ในที่สุดผลการตรวจสอบธนาคารกลางแห่งออสเตรเลียหรืออาร์บีเอ (RBA) จากองค์กรอิสระที่รอคอยมานานก็ได้เปิดเผยโดยมีการเรียกร้องให้ธนาคารกลางดำเนินการอย่างโปร่งใสมากขึ้นซึ่งมีความต้องการให้ธนาคารกลางแถลงข่าวหลังการประชุมทุกครั้ง เช่นเดียวกันที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำในสหรัฐอเมริกา โดยสมาชิกในคณะกรรมการจะตอบคำถามต่อสาธารณะในบางโอกาส
หัวใจหลักของการทบทวนการปรับโครงสร้างในครั้งนี้คือการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดแยกกัน โดยชุดหนึ่งรับผิดชอบด้านการกำกับดูแล และอีกชุดหนึ่งทำหน้าที่กำหนดอัตราดอกเบี้ย
รายละเอียดการปรับโครงสร้างที่แนะนำโดยผู้ตรวจสอบทั้งสามคนชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ควรสนับสนุนความเป็นผู้นำและการตัดสินใจของธนาคารกลาง และช่วยป้องกันการสื่อสารผิดพลาด เช่น เมื่อผู้ว่าการเสนอว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์จนถึงปี 2567
หนึ่งในผู้ตรวสอบชี้ว่า
"องค์ประกอบของคณะกรรมการธนาคารกลางและกระบวนการตัดสินใจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะตัดสินใจเชิงนโยบาย หรือร่างกลยุทธ์ ตลอดจนการนำไปสู่การวิเคราะห์และการตัดสินในของ RBA"
รัฐบาลพรรรคแรงงานจะตั้งเป้าหมายที่จะออกกฎหมายเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการทั้งสองชุด นายแองกัส เทย์เลอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของพรรคฝ่ายค้านส่งสัญญาณว่าเขาจะสนับสนุนการปฏิรูปที่สมเหตุสมผล
นาย เทย์เลอร์ ได้เสนอชื่อสมาชิกคณะกรรมการใหม่สองคน ได้แก่ นาย เอียน รอส และ นาง อิลานา รูเบน เพื่อทำหน้าที่แทนสมาชิกที่ออกจากตำแหน่ง ซึ่งก็คือ นาง เวนดี ไครก์ และ นาย มาร์ก บาร์นาบา ซึ่งทั่งคู่ไม่ขอรับการพิจารณาตำแหน่งอีกครั้ง
คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งใหม่และสมาชิกเดิมจะได้รับการจัดสรรตำแหน่งในคณะกรรมการใหม่ทั้งสองชุด โดยมีเงื่อนไขว่าระบบสองคณะกรรมการจะได้รับการรับรองโดยชอบด้วยกฎหมายและจะได้ข้อสรุปภายในกลางปี 2567
นอกจากนี้การมีคณะกรรมการสองชุดจะทำให้มีการประชุมน้อยลงเพื่อให้มีเวลาสำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ผู้ตรวจสอบยังแนะนำว่าในโอกาสนี้เราอาจได้รับฟังความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ RBA มากขึ้น
การสอบสวนของพวกเขาได้เปิดเผยให้เห็นถึงวัฒนธรรมของพนักงานที่ถูกกดดันให้มีความเห็นสอดคล้องกับมุมมองของหัวหน้าและผู้นำระดับสูงของพวกเขา ซึ่งสร้างความเสี่ยงของการเกิด "ความคิดแบบเป็นกลุ่มก้อน" ในประเด็นสำคัญๆ
ผู้ตรวจสอบส่วนใหญ่พอใจกับกรอบนโยบายที่สนับสนุนกลยุทธ์นโยบายการเงินของธนาคาร ซึ่งรวมถึงการตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นที่ร้อยละ 2-3 แต่ก็มีการเรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนบางอย่าง ซึ่งรวมถึงต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนมากขึ้นว่าระหว่างเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงานเต็มเวลานั้นจะทำงานสัมพันธ์กันอย่างไร
การตรวจสอบครั้งนี้ยังมีการเรียกร้องให้ RBA เป็นอิสระจากรัฐบาลในขณะนั้น ซึ่งจะทำให้เป็นการกำจัดอำนาจของรัฐบาลที่จะอาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของ RBA ด้วย และข้อเสนอแนะเหล่านี้ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล
ด้าน นาย จิม ชาลเมอส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่าคำแนะนำของผู้ตรวจสอบและการตอบสนองของรัฐบาลนั้นทำให้มั่นใจว่าสถาบันเศรษฐกิจชั้นนำของออสเตรเลียมีกรอบการทำงาน วัตถุประสงค์ กระบวนการ และความเชี่ยวชาญอย่างมรประสิทธิภาพที่สุด
เขากล่าวว่า
“(บทวิจารณ์) พบว่ากรอบนโยบายการเงินของออสเตรเลียมีส่วนสนับสนุนผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่ดีในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา แต่ก็ระบุว่ามีโอกาสที่จะสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่าบทวิจารณ์นี้ไม่ได้เกี่ยวกับการกล่าวโทษใครและยอมรับว่ามันเป็น "งานยาก" ของ นาย ฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งออสเตรเลียหรืออาร์บีเอ (RBA)
มีเสียงเรียกร้องจากบางฝ่ายให้ดร. โลว์ลาออกเนื่องจากข้อผิดพลาดในการสื่อสารที่เกิดขึ้นระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่รัฐมนตรีคลังกล่าวว่าการแต่งตั้งตำแหน่งของเขาจะยังคงได้รับการพิจารณาอีกครั้งในปลายปีนี้ตามปกติ
ดร. โลว์กล่าวว่าเขาจะทำงานในตำแหน่งนี้ต่อไปหากรัฐมนตรีคลังขอให้เขาทำ
“ถ้าผมถูกขอให้อยู่ต่อ ผมก็จะทำ ถ้าไม่ขอให้ผมอยู่ต่อ ผมจะหาวิธีอื่นในการช่วยเหลือสังคมออสเตรเลียต่อไป” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
ดร. โลว์ยังกล่าวอีกว่าเขาไม่ได้นำเอาคำวิจารณ์ในตรวจสอบดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวเพราะว่าเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการเก้าคนและหนึ่งในพนักงาน 1,500 คนด้วย ดรใโลว์เปิดเผยว่า
“เราไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป แต่เราพยายามและทำในสิ่งที่ถูกต้องสำหรับชาวออสเตรเลียเสมอ”
ดร. โลว์ยินดีกับการพิจารณาทบทวนและกล่าวว่า RBA จะทำงานอย่างสร้างสรรค์ในการปฏิรูปรวมถึงการปรับความถี่ของการประชุมและวิธีการสื่อสารของธนาคาร
“คณะกรรมการจะพิจารณาประเด็นเหล่านี้ในการประชุมที่จะมาถึง และปรับปรุงการดำเนินการตามข้อตกลงชุดใหม่” เขากล่าว
"เมื่อเวลาเปลี่ยนไป เราก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน บทวิจารณ์จะสะท้อนให้เราปรับปรุงตนเอง”
นาย แองกัส เทย์เลอร์ โฆษกกระทรวงการคลังพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรวางแผนที่จะเป็นสองฝ่ายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และทิศทางของการทบทวนก็เป็นไปในเชิงบวก
“แต่ละครัวเรือนต่างก็รู้สึกถึงผลกระทบของราคาสินค้าและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทุกวัน” เขากล่าว
"ควบคู่ไปกับการจัดการทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ ธนาคารกลางที่แข็งแกร่งก็มีความสำคัญต่อการจัดการภาวะเงินเฟ้อที่ผลักดันราคาสินค้าให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน"
กฎหมายใหม่จะพยายามจำกัดอำนาจของรัฐบาลในการยับยั้งการตัดสินใจของ RBA ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ที่จำเป็นสำหรับสถาบัน และเป็นการปูทางสำหรับโครงสร้างใหม่ที่ประกอบไปด้วยคณะกรรมการสองชุด
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
