ฟังรายงาน
LISTEN TO
การขอคืนเงินภาษีมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างในปีนี้?
SBS Thai
12/07/202111:02
ล่วงเลยมาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มกับวิกฤตโควิด-19 และมีหลายสิ่งเปลี่ยนไปในออสเตรเลีย
ในวาระสิ้นสุดปีการเงินในปีนี้ การยื่นขอคืนภาษีของคุณอาจมีเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
กรมสรรพากรออสเตรเลีย (Australian Tax Office) หรือเอทีโอ (ATO) คาดว่า คำร้องขอลดหย่อนภาษีของผู้ที่ทำงานจากที่บ้านจะเพิ่มขึ้น เช่น ค่าใช้จ่ายในส่วนของ ค่าไฟ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ ค่าความเสื่อมของอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน
คุณเคน ดีโวส (Ken Devos) รองศาสตราจารย์สาขาการบัญชีจากมหาวิทยาลัยสวินเบิร์น (Swinburne University of Technology) กล่าวว่า คุณสามารถขอลดหย่อนภาษีที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจากบ้านได้หลายวิธี โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคุณ
วิธีที่ง่ายที่สุดคือวิธีทางลัดชั่วคราว ซึ่งใช้อัตรา (rate) 80 เซนต์ (cent) ต่อชั่วโมงในการคำนวณค่าลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานทั้งหมด
นี่เป็นวิธีที่ทุ่นงานเอกสารได้จำนวนมาก สิ่งที่คุณต้องทำคือบันทึกชั่วโมงที่คุณทำงานจากที่บ้านในแต่ละสัปดาห์ ปกติแล้ว คนที่ทำงานจากบ้านตลอดทั้งปี คุณรู้อยู่แล้วว่านับเป็น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 48 สัปดาห์ต่อปี นั่นจะเป็นการยื่นขอคืนเงินภาษีที่จะได้ประมาณ $1,500 ดอลล่าร์ นับเป็นวิธีที่ง่าย และคำณวนได้ง่าย
แต่วิธีนี้อาจไม่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
อีกหนึ่งทางเลือกคือการใช้อัตรา 52 เซนต์ ซึ่งคล้ายกับวิธีที่ใช้อัตรา 80 เซนต์ แต่รวมเฉพาะค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส และค่าเสื่อมหรือค่าซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์สำนักงานในการคำณวน
วิธีนี้ใช้การยื่นค่าโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ และเครื่องเขียน แบบแยกต่างหาก
ทางเลือกสุดท้ายคือการใช้วิธียื่นค่าใช้จ่ายตามจริง ซึ่งผู้ทำเรื่องยื่นต้องเก็บบันทึกรายละเอียดเป็นจำนวนมาก
คุณเคน ดีโวส กล่าวว่า การตัดสินใจที่สมเหตุสมผลที่สุด คือการเลือกวิธีที่คุณจะได้รับผลประโยชน์สูงที่สุด
"การใช้วิธียื่นค่าใช้จ่ายตามจริงนั้นหมายความว่า คุณคำนวณทุกอย่างแยกต่างหาก คุณเก็บรายละเอียดค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริงที่คุณใช้ไปทั้งหมดตลอดทั้งปี และที่เพิ่มขึ้นมาคือคุณรวมค่าเสื่อมของอุปกรณ์ต่างๆ ในการคำนวณด้วย ดังนั้นมันมีความเป็นไปได้ที่จะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นจำนวนที่สูง ในขณะที่การใช้อัตราตายตัว 80 เซนต์หรือวิธีทางลัดนั้น คุณไม่สามารถยื่นเคลมค่าเสื่อมเพิ่มเติมได้"
คุณดีโวสกล่าวว่า ผู้คนควรคำนึงว่า ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการทำงานจากบ้านอาจเพิ่มสูงขึ้นในปีการเงินนี้ แต่ค่าใช้จ่ายด้านอื่นอาจลดลง
เห็นได้ชัดว่า การทำงานจากบ้านหมายความว่าผู้คนไม่ต้องเดินทาง พวกเขาไม่ใช้รถเท่ากับที่เคยใช้ในเวลาปกติ ดังนั้น เอทีโอจะตรวจสอบค่ารถและค่าใช้จ่ายในการเดินทางอย่างละเอียด และคุณควรระวังตรงจุดนั้น
คุณทิม โลห์ (Tim Loh) รองอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวกับเอสบีเอส ออน เดอะ มันนี (SBS On the Money) ว่ากรมสรรพากรเห็นว่า มีคนพยายามที่จะเคลมค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานจากที่บ้าน
"ในขณะที่นายจ้างของคุณอาจเตรียมกาแฟ ชา และบิสกิต ไว้ในที่ทำงาน หากคุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ที่บ้าน มันไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เราเห็นว่ามีความเข้าใจผิดในการยื่นขอคืนเงินภาษี คือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการศึกษาของบุตร ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการเรียน เพราะพวกเขาต้องเรียนจากที่บ้านนั้น ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาหักภาษีได้ เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับรายได้ของคุณโดยตรง ค่าใช้จ่ายอีกประเภทที่เรามักจะเห็นผู้คนพยายามที่จะเคลมเมื่อพวกเขาต้องทำงานจากที่บ้านคือค่าที่พัก หากคุณต้องทำงานจากที่บ้าน โดยทั่วไปแล้ว คุณไม่สามารถยื่นเคลมค่าที่พัก เช่น ค่าเช่าหรือค่าดอกเบี้ยสินเชื่อในการผ่อนบ้านได้"
คุณเคน ดีโวส กล่าวว่า ระเบียบในการยื่นลดหย่อนภาษีคือ ค่าใช้จ่ายนั้นต้องเป็นค่าใช้จ่ายของคุณ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคุณ และไม่สามารถยื่นขอคืนจากนายจ้างของคุณได้เมื่อคุณต้องแจ้งรายได้ของคุณ เอทีโอจะจับตาดูให้แน่ใจว่า คนออสเตรเลียกว่า 600,000 คนที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (crypto-assets) เช่น บิตคอยน์ (BitCoin) ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น รวมรายได้นี้ไว้ในการขอคืนเงินภาษี
การยื่นภาษีปี 2021 Source: Forbes
รวมถึงการแจ้งเตือนอีกกว่า 100,000 คน ถึงหน้าที่ของพวกเขาในเรื่องของภาษีกำไรจากการลงทุน
คุณทิม โลห์ อธิบายกับเอสบีเอส ออน เดอะ มันนี่ ว่าทำไมมันถึงเป็นเรื่องจำเป็น
"สกุลเงินดิจิทัลนั้นเปรียบเสมือนสินทรัพย์ในการลงทุน ดังนั้นมันจึงเปรียบเสมือนกับหุ้น พันธะภาษีนั้นมีผลกับสกุลเงินดิจิทัลเหมือนกับหุ้น หากคุณขาย แลกเปลี่ยน หรือซื้อ-ขายสกุลเงินดิจิทัล จะมีภาษีในการทำธุรกรรม และคุณต้องรวมสิ่งเหล่านั้นในการขอคืนเงินภาษีของคุณ"
คุณโลห์กล่าวว่า ในขณะที่สินทรัพย์ดิจิทัลอาจมีมูลค่าที่ผันผวน และอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกันอาจทำให้เรื่องซับซ้อน เอทีโอพร้อมให้ความช่วยเหลือ
สำหรับหลายคนที่รับงานเสริมในช่วงวิกฤตการระบาด คุณเคน ดีโวสกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือคุณต้องรวมรายได้เหล่านั้นในการยื่นขอคืนภาษีเช่นกัน
หลายคนไม่สามารถแยกงานเสริมเหล่านี้จากงานหลักได้ ผมหมายความว่า งานเสริมเหล่านี้เป็นงานที่สร้างรายได้ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นรายได้ที่ประเมินได้ และคุณต้องเสียภาษีรายได้นี้
สำหรับผู้ที่ขอเงินช่วยเหลือจากการประสบภัยพิบัติจากโควิด-19 ในช่วงของการล็อกดาวน์ล่าสุดในหลายรัฐ คุณต้องแจ้งรายรับนี้เช่นกัน
สิ่งหนึ่งที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในปีนี้คือ วันที่สำคัญในการยื่นขอคืนภาษีของคุณ
เช่นเคย ทุกคนมีเวลาในการยื่นขอคืนภาษีจนถึงวันที่ 31 ตุลาคมปีนี้
คุณมีเวลามากขึ้น หากคุณวางแผนที่จะใช้ตัวแทนดำเนินการภาษีที่จดทะเบียน (registered tax agent) แต่คุณต้องเป็นหนึ่งในลูกค้าของพวกเขาภายในสิ้นเดือนตุลาคม
และในระหว่างที่คุณกำลังเตรียมเอกสารและยื่นแสดงภาษีผ่านบัญชีมายกอฟ (myGov) ในตอนนี้ การยื่นเอกสารก่อนเดือนสิงหาคมอาจหมายความว่า เอทีโออาจจะใช้เวลาในการดำเนินเรื่องของคุณนานขึ้น
คุณทิม โลห์ อธิบายว่า
“ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม ข้อมูลจากนายจ้าง ธนาคาร กองทุนสุขภาพ หน่วยงานราชการ และอื่นๆ จะถูกเพิ่มเข้าไปในการยื่นภาษีของคุณโดยอัตโนมัติ หากคุณต้องการยื่นก่อนกำหนด คุณควรใช้ความระมัดระวังใจการกรอกรายละเอียดรายได้ทั้งหมดของคุณ”
สำหรับประเด็นว่าคุณควรจ้างนักบัญชีเพื่อช่วยเตรียมและยื่นแสดงรายการภาษีของคุณหรือไม่ คุณเคน ดีโวส กล่าวว่านั้นขึ้นอยู่กับความยากง่ายของสถานการณ์ของคุณ
“มีหลายเหตุผลที่ผู้คนใช้บริการตัวแทนดำเนินการภาษี ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะสถานการณ์ของพวกเขาซับซ้อนกว่าเล็กน้อย มันอาจจะรวมถึงการมีทรัพย์สิน หรืออาจจะเป็นเรื่องของผลกำไรและการขาดทุนจากการลงทุน หากคุณมีรายได้ที่เข้ามาจากต่างประเทศ คุณอาจต้องแจ้งภาษีในฐานะพลเมืองออสเตรเลีย สำหรับรายได้ทั้งหมดของคุณทั่วโลก รวมถึงทรัพย์สินในต่างประเทศด้วย ปกติแล้ว หากการยื่นภาษีของคุณมีความซับซ้อนเกี่ยวเนื่องจากประเด็นเปล่านั้น อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่จะไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ”
และค่าใช้จ่ายตรงนี้สามารถเคลมคืนได้ในปีหน้า
สำหรับคนที่มีรายได้น้อย คุณอาจขอความช่วยเหลือแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายผ่านโปรแกรมความช่วยเหลือด้านภาษีของเอทีโอ (ATO’s Tax Help program)
คุณกรุณา ชินนิยา (Karuna Chinniah) นักบัญชีที่เกษียณแล้วและอาสาสมัครช่วยเหลือด้านภาษีที่สภาพหุวัฒนธรรมที่ วักกา วักกา (Wagga Wagga) กล่าวว่า ผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรกนั้น มีอาสาสมัครช่วยเหลือเรื่องภา ษีและเอทีโอพร้อมให้ความช่วยเหลือ
เราสามารถใช้บริการนักแปลและล่าม และให้พวกเขาต่อสายกับสำนักงานกรมสรรพากร เพื่อให้เจ้าหน้าที่สรรพากรสอบถามพวกเขา และทำเรื่องขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีและเอกสารอื่นๆ เพื่อให้กระบวนการยื่นภาษีดำเนินไปได้ และในบางครั้งล่ามจะช่วยผมสื่อสารกับลูกค้าให้
บริการล่ามฟรี 13 14 50
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่