รัฐวิกตอเรียเผยว่า พบกรณีการติดเชื้อโควิด-19 สองกรณีที่ไม่เกี่ยวข้องกัน โดยเป็นการติดเชื้อจากนิวเซาท์เวลส์
“ผมเกรงว่า เราจะต้องรายงานการพบกรณีการติดเชื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกันโดยเป็นการติดเชื้อจากนิวเซาท์เวลส์” นายเจโรน ไวมาร์ หัวหน้าบัญชาการด้านโควิด-19 ของรัฐวิกตอเรียกล่าว
ผู้ที่เดินทางกลับมาจากนิวเซาท์เวลส์ 2 รายพบผลการตรวจโควิด-19 เป็นบวกและขณะนี้กำลังแยกตัวเพื่อกักโรค ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขวิกตอเรียกล่าวว่า ทั้งสองกรณีนี้มีความเสี่ยงต่ำที่จะแพร่เชื้อสู่ชุมชน
นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 ครอบครัวที่ขณะนี้กำลังแยกตัวจากผู้อื่นและรอผลการตรวจเชื้อ หลังพนักงานให้บริการขนของย้ายบ้านคนที่สองจากนิวเซาท์เวลส์พบผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก
นายไวมาร์กล่าวว่า ผู้ที่เดินทางกลับจากนิวเซาท์เวลส์ 2 คนดังกล่าวเป็นสมาชิกของครอบครัว 4 คนที่ยื่นขอใบอนุญาตเดินทางเข้าวิกตอเรียระหว่างวันที่ 4-8 กรกฎาคม
“ขณะนี้ เรากำลังอยู่ระหว่างสนทนาและพูดคุยกับครอบครัวนี้ว่า พวกเขาได้ไปไหนมาบ้าง และเราจะสามารถให้การสนับสนุนพวกเขาได้อย่างไรในช่วงที่เหลือของการกักตัวของพวกเขา”
คาดมีรายชื่อสถานที่เสี่ยงแพร่เชื้อเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ สาธารณสุขวิกตอเรียได้เปิดเผยถึง กรณีการติดเชื้อของพนักงานให้บริการขนของย้ายบ้านคนแรกนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งได้เดินทางผ่านรัฐวิกตอเรียไปยังเซาท์ออสเตรเลีย ขณะที่มีอาการซึ่งสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้
ชายคนดังกล่าวค้างคืนในรัฐวิกตอเรียในวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่แล้ว (8 ก.ค.) ก่อนจะขับรถต่อไปยังเซาท์ออสเตรเลีย และจากนั้นได้เดินทางกลับไปยังนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งที่นั่นเขาได้พบผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวกในวันอาทิตย์ (11 ก.ค.)
นายมาร์ติน โฟลีย์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของวิกตอเรีย กล่าวว่า สาธารณสุขนิวเซาท์เวลส์ได้แจ้งให้วิกตอเรียทราบเรื่องนี้ในช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ติดตามหาตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อกำลังเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวของชายคนดังกล่าวในรัฐวิกตอเรีย แม้ว่าจะเชื่อว่าเขาได้เดินทางจากซิดนีย์ไปยังเมลเบิร์นโดยใช้เส้นทางถนนฮูม ไฮห์เวย์ (Hume Highway) และได้ทำงานที่บ้านหลายแห่งในเมลเบิร์นก่อนเดินทางต่อไปยังเซาท์ออสเตรเลีย
“เราคาดว่าจะมีรายการสถานที่เสี่ยงแพร่เชื้อ และเราคาดว่าจะมีประชาชนที่ถูกกำหนดให้ต้องแยกตัวจากผู้อื่นเพื่อกักโรค 14 วัน”
งานพนักงานให้บริการขนของเพื่อย้ายบ้านเป็นงานที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาได้ภายใต้ระบบออกใบอนุญาตเดินทางเข้ารัฐวิกตอเรีย
นายโฟลีย์กล่าวว่า ความเสี่ยงของเชื้อโควิด-19 ที่จะแพร่จากนิวเซาท์เวลส์มาสู่วิกตอเรียนั้น “สามารถเกิดขึ้นได้จริง”
ขณะเดียวกัน มุขมนตรีสตีเวน มาร์แชลล์ ของเซาท์ออสเตรเลีย แถลงรายละเอียดของพนักงานให้บริการขนของเพื่อย้ายบ้านที่พบผลการตรวจเชื้อเป็นบวกในซิดนีย์ หลังได้ให้บริการขนของย้ายบ้านสำหรับครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิก 4 คนในเซาท์ออสเตรเลีย
เขากล่าวว่า สมาชิกทั้งหมดของครอบครัวนี้กำลังแยกตัวเพื่อกักโรคและพบผลการตรวจเชื้อเป็นลบในวันแรกและวันที่สี่
นายมาร์แชลล์ กล่าวว่า เชื่อว่าพนักงานขนของทั้ง 3 คนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันครั้งนี้ไม่ได้ค้างคืนในเซาท์ออสเตรเลีย แต่เดินทางกลับนิวเซาท์เวลส์ทันทีหลังส่งของแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีสถานที่สาธารณะที่เป็นสถานที่เสี่ยงแพร่เชื้อที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันจันทร์ (12 ก.ค.) ผู้ใดที่เดินทางกลับมายังเซาท์ออสเตรเลียจากพื้นที่เขตมหานครของซิดนีย์และปริมณฑล (Greater Sydney) จะไม่สามารถยื่นขออนุญาตได้อย่างง่ายๆ ออนไลน์ได้อีกต่อไป แต่จะผ่านการตรวจเช็กในระดับที่เข้มงวดมากขึ้น มีเพียงกรณียกเว้นที่จำเป็นเท่านั้นจึงจะสามารถได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าเซาท์ออสเตรเลียได้ นายมาร์แชลล์ กล่าว
ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา รัฐวิกตอเรียได้ปิดพรมแดนกับนิวเซาท์เวลส์และเอซีที โดยประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดงภายใต้ระบบให้ใบอนุญาตการเดินทางตั้งแต่เวลา 23.59 น. ของวันอาทิตย์เมื่อคืนนี้
หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
NSW พบผู้ติดโควิดพุ่งกว่า 100 รายกว่า 30 รายไปไหนมาไหนในชุมชน
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
การขอคืนเงินภาษีมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างในปีนี้?