Explainer

เอลนีโญส่งผลอย่างไรต่อ เฮย์ ฟีเวอร์ และโรคภูมิแพ้

ผู้มีอาการภูมิแพ้อาจกำลังรู้สึกได้ถึงละอองเกสรดอกไม้ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ นั่นเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศจากปรากฏการณ์เอลนีโญหรือไม่ นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้

A young woman standing outside blowing her nose

An El Niño weather event could mean an earlier start to Australia's allergy season in 2023. Source: Getty / Raquel Arocena Torres

เมื่อกลางวันยาวนานขึ้น อากาศก็อุ่นขึ้นและดอกไม้ก็เริ่มบาน ผู้คนในออสเตรเลียจำนวนมากกำลังเฉลิมฉลองการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ

แต่สำหรับบางคน นั่นหมายถึงฤดูแห่ง เฮย์ ฟีเวอร์ (hay fever ไข้ละอองฟาง) และอาการภูมิแพ้ด้วย

ซึ่งมาพร้อมกับอาการจาม คันจมูก มีน้ำมูกไหล และตาบวม

และในปีนี้ ที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเกิดสภาพอากาศจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ผู้เชี่ยวชาญจึงเตือนว่าฤดูภูมิแพ้อาจแตกต่างจากปกติเล็กน้อย

นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้

โรคภูมิแพ้ตามฤดูกาลคืออะไร และเมื่อใดคือฤดูภูมิแพ้?

โรคภูมิแพ้ตามฤดูกาลและ เฮย์ ฟีเวอร์ (hay fever ไข้ละอองฟาง) เป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่เกิดขึ้นในบางช่วงเวลาของปีเนื่องจากปริมาณละอองเกสรดอกไม้ในอากาศเพิ่มขึ้น

อาการต่างๆ ได้แก่ จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก คันตาหรือมีน้ำตาไหล ตาบวม กรน และหูอื้อหรือคันหู

เชื่อกันว่าผู้คนในออสเตรเลีย 1 ใน 5 มีอาการภูมิแพ้ตามฤดูกาล ส่วนผู้ที่เป็นโรคหอบหืดหรือโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ก็ยังรู้สึกได้ถึงผลกระทบจากละอองเกสรดอกไม้ในอากาศที่เพิ่มตามฤดูกาลเช่นกัน
นพ. เอ็ดวิน ลัมปุกนานี ผู้เชี่ยวชาญด้าน Aerobiology และผู้นำที่ศูนย์วัดประมาณละออกเกสรในอากาศของเมลเบิร์น (Melbourne Pollen Count) กล่าวว่าฤดูภูมิแพ้มักจะถึงจุดสูงสุดในฤดูใบไม้ผลิเมื่อหญ้าออกดอก

“สำหรับผู้คนในออสเตรเลียจำนวนมาก หญ้าเป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากหญ้ามีสารก่อภูมิแพ้จำนวนมาก และสารก่อภูมิแพ้ทำให้เกิด เฮย์ ฟีเวอร์ และโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้” นพ.ลัมปุกนานี กล่าว

“ฤดูภูมิแพ้จะอยู่ที่ประมาณเดือนกันยายนถึงธันวาคมของทุกปี โดยช่วงที่ผู้คนมักมีอาการแพ้สูงสุดคือเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ละอองเกสรหญ้ามีปริมาณสูงสุด”

สภาพอากาศส่งผลต่อโรคภูมิแพ้อย่างไร?

รูปแบบสภาพอากาศสามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ความยาวและความรุนแรงของฤดูกาลภูมิแพ้ได้

คุณ คีรา ฮิวส์ นักวิทยาศาสตร์การวิจัยจาก Deakin AIRwatch กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศสามารถเพิ่มความเสี่ยงที่อาการภูมิแพ้ตามฤดูกาลจะกำเริบหนักได้

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้วันต่อวัน หรือเกิดต่อเนื่องสักระยะหนึ่ง
คุณฮิวส์ กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยระดับนานาชาติระบุว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังทำให้ละอองเกสรดอกไม้ล่องลอยอยู่ในอากาศนานขึ้น ซึ่งหมายความว่าฤดูภูมิแพ้จะยาวนานขึ้น

“เราได้เห็นจากการศึกษาวิจัยว่า ฤดูที่มีละอองเกสรดอกไม้ล่องลอยอยู่ในอากาศจะขยายออกไป 2 สัปดาห์เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” คุณฮิวส์ กล่าว

“และจากปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ... มันได้ขยายฤดูเกสรดอกไม้ให้นานขึ้น ดังนั้นแทนที่จะสิ้นสุดปลายเดือนธันวาคม แต่กลับดำเนินต่อไปจนถึงเดือนมกราคม”

เอลนีโญจะส่งผลอย่างไรต่ออาการภูมิแพ้?

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ออสเตรเลียเผชิญกับปรากฏการณ์จากสภาพอากาศลานีญา ซึ่งหมายความว่าอุณหภูมิจะเย็นลงและมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีอื่น ๆ

ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นหมายความว่าพืชหลายชนิดเจริญเติบโตได้ดี ทำให้เกิดปริมาณละอองเกสรในอากาศที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยและทำให้เกิดฤดูกาลที่อาการแพ้รุนแรง

ในปีนี้ รูปแบบสภาพภูมิอากาศที่ตรงกันข้าม ซึ่งเรียกว่าเอลนีโญ ถูกประกาศโดยหน่วยงานสภาพอากาศแห่งสหประชาชาติและสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลีย

โดยทั่วไปแล้วปรากฏการณ์เอลนีโญจะทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศร้อนขึ้นและฝนตกน้อยลง

นพ. ลัมปุกนานี กล่าวว่าปีที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญอาจมีความหมายสองประการสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้

“ประการแรกคือ เรากำลังเห็นการเริ่มต้นฤดูละอองเกสรดอกไม้เกิดเร็วขึ้น เนื่องจากเราเห็นสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าปกติในขณะนี้ และเรายังมีความชื้นในพื้นดินจำนวนมาก ซึ่งทำให้หญ้าจำนวนมากเติบโต” นพ. ลัมปุกนานี กล่าว

“ในปีเอลนีโญ ถ้าอากาศแห้งมากและไม่มีฝนตกเพียงพอที่จะรองรับการเจริญเติบโตของพืช โดยเฉพาะหญ้า นั่นอาจเป็นตัวกำหนดการสิ้นสุดเร็วกว่าปกติของฤดูแห่งละอองเกสร”
A young girl standing outside on grass blowing her nose
Spring is the peak season for allergies due to pollen in the air. Source: AAP / Moodboard
คุณฮิวส์กล่าวว่าปรากฏการณ์เอลนีโญเมื่อหลายปีก่อนมีความเชื่อมโยงกับไฟป่าและเหตุการณ์พายุฝนฟ้าคะนองที่ทำให้โรคหอบหืดกำเริบเฉียบพลัน

เหตุการณ์พายุฝนฟ้าคะนองที่ทำให้โรคหอบหืดกำเริบเฉียบพลันเกิดขึ้นจากการเกิดขึ้นร่วมกันของพายุและละอองเกสรดอกไม้ที่ล่องลอยในอากาศ ซึ่งอาจทำให้ผู้มีอาการหอบหืดหายใจลำบาก แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด (Wheezing) และไออย่างต่อเนื่อง

“อาจมีการผสมกันของอากาศร้อน อากาศเย็น และการเปลี่ยนแปลงความกดอากาศ ซึ่งทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ จึงมีความกังวลกันว่าเราอาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในปีนี้ด้วยเหตุนี้” คุณฮิวส์กล่าว

“ไฟป่าจะทำให้เกิดควันไฟจำนวนมาก เกิดมลพิษจำนวนมาก และนั่นอาจส่งผลผู้ที่ไวต่อละอองเกสรดอกไม้หรือผู้เป็นโรคหอบหืดทำให้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากละอองเกสรดอกไม้ที่เพิ่มขึ้น และเราอาจประสบปัญหาดังกล่าวในปีนี้”

สิ่งที่ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะคาดการณ์ได้ในฤดูกาลนี้

นพ. ลัมปุกนานี กล่าวว่า ฤดูกาลภูมิแพ้ที่เริ่มต้นเร็วขึ้นอาจนำไปสู่การสิ้นสุดที่เร็วขึ้นด้วย แต่เขาคาดว่าจะ จำนวนวันที่มี "ปริมาณละอองเกสรดอกไม้ในอากาศสูง" จะอยู่ในระดับปานกลางในปี 2023

“ปัญหาคือคนส่วนใหญ่มักไม่เตรียมพร้อมในเดือนกันยายนสำหรับละอองเกสรดอกไม้ที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้” นพ. ลัมปุกนานี กล่าว

“มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะเห็นฝนตกในฤดูใบไม้ผลิหรือไม่ … ถ้ามีฝน แนวโน้มของฤดูกาลที่จะมีละอองเกสรในอากาศจะเปลี่ยนไป และมันอาจกลายเป็นปีที่มีละอองเกสรมากกว่าที่คาดไว้ หรือถ้าฝนตกน้อยกว่า ก็อาจเป็นปีที่ละออกเกสรในอากาศมีน้อยลง”

คุณฮิวส์กล่าวว่ามีแนวโน้มว่าผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะกำลังรู้สึกได้ถึงละอองเกสรดอกไม้ในอากาศ และเธอคาดว่าฤดูภูมิแพ้อาจยาวนานกว่าปกติ

เธอแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ตรวจสอบแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ Melbourne Pollen ทุกวันตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เพื่อดูว่าวันใดที่มีแนวโน้มว่าจะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้

“คุณจะรู้ว่าถ้าวันนั้นเป็นวันที่ละอองเกสรดอกไม้ต่ำ มันก็จะไม่แย่เกินไป หรือถ้าเป็นวันที่ละอองเกสรในอากาศสูงหรือสุดโต่ง คุณควรหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกถ้าทำได้ หรือป้องกันไว้ก่อน เช่นใช้ยา ถ้าจำเป็น "

“และถ้าคุณเป็นโรคหอบหืดด้วย … ฉันขอแนะนำให้พูดคุยกับแพทย์เพื่อเตรียมแผนปฏิบัติหากเกิดอาการโรคหอบหืดกำเริบ”


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

 

Share
Published 25 September 2023 1:26pm
By Jessica Bahr
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS


Share this with family and friends