ชาวนครเมลเบิร์น 4.9 ล้านคน กำลังต้องกลับไปอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ขณะที่รัฐวิกตอเรียยังคงพยายามทุกวิถีทางในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
รัฐบาลรัฐวิกตอเรียได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งเป็นการกลับมาของมาตรการจำกัดระดับ 3 หลังการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 191 ราย เมื่อวานนี้ (7 ก.ค.) ซึ่งเป็นการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่สูงที่สุด ตั้งแต่การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเริ่มต้น
มาตรการล็อกดาวน์ครั้งนี้ มีความแตกต่างจากครั้งก่อนเล็กน้อย ต่อไปนี้จะเป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้ และทำไม่ได้ ในการล็อกดาวน์ครั้งนี้
พื้นที่ใดบ้างที่จะถูกล็อกดาวน์
มาตรการล็อกดาวน์ครั้งนี้จะมีผลในมหานครเมลเบิร์น ซึ่งมีผู้อาศัยอยู่ 4.9 ล้านคน พื้นที่ราว 9,990 ตารางกิโลเมตร และ 31 เทศบาล และเขตพื้นที่มิตเชลล์ (Mitchell Shire) ทางตอนเหนือของเมือง
โดยเขตปกครองส่วนท้องถิ่นในรัฐวิกตอเรียที่อยู่ในประกาศล็อกดาวน์ครั้งนี้ คือ
- Banyule
- Hume
- Moreland
- Bayside
- Kingston
- Mornington Peninsula
- Boroondara
- Knox
- Nillumbik
- Brimbank
- Manningham
- Port Phillip
- Cardinia
- Maribyrnong
- Stonnington
- Casey
- Maroondah
- Whitehorse
- Darebin
- Melbourne
- Whittlesea
- Frankston
- Melton
- Wyndham
- Glen Eira
- Monash
- Yarra
- Greater Dandenong
- Moonee Valley
- Yarra Ranges
- Hobsons Bay
- Mitchell Shire
มาตรการล็อกดาวน์ใหม่เป็นอย่างไร
การกลับมาของมาตรการจำกัดระดับ 3 หมายความว่า คุณจะสามารถออกจากบ้านได้ ด้วยเหตุผลเพียง 4 ข้อเหล่านี้
- ซื้ออาหารและของใช้ที่จำเป็น
- ทำงานหรือเรียน หากไม่สามารถทำได้จากที่บ้าน
- ไปพบหรือให้บริการทางการแพทย์
- ออกกำลังกาย
โดยในมาตรการล็อคดาวน์ครั้งนี้ นายแดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ได้ชี้แจงรายละเอียดในเรื่องของกฎเกี่ยวกับการออกกำลังกาย โดยคุณจะไม่สามารถเดินทางไปยังพื้นที่ส่วนภูมิภาคเพื่อไปทำกิจกรรมอย่างเช่น การปีนเขา การออกกำลังกายนั้น อนุญาตให้อยู่ภายในพื้นที่มหานครเมลเบิร์นเท่านั้น
ขณะที่การรวมกลุ่มนั้น มีการจำกัดให้เหลือเพียง 2 คน หรือกับสมาชิกภายในบ้านเพียง 2 คนเท่านั้น และไม่อนุญาตให้มีผู้มาเยี่ยมที่บ้าน
ร้านกาแฟ ร้านอาหาร คลับ และบาร์ จะมีเพียงบริการซื้อกลับบ้าน (takeaway) และบริการส่งอาหารเท่านั้น
ร้านค้าปลีก สามารถเปิดได้โดยมีการควบคุมความหนาแน่นของผู้มาใช้บริการ ส่วนตลาดสามารถเปิดขายอาหารและเครื่องดื่มได้เท่านั้น
ร้านเสริมสวย และบริการส่วนบุคคลต่าง ๆ จะต้องปิดให้บริการอีกครั้ง เช่นเดียวกับสถานบันเทิง และศูนย์วัฒนธรรมต่าง ๆ ขณะที่ร้านทำผมยังสามารถเปิดร้านได้ตามปกติ และไม่สามารถจัดกีฬาชุมชนได้
ส่วนพิธีศพนั้น จำกัดให้มีผู้ร่วมงานเพียง 10 คน ซึ่งรวมถึงผู้ดำเนินพิธี สำหรับพิธีสมรสนั้น สามารถมีผู้มาร่วมงานได้ 5 คน ซึ่งรวมถึงคู่บ่าวสาว พยาน และผู้มาร่วมเฉลิมฉลอง
ศาสนพิธีต่าง ๆ จะสามารถจัดกิจกรรมผ่านการถ่ายทอดสัญญาณ หรือการสตรีมมิงเท่านั้น
สำหรับผู้ที่มีบ้านพักตากอากาศจะไม่สามารถเดินทางหรือย้ายไปพักอาศัยได้
“ผมทราบดีว่ามาตรการเหล่านี้นั้นมากกว่าการล็อกดาวน์ครั้งที่แล้ว แต่เราอยู่ในจุดที่สถานการณ์นั้นมีความไม่แน่นอน มีอุปสรรคมากมาย และเป็นไปได้ว่ามีความสูญเสียมากกว่าในช่วงเวลาเมื่อหลายเดือนก่อน” นายแดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียกล่าว
นอกจากนี้ นายแอนดรูว์ส กล่าวอีกว่า จะมีการแถลงในส่วนขของการสนับสนุนสำหรับธุรกิจและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ ในเร็ว ๆ นี้
โรงเรียนและสถานศึกษา
นักเรียนชั้นปีที่ 11 และ 12 ในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบ จะกลับไปเรียนภาคเรียนที่ 3 ตามปกติในโรงเรียน ในวันจันทร์ที่ 13 ก.ค.นี้ ตามแผนที่ได้กำหนดไว้ เช่นเดียวกับโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ
สำหรับนักเรียนเตรียมอนุบาล จนถึงนักเรียนปี 10 นั้น จะได้รับวันหยุดเพิ่มเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลจะใช้เวลานี้ในการหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อกำหนดนโยบายต่อไป
สำหรับบุตรของผู้ที่ทำงานซึ่งมีความจำเป็น (essential worker) หรือผู้ที่ไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้จะได้รับอนุญาตให้เข้าโครงการวันหยุดโรงเรียนซึ่งมีผู้ดูแล (Supervised school holiday program)
จะล็อกดาวน์นานแค่ไหน
มาตรการล็อคดาวน์จะมีผลตั้งแต่เวลา 23:59 น. ของคืนวันพุธที่ 8 ก.ค.นี้ แล้วจะมีผลบังคับใช้ไปเป็นเวลา 6 สัปดาห์
นายแอนดรูว์ส กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะสามารถเลือกประกาศช่วงล็อกดาวน์ให้สั้นลงได้ ทางการรัฐวิกตอเรียได้ตัดสินใจเลือกระยะเวลาตามคำแนะนำโดยหน่วยงานด้านสุขภาพเพื่อความปลอดภัย
“วงจรชีวิตของไวรัสนี้มีประมาณ 14 วัน การล็อกดาวน์ 6 สัปดาห์นั้น เท่ากับว่าเรามีเวลาของวงจรชีวิตไวรัสนี้ 3 รอบ” นายแอนดรูว์ส์กล่าว
“หากคุณพบจำนวนผู้ติดเชื้อที่น้อยลง และมีความต่อเนื่อง เราก็จะมีความมั่นใจอย่างมากว่า นั่นคือตัวเลขที่แท้จริง ไม่ใช่ความรู้สึกที่คิดไปเองว่าไวรัสไม่มีอีกต่อไป หรืออยู่ในระดับที่ต่ำมากพอที่มาตรการระงับการแพร่เชื้อนั้นสามารถจัดการได้”
การบังคับใช้กฎหมายช่วงล็อกดาวน์
สำหรับรายละเอียดในด้านการบังคับใช้กฎหมายในช่วงล็อกดาวน์นั้น ยังอยู่ในระหว่างการทำให้มีความชัดเจน แต่รัฐบาลรัฐวิกตอเรียได้วางแนวทางไว้ว่า จะมีการ “ปิดล้อม” พื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบ รวมถึงมีการตั้งจุดตรวจแบบสุ่มตามพื้นที่ต่าง ๆ
นอกจากนี้ นายแอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า ยังมีความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของกองทัพออสเตรเลียเข้ามาสมทบในส่วนนี้ด้วย
“พวกเขาจะสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือสำคัญ ๆ กับตำรวจรัฐวิกตอเรีย ขณะที่ตำรวจรัฐวิกตอเรียได้มีการปิดกั้นถนน รวมถึงตั้งศูนย์บังคับการต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่า ชายแดนระหว่างมหานครเมลเบิร์น และพื้นที่ส่วนภูมิภาคของรัฐวิกตอเรีย จะไม่มีผู้ที่ไม่ควรข้ามชายแดนเดินทางเข้าออก” นายแอนดรูว์สกล่าว
มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย กล่าวอีกว่าา ผู้ละเมิดกฎการล็อกดาวน์นั้นจะถูกปรับในราคาที่สูงมาก“ตำรวจรัฐวิกตอเรียจะอยู่ในพื้นที่ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ตัดสินใจทำอะไรที่เห็นแก่ตัว ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้สุขภาพของคุณและครอบครัวตกอยู่ในความเสี่ยงแล้ว ยังหมายถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพของทุก ๆ คนและครอบครัว” นายแอนดรูว์สกล่าว
Police check identification of drivers outside public housing towers on Racecourse Road in Flemington, Melbourne, Sunday, July 5, 2020. Source: AAP
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการเปิดเผยว่า ตำรวจรัฐวิกตอเรียสามารถเรียกค่าปรับในข้อหาการกระทบผิดเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้มากกว่า $10 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าค่าปรับที่เรียกเก็บในกรณีเดียวกันกับที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ถึง 10 เท่า
ผู้อาศัยในอาคารสงเคราะห์จะได้รับผลกระทบอย่างไร
ยังไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ประชาชนราว 3,000 คน ในอาคารสงเคราะห์ 9 แห่งรอบนครเมลเบิร์น ที่อยู่ในระหว่างล็อกดาวน์ขั้นเด็ดขาดนั้น จะต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบการล็อกดาวน์เช่นเดียวกันประชาชนทั่วไป เมื่อการตรวจหาเชื้อในอาคารสงเคราะห์ทุกแห่งที่เกิดการแพร่ระบาดนั้นเสร็จสมบูรณ์
นั่นหมายความว่า จะมีการปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บ่อยครั้งขึ้น ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงจากอัตราส่วนปกติที่เจ้าหน้าที่ 1 คน ต่อประชาชน 6 คน
“แผนในส่วนนี้ก็คือ จะดำเนินการตรวจหาเชื้อในอาคารสงเคราะห์ทุกแห่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ และเมื่อการตรวจหาเชื้อสำเร็จ ก็จะทำให้ผู้อาศัยในอาคารสงเคราะห์สามารถอยู่ในแนวทางเดียวกับชาวเมลเบิร์นทั้งหมดได้” นายแอนดรูว์สกล่าว
พื้นที่ส่วนภูมิภาค VIC และพรมแดนระหว่าง NSW จะได้รับผลกระทบหรือไม่
สองส่วนนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในพื้นที่ส่วนภูมิภาคของรัฐวิกตอเรียนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยรัฐบาลนัฐวิกตอเรียได้ระบุว่า มาตรการจำกัดที่มีการประกาศในปัจจุบันนั้นจะยังคงเดิม “ในช่วงเวลานี้”
ส่วนการปิดพรมแดนระหว่างรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีผลมาตั้งแต่เวลา 23:59 น. ของคืนวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมานั้นจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ผู้อยู่อาศัยในตึกอาคารสงเคราะห์ที่ได้รับผลกระทบ และต้องการความช่วยเหลือสามารถโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ความช่วยเหลือที่หมายเลข 1800 961 054 หากคุณต้องการล่าม ให้โทรศัพท์ไปยัง 131 450 บริการทั้งสองนี้ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน หาข้อมูลเพิ่มเติมได้
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
วิกฤตไวรัสกระทบตลาดเช่าที่พักอาศัย วัยรุ่น-ผู้ถือวีซ่ารับผลหนัก