื้อชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกังวลใจอะไร เพราะว่าผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติที่มันเลวร้ายกว่านี้มากในบ้านเกิดของผม สำหรับผมการย้ายมาที่นี่คือการผจญภัย และผู้คนที่นี่ก็เป็นคนดี ซึ่งคุณสามารถเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้ และในที่สุดเขาจะยอมรับคุณ" คุณ ฟาวาดิน ดาลริลี เล่า
คุณ ฟาวาดิน ชี้ว่า นโยบายนี้จะสำเร็จได้ ทั้งฝ่ายผู้ย้ายมาและเจ้าบ้านต้องทำความเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างซึ่งกันและกัน ต้องก้าวข้ามความเข้าใจผิดและอคติที่สื่อนำเสนอ เขากล่าวว่า
“ความเชื่อมั่น เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตัวผมเอง ผมมีความเชื่อมั่นในระบบ เชื่อมั่นในชุมชน และยอมรับคนออสเตรเลียในสิ่งที่พวกเขาเป็น และต้องปรับตัวให้เข้ากับพวกเขา เพราะว่าถ้าเราไม่ทำความรู้จักกันด้วยความเป็นมิตร กล้าที่จะออกไปรู้จักกัน เราก็ไม่สามารถที่จะคาดหวังให้คนเหล่านั้นที่ถูกทำให้กลัวโดยสื่อจะออกมาแสดงตัวเป็นมิตรกับทุกคนได้" คุณ ฟาวาดิน ดาลริลี สรุป
กดปุ่ม 🔊 ด้านบนเพื่อฟังรายละเอียดเรื่องความเป็นอยู่ในเขตภูมิภาคออสเตรเลีย
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ออสเตรเลียมองแคนาดาเป็นตัวอย่างดึงแรงงานย้ายถิ่นสู่ภูมิภาค
เรื่องราวที่น่าสนใจ
ควรเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวออนไลน์แค่ไหนจึงจะปลอดภัย