เตือนประชาชนให้ระวังหลังยอดผู้จมน้ำเสียชีวิตตามชายหาดเพิ่ม

Daily Life In Sydney

ผลการวิจัยโครงการใหม่เตือนถึงความเสี่ยงในจมน้ำที่เพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ (public holidays) Source: Getty / Alexi Rosenfeld/Getty Images

ผลการวิจัยโครงการใหม่เตือนถึงความเสี่ยงในจมน้ำที่เพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ (public holidays)


ผลการวิจัยโครงการใหม่เตือนถึงความเสี่ยงในจมน้ำที่เพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ (public holidays)

ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำแล้ว 281 ราย ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญต่างเรียกร้องให้เพิ่มความตระหนักรู้ในหมู่ประชาชน

National Drowning Report หรือรายงานด้านการจมน้ำทั่วประเทศ ที่เพิ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสาธารณสุขของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ชี้ถึงข่าวที่ไม่ค่อยดีนัก

การวิจัยโดยสมาคม Royal Life Saving Society Australia ร่วมกับ Surf Life Saving Australia (SLSA) ระบุถึงความเสี่ยงในการจมน้ำที่เพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ช่วงเทศกาลและวันหยุดยาว

ดร. จัสมิน ลอว์ส นักวิจัยของ Surf Life Saving Australia กล่าวว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ผู้คนจะต้องวางแผนเรื่องความปลอดภัยในการทำกิจกรรมทางน้ำไว้ในแผนการไปท่องเที่ยวด้วย แม้จะเป็นแค่การไปเช้าเย็นกลับก็ตาม

"น่าเศร้าที่รายงานนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 281 ราย ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา การวิจัยของเราชี้ว่าความเสี่ยงในการจมน้ำมีมากกว่าสองเท่าในวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ และสูงกว่านั้นในช่วงวันหยุดยาว นั่นเป็นเพราะคนออกไปหาความสนุกสนานและอาจไม่ได้หยุดคิดหรือหยุดเพื่อมองดูอันตรายหรือสังเกตดูคลื่นทะเลดูด (rip currents) ประชาชนไม่ได้ใช้เวลาตรวจสอบอันตรายต่าง ๆ ที่อาจอยู่รอบตัว และอาจไม่ได้คิดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการวางแผนว่าจะทำกิจกรรมอย่างปลอดภัยได้อย่างไร" ดร.ลอว์ส นักวิจัยโครงการนี้ กล่าว
การวิจัยของเราชี้ว่าความเสี่ยงจมน้ำมีมากกว่าสองเท่าในวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ และสูงกว่านั้นในช่วงวันหยุดยาว นั่นเป็นเพราะคนออกไปหาความสนุกสนานและอาจไม่ได้หยุดคิดหรือหยุดเพื่อมองดูอันตราย
ดร. จัสมิน ลอว์ส Surf Life Saving Australia
รายงานพบว่าการเสียชีวิตจากการจมน้ำในเด็กตั้งแต่วัยทารถถึง 4 ปีลดลง 33 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปี

คุณจัสติน สการ์ ซีอีโอของสมาคม Royal Life Saving Society Australia กล่าวว่า เขาต้องการเห็นตัวเลขเหล่านี้ลดลงมากกว่านี้อีก

"การจมน้ำของเด็กยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในประเทศนี้ เราได้ลดการจมน้ำลงราว 53 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบผ่านการกั้นรั้วสำหรับสระว่ายน้ำในสวนหลังบ้าน และการรณรงค์เช่นโครงการKeep Watch อย่างไรก็ตาม 16 รายถือว่ามากเกินไป เราต้องทำมากกว่านี้ นี่เป็นความปลอดภัยทางน้ำในด้านหนึ่งที่เราคิดว่าเราสามารถทำให้ใกล้ศูนย์เปอร์เซ็นต์ได้" คุณสการ์ ซีอีโอของ Royal Life Saving Society Australia กล่าว

แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำตามชายหาดยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปีถึง 29 เปอร์เซ็นต์ โดย rip currents หรือคลื่นทะเลดูดถือเป็นความเสี่ยงหลักบริเวณชายฝั่งทะเล
สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยกังวลมากที่สุดคือการเสียชีวิตจากการจมน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในทุกกลุ่มที่มีอายุมากกว่า 45 ปี

ดร.ลอว์สกล่าวว่า 57 เปอร์เซ็นต์ของอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นในกลุ่มประชากรกลุ่มนี้

"โดยปกติแล้วกลุ่มชายหนุ่มเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม เราเพิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คือจริง ๆ แล้วคนที่อายุ 45 ปีขึ้นไปมีจำนวนมากกว่าครึ่งของผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำที่เราได้บันทึกสถิติไว้ มีปัจจัยหลายประการที่อาจส่งผลต่อการจมน้ำในคนวัยผู้ใหญ่ที่อายุมาก และอาจรวมถึงโรคหัวใจหรืออาการป่วยที่มีอยู่ นอกจากนี้ บางทีพวกเขาอาจไม่ทราบขีดจำกัดของตนเมื่อไปเที่ยวหรือไม่ได้เตรียมพร้อมเมื่อไปเล่นน้ำแค่วันเดียว” ดร.ลอว์ส ชี้แจง
คือจริง ๆ แล้วคนที่อายุ 45 ปีขึ้นไปมีจำนวนมากกว่าครึ่งของผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำที่เราได้บันทึกสถิติไว้
ดร. จัสมิน ลอว์ส Surf Life Saving Australia
การวิจัยดังกล่าวยังค้นพบสิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

คือ พวกเขามีความเสี่ยงที่จะจมน้ำมากกว่าคนอื่นเกือบสองเท่า

"บ่อยครั้งถ้าเราไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากร เช่น การว่ายน้ำ หรือแม้กระทั่งมีประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน มันก็จะส่งผลให้เรามีความเสี่ยง เพราะเราไม่คุ้นเคยกับภัยความเสี่ยง หรือไม่รู้ถึงพฤติกรรมที่เราต้องมีเพื่อจะได้ปลอดภัย" ดร.ลอว์ส อธิบาย
ผู้เชี่ยวชาญต่างเรียกร้องให้ประชาชนใช้แนวทางปฏิบัติคือ "stop, look and plan" หรือ "หยุด มอง และวางแผน" เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิต

ดร. แคเทรียน พิกเคิลส์ จาก Royal Life Saving Australia กล่าวว่านั่นเป็นวิธีเตือนให้ประชาชนตระหนักมากขึ้นในด้านความปลอดภัยในการทำกิจกรรมทางน้ำ

"ดูแลเด็ก ๆ ทั้งที่อยู่ในน้ำและรอบ ๆ แหล่งน้ำเสมอ เรียนว่ายน้ำและเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยในการทำกิจกรรมทางน้ำและทักษะการช่วยชีวิต เช่นการไปเรียนว่ายน้ำ หรือไปที่สระน้ำแถวบ้านและว่ายน้ำไปมาในสระหลาย ๆ รอบ และเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายสำหรับว่ายน้ำ”

“ต้องสวมเสื้อชูชีพเมื่อลงเรือ ไปตกปลาตามโขดหิน หรือพายเรือ หรือว่ายน้ำที่ชายหาดที่มีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนอยู่ โดยว่ายน้ำระหว่างธงสีแดงและสีเหลือง งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และใช้ยาเสพติดเมื่ออยู่ใกล้น้ำ และต้องตรวจสอบสภาพต่าง ๆ ด้วย โดยใช้แอปฯ ตรวจสอบพยากรณ์อากาศ หรือดูข้อมูลออนไลน์เพื่อตรวจสอบสภาพอากาศ" ดร. พิกเคิลส์ จาก Royal Life Saving Australia แนะนำ

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share