คุณแมกกี แทฟฟี (Maggie Taffie) หัวหน้าทนายความ และเจ้าหน้าที่ด้านการอพยพย้ายถิ่น ที่สำนักงานทนายความด้านการอพยพย้ายถิ่น AHWC กล่าวว่า เวลาในการประมวลเอกสารสำหรับวีซ่าคู่ครองที่ยื่นขอจากนอกออสเตรเลีย (Offshore Partner Visa Subclass 309) มีความล่าช้าอย่างชัดเจน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เวลารอผลลัพธ์แบบคำร้องเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาโดยประมาณที่ 18 เดือน
การประมวลผลเอกสารนั้นใช้เวลานานมากอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนวิกฤตโควิด ตั้งแต่มีการแพร่ระบาด มันแทบจะเห็นได้ว่ากระบวนต่าง ๆ นั้นแทบจะหยุดชะงัก" คุณแทฟฟีกล่าว
"หากคุณไปที่เว็บไซต์ตรวจคนเข้าเมือง ก็จะเห็นว่าวีซ่าคู่ครองแบบยื่นจากนอกออสเตรเลียนั้น จะใช้เวลาในการประมวลเอกสารที่ระหว่าง 21-28 เดือน แต่จากประสบการณ์ของเราแล้ว มีหลายกรณีใช้เวลานานกว่านั้น"
คุณจอห์น ฮูริแกน (John Hourigan) ผู้อำนวยการระดับชาติ สถาบันการอพยพย้ายถิ่นฐานออสเตรเลีย กล่าวว่า จำนวนของการอนุมัติวีซ่าคู่ครองในปีงบประมาณนี้ คิดเป็นเพียงเกือบครึ่งหนึ่งของแบบคำร้องวีซ่าชนิดนี้ทั้งหมดที่ยังคงรอการพิจารณา
"รัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมืองได้เริ่มขั้นตอนเหล่านั้นแล้วในปีงบประมาณนี้ มีการพิจารณาอนุมัติวีซ่าคู่ครองประมาณ 40,000 ฉบับในขั้นแรก ดังนั้น หากแบบคำร้องที่ยังคงรอการพิจารณาอยู่ที่ประมาณ 85,000 ฉบับ และมีการประมวลเอกสารไปแล้วเพียง 40,000 ฉบับ นั่นหมายความว่า คุณจะต้องรอการประมวลเอกสารที่อยู่ในคิวรอพิจารณาอยู่แล้วนานกว่า 2 ปี" คุณฮูริแกนกล่าว
ขณะที่คุณแทฟฟี กล่าวว่า ความ ไม่เสมอต้นเสมอปลาย และการขาดความโปร่งใสของผลลัพธ์วีซ่า ได้สร้างความวิตกกังวลและความตึงเครียดให้กับบรรดาลูกค้าของเธอ ที่ไม่สามารถไปเยี่ยมคู่ครองที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียหรือในต่างประเทศได้ ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา
"เรากำลังพบเจอกับลูกค้าที่มีความรู้สึกสิ้นหวัง พวกเขารู้สึกแปลกแยก บางคนรู้สึกสิ้นหวังในด้านการเงิน เนื่องจากบางส่วนเป็นคนที่อาจมีลูกด้วย มีผู้ยื่นขอวีซ่าบางคนที่แสดงความกังวลไม่น้อยในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัว เนื่องจากพวกเขาอาจกำลังจะมีอายุมากขึ้น" คุณแทฟฟีกล่าว
"นอกจากนี้ เรายังพบผู้ที่ประสบปัญหาด้านสุขภาพจิต เนื่องจากพวกเขาไม่รู้เลยว่า การรอคอยนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด"
จากข้อมูลของคุณฮูริแกน ยังมีความเป็นไปได้สำหรับผู้ยื่นขอวีซ่าคู่ครองจากต่างประเทศ ในการเดินทางเข้ามายังออสเตรเลีย โดยพวกเขาสามารถยื่นขอวีซ่าผู้มาเยี่ยม (Visitor Visa) โดยขอความยินยอมจากคณะกรรมาธิการกองกำลังพิทักษ์พรมแดนออสเตรเลีย เพื่อเดินทางมาในฐานะคู่ครองของพลเมืองหรือผู้อาศัยถาวร
"ปัญหานั้นเริ่มเกิดขึ้นในกรณีของผู้ที่มีความสัมพันธ์เชิงพฤตินัย (de facto relationship) โดยคณะกรรมาธิการกองกำลังพิทักษ์พรมแดนออสเตรเลีย กำลังอนุมัติวีซ่าให้กับผู้ที่ยื่นหลักฐานทางเอกสารเป็นจำนวนมาก เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ในเชิงพฤตินัย" คุณฮูริแกนกล่าว
"ผู้ที่เดินทางไปกลับออสเตรเลียในช่วงเวลา 1-3 ปี แน่นอนว่าเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าพวกเขามีความเชื่อมโยงกับออสเตรเลียและกับคู่ครองที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียด้วย และสำหรับผู้ที่ไม่เคยเดินทางมาออสเตรเลียเลย ก็จะมีเพียงเอกสารที่พวกเขามีเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องมือยืนยัน"
ทั้งคุณฮูริแกน และคุณแทฟฟี กล่าวว่า สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติเป็นประจำ นั่นคือการสังเกตการณ์การอนุมัติให้ผู้ถือวีซ่าคู่ครองและคู่หมั่น (Prospective Marriage Visa) สามารถเดินทางได้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19
"ถึงแม้ว่าจะได้รับอนุมัติแล้วผู้ที่ได้รับการอนุมัติวีซ่าคู่ครองและคู่หมั้นกำลังเริ่มตื่นตระหนก เนื่องจากพวกเขายังคงต้องขอยกเว้นมาตรการจำกัดห้ามการเดินทาง แม้พวกเขาจะได้รับวีซ่า และมีคู่ครองที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย การงดเว้นมาตรการจำกัดการเดินทางนั้นก็ยังไม่เป็นไปอย่างง่ายดาย ขณะที่บางส่วนนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาเหลือเวลาเพียง 9 เดือน ในการเดินทางเข้ามายังออสเตรเลีย ไม่เช่นนั้น วีซ่าคู่ครองหรือคู่หมั้นที่พวกเขาถืออยู่จะหมดอายุ เราคาดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับผู้คนเป็นจำนวนมาก" คุณแทฟฟีกล่าว
ขณะที่คุณแทฟฟีแสดงความกังวลว่า ผู้ที่ได้รับวีซ่าคู่หมั้นจะต้องเริ่มกระบวนการยื่นขอวีซ่าใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง หลังมีการยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทาง แต่ในขณะเดียวกัน คุณฮูริแกนมองว่า สถานการณ์จะเป็นไปในแง่บวกมากกว่า
"สำหรับผู้ที่วีซ่าหมดอายุแล้ว เราพูดถึงกรณีก่อนมาตรการห้ามเดินทางจะถูกยกเลิก พวกเขาเพียงต้องไปติดต่อกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้หน่วยงานดังกล่าวพิจารณาหลักฐานเกี่ยวกับวีซ่าใหม่อีกครั้ง เราไม่ทราบแน่ชัดว่ากระบวนการเหล่านี้จะมีอะไรบ้าง แต่ผมคิดว่าส่วนมากจะเป็นเพียงแค่การออกวีซ่าให้ใหม่ แต่ในบางกรณี พวกเขาอาจต้องส่งเอกสารยืนยันการยื่นขอกำหนดการแต่งงานใหม่อีกครั้ง" คุณฮูริแกนกล่าว
นอกจากนี้ คุณฮูริแกนกล่าวอีกว่า การยื่นขอวีซ่าให้ได้รับการอนุมัตินั้น ขึ้นอยู่กับว่า คุณเตรียมเอกสารเพื่อแสดงหลักฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ได้ดีแค่ไหน
"สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะพิจารณาเอกสารและการสื่อสารที่มีความต่อเนื่อง ในช่วงเวลาที่คู่ครองยังไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน พวกเขาต้องการที่จะพบเห็นธุรกรรมทางการเงินระหว่างคู่ครอง แต่ส่วนมากมักจะเกิดขึ้นจากฝ่ายเดียวคือการที่คู่ครองชาวออสเตรเลียส่งเงินให้กับคู่ครองอีกฝ่ายในต่างประเทศ การมีที่พักอาศัยร่วมกัน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของเอกสารที่แสดงว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขามีต่อกันเช่นไร" นายฮูริแกนกล่าว
"ในคู่ครองบางกรณีอาจมีเอกสารเป็นจำนวนมาก บางคนไม่มีเลย และบางคนก็อาจมีไม่มาก พวกเขาต้องพยายามอย่างยากลำบากในการพิสูจน์ความสัมพันธ์"
สำหรับคุณดริวนั้น เขาแนะนำว่า ผู้ที่ยื่นขอวีซ่าคู่ครองนั้น ควรทำทุกสิ่งให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น
"ขอคำแนะนำด้านกฎหมายทำให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้เวลากับมัน และเตรียมตัวให้พร้อม มันอาจมีราคาไม่ถึง $7,000 ดอลลาร์ และมันก็อาจมีราคามากถึง $30,000 – $35,000 ดอลลาร์ ในระหว่างกระบวนการยื่นขอ มันอาจเป็นบริการที่มีราคาสูง" คุณดริวกล่าว
จากข้อมูลของคุณแทฟฟี ระบุว่า หน่วยงานมหาดไทยของออสเตรเลีย ไม่ได้ให้คำตอบในกรณีผู้ยื่นขอวีซ่าคู่ครองที่ได้รับการแจ้งเวลาที่ต้องใช้ในการประมวลเอกสาร
"ในขณะนี้หากเวลาในการประมวลเอกสารที่คุณได้รับแจ้งไว้อยู่ที่ 21-28 เดือน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะไม่ตอบคำถามใด ๆ ก่อนช่วงเวลาสิ้นสุดการประมวลเอกสารที่แจ้งไว้ที่ 28 เดือน" คุณแทฟฟีกล่าว
"ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับลูกค้าของเรา และสำหรับเราเอง ที่จะรู้อย่างแน่ชัดว่า เอกสารที่ยื่นขอไปอยู่ในขั้นตอนไหน เนื่องจากเราไม่ทราบข้อมูลใด ๆ จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง"
ทั้งคุณแทฟฟี และคุณฮูริแกน แนะนำว่า สิ่งที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือการส่งหลักฐานสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยคู่ครองควรที่จะอีเมลหากัน หรือใช้งาน Skype, Facebook Messenger, Whatsapp, Viber หรือแอปพลิเคชันส่งข้อความใด ๆ ก็ตาม เพื่อบันทึกประวัติในการสื่อสารของทั้งสองฝ่าย
ความคิดเห็นต่าง ๆ ในรายงานนี้ เป็นเพียงคำแนะนำทั่วไปเท่านั้น และอาจไม่มีผลกับทุกกรณี หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับสถานะวีซ่า โปรดขอคำแนะนำทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
ควีนส์แลนด์เริ่มทดลองวัคซีนโควิดในมนุษย์