รัฐบาลมอร์ริสัน จะให้งบประมาณเกือบ 20 ล้านดอลลาร์ สำหรับ 4 ปีข้างหน้า ในการออกมาตรการเพื่อสนับสนุนให้ผู้อพยพย้ายถิ่นที่มีทักษะการทำงานจำนวนมากขึ้น ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค
รัฐบาลประกาศเรื่องนี้เมื่อวันจันทร์ (17 ธ.ค.) ในการแถลงความคืบหน้าการประมาณการด้านเศรษฐกิจและงบประมาณกลางปี
รัฐบาลจะจัดตั้งศูนย์ เรจินอล ไมเกรชัน ฮับ (Regional Migration Hub) ซึ่งจะดูแลกิจกรรมที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง เพื่อช่วยให้นายจ้างในส่วนภูมิภาคสามารถเข้าถึงลูกจ้างผู้อพยพย้ายถิ่นที่มีทักษะการทำงานได้ทั่วถึงมากขึ้น
รัฐบาลกลางของออสเตรเลีย จะขยายโครงการด้านการอพยพย้ายถิ่นพิเศษ ที่พุ่งเป้าไปยังพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งโดยเฉพาะด้วย ผ่านข้อตกลงที่เรียกว่า เดซิกเนเทด แอเรีย ไมเกรชัน อะกรีเมนต์ (Designated Area Migration Agreements) แต่อย่างไร รัฐบาลยังไม่ได้ระบุถึงพื้นที่เฉพาะดังกล่าวว่าจะมีที่ใดบ้าง ในการแถลงความคืบหน้าด้านงบประมาณแผ่นดินครั้งนี้
งบประมาณบางส่วนจะถูกใช้ไปเพื่อการปรับปรุงกระบวนการพิจารณาและออกวีซ่า สำหรับพื้นที่ส่วนภูมิภาคด้วย
รัฐบาลกลางออสเตรเลียต้องการผลักดันผู้ย้ายถิ่นฐานให้ไปอยู่ในส่วนภูมิภาคมากขึ้น (AAP) Source: AAP
งบประมาณเพื่อระบบวีซ่าออนไลน์
ในการแถลงความคืบหน้าการประมาณการด้านเศรษฐกิจและงบประมาณกลางปีครั้งนี้ รัฐบาลยังเผยอีกด้วยว่า จะใช้งบประมาณอีก 72.3 ล้านดอลลาร์ สำหรับ “การออกแบบและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในระยะเบื้องต้น” ของระบบดิจิทัลใหม่ สำหรับการสมัครขอวีซ่าออสเตรเลีย ขณะที่รัฐบาลเตรียมจะส่งมอบการดูแลเรื่องวีซ่าออนไลน์นี้ให้แก่บริษัทที่ชนะการประมูล
รัฐบาลได้ประชาสัมพันธ์โครงการระยะเวลา 10 ปีให้แก่บริษัทต่างๆ ได้ทราบ เพื่อจะจัดประกวดราคา เพื่อหาบริษัทที่ยินดีลงทุนราว 1 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้างระบบออนไลน์ ที่จะดูแลการสมัครขอวีซ่า สำหรับผู้ที่ต้องการมาเรียนต่อ ทำงาน และอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย
เพื่อเป็นการตอบแทน บริษัทที่ชนะการประกวดราคาจะได้รับอนุญาตให้เก็บค่าดำเนินการจากการสมัครขอวีซ่าเหล่านั้นได้
รัฐบาลเผยในรายงานสรุปความคืบหน้าประมาณการด้านเศรษฐกิจและงบประมาณกลางปีว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณอีก 72.3 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการนี้ ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม ปีหน้า (2019)
ด้านพรรคแรงงานและสหภาพแรงงานต่างๆ โจมตีแผนของรัฐบาลที่จะมอบหมายการดำเนินการด้านวีซ่าให้เอกชนดูแล โดยบอกว่านี่จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่กระทรวงมหาดไทยอาจเลิกจ้างลูกจ้างหลายพันคน และยังเตือนว่าอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินด้านความมั่นคงของผู้สมัครวีซ่าด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ย้ำหลายครั้งว่าบริษัทเอกชนนั้น จะได้รับอนุมัติให้ดูเฉพาะกระบวนการสมัครขอวีซ่า และให้คำแนะนำต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องการอนุมัติวีซ่า
“ระบบใหม่จะช่วยปรับปรุงการตัดสินใจว่าจะอนุมัติวีซ่าหรือไม่ ซึ่งตัดสินใจโดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวง และระบบใหม่นี้จะช่วยบ่งชี้ความเสี่ยงของการที่เจ้าหน้าที่แต่ละคน อาจมีกรณีการสมัครภายใต้การดูแลของตนมากเกินไป”
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
มหาดไทยออสเตรเลียเผยเตรียมโอนระบบสมัครวีซ่าให้เอกชน
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
ชาวออสเตรเลีย 3 ล้านคนจะต้องการความช่วยเหลือในช่วงคริสต์มาส