Settlement Guide: จะเตรียมยื่นภาษีคืนอย่างไรปีนี้

Settlement Guide: Tax Return 2020: how to best prepare and lodge your tax returns?

Source: Getty Images

อธิบายการยื่นขอภาษีคืนปีนี้ ได้เงินจ๊อบคีพเปอร์ต้องเสียภาษีไหม มีรายได้เท่าไรจึงต้องเริ่มเสียภาษี และทำงานจากบ้านในช่วงวิกฤตโควิด-19 จะขอเคลมภาษีคืนได้ไหม เรามีข้อมูลไขข้อข้องใจในประเด็นเหล่านี้


หากคุณมีรายได้ขณะที่อยู่ในออสเตรเลียระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคมปีที่แล้ว ถึงวันที่ 30 มิถุนายนของปีนี้ คุณจะต้องยื่นรายงานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือที่เรียกกัน แทกซ์ รีเทิร์น (tax return) ภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เรามีคำแนะนำวิธีที่คุณจะสามารถขอเคลมภาษีคืน และลดภาษีที่คุณต้องจ่ายลงได้สำหรับปีการเงินนี้

กดปุ่ม 🔊ที่ภาพด้านบนเพื่อฟังรายงาน

พลเมืองออสเตรเลียและผู้อยู่อาศัยในออสเตรเลียกว่า 13 ล้านคน จะต้องยื่นรายงานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือที่เรียกกันว่ายื่นขอภาษีคืน หรือยื่นแทกซ์ รีเทิร์น (tax return) สำหรับปีนี้ ส่วนหนึ่งของกระบวนการคือ การประเมินจากกรมสรรพากรแห่งออสเตรเลีย หรือเอทีโอ ว่าบุคคลนั้นมีสิทธิ์ได้รับภาษีคืนหรือไม่ ในขณะเดียวกัน ก็มีมาตรการทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลออสเตรเลียที่ใช้ในระหว่างการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งทำให้การยื่นขอภาษีคืนปีนี้แตกต่างจากทุกปี

คุณไมเคิล ครอกเกอร์ หัวหน้าด้านภาษีออสเตรเลีย ขององค์กรวิชาชีพนักบัญชีแห่งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (Chartered Accountants Australia and New Zealand) กล่าวว่า ประชาชนที่ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งไม่ได้ถูกว่าจ้างอย่างเป็นทางการ จะได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องจ่ายภาษี

ลูกจ้างที่มีรายได้ต่ำกว่า 18,200 ดอลลาร์ จะไม่ต้องเสียภาษี แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงต้องยื่นแทกซ์ รีเทิร์น

ผู้ที่ทำงานด้วยวีซ่าเวิร์กกิง ฮอลิเดย์ ประเภท 417 และ 462 ที่มีรายได้น้อยกว่า 37,001 ดอลลาร์ ได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องยื่นแทกซ์ รีเทิร์น เช่นกัน

“โดยทั่วไปแล้ว คุณจะต้องยื่นขอภาษีคืน หากคุณมีรายได้หรือได้รับเงินเดือนและคุณได้ถูกหักภาษีแบบ PAYG ไปล่วงหน้าจากเงินเดือนของคุณ จึงสำคัญมากที่แม้ว่าคุณจะอยู่ในฐานรายได้ระดับล่าง และความจริงแล้วคุณไม่ต้องจ่ายภาษีเลย หรือไม่ต้องจ่ายภาษีมากนัก คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับเงินภาษีคืน และทางเดียวที่คุณจะสามารถได้เงินภาษีคืนคือการยื่นขอภาษีคืน หรือยื่นแทกซ์ รีเทิร์น”  คุณครอกเกอร์ นักบัญชี กล่าว

ออสเตรเลียได้ลงนามในสัญญาว่าด้วยการงดเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศต่างๆ กว่า 40 ประเทศ เพื่อแบ่งปันข้อมูลด้านการเงินของบุคคลทั่วไป เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้อน และปราบปรามการเลี่ยงภาษี สำหรับบุคคลที่มีรายได้ในต่างประเทศขณะอาศัยอยู่ที่นี่

“เป็นกฎทองที่ผมคิดว่าควรทำ คือให้สันนิษฐานว่า เอทีโอ รู้อะไรเยอะแยะเกี่ยวกับคุณมากกว่าที่คุณคิด ดังนั้น จึงควรต้องซื่อสัตย์เกี่ยวกับเรื่องภาษีและรายได้ของคุณ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีปัญหากับเอทีโอ เพราะหากพวกเขามีข้อมูลและพบว่าคุณไม่ได้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด เอทีโอ ก็มีอำนาจในการสั่งปรับและเรียกเก็บดอกเบี้ยสำหรับผู้คนที่ทำในสิ่งผิด”  คุณครอกเกอร์ แนะนำ

มีลูกจ้างในออสเตรเลียเกือบครึ่งหนึ่งที่มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยค่าจ้างจ๊อบคีพเปอร์ (JobKeepr) 1,500 ดอลลาร์ต่อสองสัปดาห์จากรัฐบาล ซึ่งเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี

“มันเป็นระบบที่มีทั้งผู้ได้ประโยชน์และผู้ไม่ได้ประโยชน์ ใช่ว่าทุกคนจะมีสิทธิ์ วันที่ 1 มีนาคมเป็นวันสำคัญที่คุณจะต้องมีรายชื่อกับนายจ้างว่าเป็นลูกจ้าง และในบางกรณี นายจ้างที่ได้ปลดลูกจ้างที่ทำงานมานานแล้วไปแล้ว ก็สามารถจ้างงานพวกเขาใหม่ได้”  คุณครอกเกอร์ อธิบาย

คุณอนันด์ ชูคลา หัวหน้านักบัญชีจากบริษัท เอ วัน แอกเคาน์แทนส์ ในเมลเบิร์น กล่าวว่า ลูกจ้างบางคนอาจมีในสถานะที่ดีกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19

“หากลูกจ้างคนหนึ่งทำงานพาร์ทไทม์อยู่ และมีชั่วโมงทำงานน้อยลง ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ควรได้รับเงินน้อยกว่า 1,500 ดอลลาร์ เพราะนั่นเป็นจำนวนชั่วโมงที่พวกเขาได้ทำงานไป แต่พวกเขายังคงมีสิทธิ์ได้รับเงินขั้นต่ำ 1,500 ดอลลาร์ เพราะเงินนี้จะมาจากรัฐบาลจ่ายให้แก่นายจ้าง เพื่อให้ไปจ่ายให้แก่ลูกจ้าง และนี่เป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ว่าเงินขั้นต่ำต้องเป็นจำนวน 1,500 ดอลลาร์

“ทีนี้ หากลูกจ้างทำงานมากชั่วโมงกว่านั้น และนายจ้างต้องจ่ายเงินให้พวกเขามากกว่า 1,500 ดอลลาร์ นายจ้างจะต้องจ่ายเงินส่วนต่างนี้เอง” คุณชูคลา นักบัญชี ชี้แจง

เงินชดเชยค่าจ้าง จ๊อบคีพเปอร์ (JobKeeper) เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนสำหรับนายจ้างบางคน แต่คุณชูคลากล่าวว่า นี่ไม่ควรยับยั้งลูกจ้างไม่ให้มีความกระตือรือร้นในการเร่งกระบวนการให้เร็วยิ่งขึ้น

“มีแบบฟอร์มของเอทีโอ ที่ลูกจ้างต้องกรอก ซึ่งเรียกว่า JobKeeper Employee Nomination Notice ลูกจ้างที่มีสิทธิ์รับเงินควรดาวน์โหลดแบบฟอร์มนี้จากเว็บไซต์ของเอทีโอ กรอกแบบฟอร์ม และส่งให้นายจ้างของคุณ จากนั้น นายจ้างจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นและส่งข้อมูลเหล่านั้นให้แก่กรมสรรพากร เพื่อจะได้รับเงินชดเชยค่าจ้างแทนลูกจ้าง”  คุณชูคลา เล่ากระบวนการ

เขายังแนะนำให้ลูกจ้างที่มีสิทธิ์ยื่นแบบฟอร์มดังกล่าวให้แก่นายจ้างอย่างเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น กระบวนการจ่ายเงินจะล่าช้าและไม่ราบรื่น
คุณชูคลา กล่าวว่า ลูกจ้างที่ทำงานขับรถอูเบอร์ (Uber) หรือรับจ้างส่งอาหารตามบ้านจำนวนมาก มีแนวโน้มสูงที่จะพลาดโอกาสขอเงินภาษีคืน เนื่องจากขาดการเก็บหลักฐานที่ดี

“คนขับรถอูเบอร์จะมีสิทธิ์ขอเคลมภาษีจากค่าน้ำมัน ค่าประกันรถ ค่าจดทะเบียนรถ ค่าซ่อมรถ และค่าบำรุงรักษารถ ค่าเช่าซื้อรถ ค่าเงินกู้ซื้อรถ ค่าล้างรถ และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถต่างๆ พวกเขายังใช้โทรศัพท์มือถือในการให้บริการ จึงสามารถเคลมค่าโทรศัพท์มือถือได้ด้วย และจากนั้น ก็จะมีค่าจ้างนักบัญชี ค่าจอดรถ หากจัดหาลูกอมและน้ำดื่มให้ผู้ใช้บริการ ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นทั้งหมดจะสามารถนำมาขอเคลมภาษีคืนได้ เพียงแต่ว่า พวกเขาจะต้องจดบันทึกหลักฐานไว้อย่างถูกต้อง” คุณชูคลา อธิบาย

รัฐบาลยังได้มีมาตรการให้ภาษีคืน 80 เซนต์ต่อชั่วโมงการทำงานสำหรับลูกจ้างในออสเตรเลียที่ต้องทำงานเป็นการชั่วคราวจากที่บ้านในช่วงวิกฤตโควิด-19

คุณชูคลา กล่าวว่า ผู้ที่ใช้พื้นที่กว้างในการทำงานจากบ้านอาจสามารถขอเคลมภาษีคืนได้ หากพวกเขามีการบันทึกหลักฐานอย่างละเอียดและใช้วิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเป็นรายการๆ ไป แทนที่จะใช้วิธีการคำนวณแบบเหมารวม

“คุณจะต้องบันทึกค่าใช้จ่ายเหล่านั้นทั้งหมด และใช้อัตราส่วนพื้นที่อาคารของบ้านของคุณ ในส่วนที่ถูกใช้เพื่อสร้างรายได้ เช่น ห้องทำงาน หรือห้องใดห้องหนึ่ง เพื่อขอเคลมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง มันเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนเล็กน้อย ที่คุณจะต้องมีบันทึกหลักฐานสำหรับค่าใช้จ่ายทุกรายการที่คุณต้องการขอเคลมภาษีคืน” คุณชูคลา ย้ำ

ผู้ประกอบกิจการเจ้าของคนเดียว (sole trader) ที่ทำงานจากบ้านมีสิทธิ์ขอเคลมภาษีคืนจากการทำงานที่บ้านได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะขอเคลมภาษีจากเงินกู้ซื้อบ้านและค่าเช่าบ้านด้วย แม้ว่าคุณชูคลาจะเตือนว่า การทำเช่นนี้อาจส่งผลต่อภาษีกำไรส่วนทุน หรือ capital gains tax สำหรับผู้เป็นเจ้าของบ้าน

“บุคคลนี้จะมีสิทธิ์ขอเคลมภาษีได้จากส่วนหนึ่งของค่าเช่าบ้าน หากเขาเช่าบ้านอยู่ หรือหากเป็นเงินกู้ซื้อบ้าน หรือหากมีการกู้เงินจากอสังริมทรัพย์หลังนี้ เขาก็มีสิทธิ์ขอเคลมภาษีส่วนหนึ่งได้เช่นกัน"

"แต่อย่างไรก็ตาม ให้ระลึกไว้ว่า หากคุณเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น และหากคุณกู้เงินมาเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น คุณจะได้รับการยกเว้นภาษีกำไรส่วนทุน หรือ capital gains tax สำหรับเคหะสถานที่คุณอาศัยอยู่เป็นหลัก หากคุณตัดสินใจขายอสังหาริมทรัพย์นั้นในอนาคต ดังนั้น หากคุณได้ขอเคลมส่วนหนึ่งไปแล้วจากภาษีเงินได้ คุณจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเล็กน้อยสำหรับภาษีกำไรส่วนทุนตามสัดส่วนที่คุณได้เคลมภาษีไปแล้วในอดีต มีกฎมากมายเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และคุณควรขอคำแนะนำจากผู้ที่เป็นมืออาชีพด้านนี้” คุณชูคลา ให้ข้อมูล

กระบวนการรวบรวมหลักฐานสำหรับการขอภาษีคืนนั้น มีวิธีที่สามารถทำได้ อย่างไม่ซับซ้อนมากนัก จากความเห็นของคุณไมเคิล ครอกเกอร์

“มันเป็นเรื่องน่าปวดหัวมากสำหรับการเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ แต่เอทีโอมีแอปพลิเคชันสำหรับโทรศัพท์มือถือ ที่คุณสามารถถ่ายรูปใบเสร็จต่างๆ ด้วยโทรศัพท์มือถือของคุณ แล้วอัพโหลดมันเข้าไปในแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า myDeductions ซึ่งเป็นวิธีการง่ายๆ ในการคอยตามหลักฐานที่เป็นกระดาษต่างๆ และเมื่อสิ้นปีการเงิน โดยทั่วไปแล้วผู้คนในออสเตรเลียจำนวนก็จะทำเพียงแค่ไปหาตัวแทนดำเนินการด้านภาษี” คุณครอกเกอร์ แนะ

คุณสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องภาษีได้ เว็บไซต์ให้ข้อมูลเป็นภาษาต่างๆ ของเอทีโอ ที่ใช้ชื่อว่า หรือให้โทรศัพท์ไปยัง เอทีโอ เพื่อขอคำแนะนำที่หมายเลข 13 28 61

หากคุณต้องการคนช่วยเหลือในการสื่อสารภาษาอังกฤษ สามารถโทรศัพท์ไปยังบริการ แปลและล่าม หรือ TIS ที่หมายเลข 13 14 50 แล้วขอให้ล่ามติดต่อไปยังบริการให้ความช่วยเหลือทางโทรศัพท์ของเอทีโอ

คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือยื่นแทกซ์ รีเทิร์นฟรี ผ่านบริการที่เรียกกันว่า Tax Help หากคุณมีรายได้น้อยกว่า 60,000 ดอลลาร์

หากต้องการข้อมูลเรื่องมาตรการทางภาษีและความช่วยเหลือสำหรับธุรกิจและบุคคลธรรมดาระหว่างวิกฤตโควิด-19 ให้ไปที่

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share