ประเด็นสำคัญ
- มุขมนตรี NSW ยืนยัน มาตรการล็อกดาวน์ใน 5 พื้นที่ทั่วซิดนีย์ ขยายเวลาออกไปจนถึงเวลา 24:01 น. ของวันเสาร์ที่ 17 ก.ค. นี้
- วันนี้รัฐนิวเซาท์เวลส์บันทึกยอดผู้ติดเชื้อโควิด 27 ราย หัวหน้า จนท.สาธารณ์สุขเผยพบ 3 จุดมีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ เขตปกครองส่วนท้องถิ่นแฟร์ฟีลด์ (Fairfield) ลิเวอร์พูล (Liverpool) และแคนเทอร์เบอรี-แบงส์ทาวน์ (Canterbury-Bankstown)
- ล็อกดาวน์รอบนี้ ไม่มี JobKeeper ช่วยเยียวยารายได้ สมาคมค้าปลีกวอนรัฐบาลสรุปความชัดเจนแผนบันได 4 ขั้นพาประเทศออกวิกฤตโรคระบาด
มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ยืนยันว่า มาตรการล็อกดาวน์ในนครซิดนีย์ ในพื้นที่เกรทเทอร์ ซิดนีย์ (Greater Sydney) วูลลองกอง (Wollongong) เชลล์ฮาเบอร์ (Shellharbour) บลูเมาน์เทนส์ (Blue Mountains) และเซนทรัล โคสท์ (Central Coast) ที่จะสิ้นสุดลงในวันศุกร์นี้ (9 ก.ค.) ถูกขยายออกไปจนถึงเวลา 24:01 น. ของวันเสาร์ที่ 17 ก.ค.นี้
โดยวันนี้ รัฐนิวเซาท์เวลส์ได้บันทึกยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในท้องถิ่น 27 ราย หนึ่งในนั้นมีผู้ติดเชื้อเพียง 13 รายที่กักตัวในระหว่างอยู่ในระยะแพร่เชื้อ แต่พบ 7 รายที่อยู่ภายในชุมชนในระยะแพร่เชื้อ และอีก 7 รายได้รับการกักตัวเป็นบางส่วนในระยะเวลาการแพร่เชื้อ
นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า เธอต้องการที่จะทำให้แน่ใจว่านี่จะเป็นการล็อกดาวน์ครั้งสุดท้าย จนกว่าประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
“เหตุผลในการล็อกดาวน์ตอนนี้ ก็เหมือนกับที่เราเคยกล่าวมา ไวรัสสายพันธุ์เดลตานั้นเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง มันสามารถส่งผ่านเชื้อได้ในระดับสูง และมันแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าไวรัสชนิดอื่น”
“เหตุผลที่รัฐบาลนิวเซาท์เวลส์เลือกทำในส่วนนี้ เพราะเราไม่ต้องการที่จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนแปลงมาตรการไปมา ระหว่างการล็อกดาวน์และไม่ล็อกดาวน์” นางเบเรจิกเลียน กล่าว
พญ.เคอร์รี แชนท์ ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ขอให้ประชาชนในพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของนครซิดนีย์ ให้ระมัดระวังการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ และขอให้ประชาชนไปรับการตรวจหาเชื้อหากมีอาการใดก็ตามของไวรัสโควิด-19
พญ.แชนท์ กล่าวว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองส่วนท้องถิ่นแฟร์ฟีลด์ (Fairfield) ลิเวอร์พูล (Liverpool) และแคนเทอร์เบอรี-แบงส์ทาวน์ (Canterbury-Bankstown) จำเป็นต้องอยู่แต่ในบ้าน และงดไปเยี่ยมหาคนที่รัก
“แต่จุดที่เราให้ความสนใจในตอนนี้ คือพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซิดนีย์ เราพบเห็นการติดเชื้อจำนวนหนึ่งในหลายครัวเรือนในพื้นที่นี้”
“สิ่งที่เราเป็นห่วงในตอนนี้ คือการป้องกันการเกิดวงจรการระบาดในอนาคต ที่มีกลุ่มก้อนการติดเชื้อจากหลานครัวเรือน ที่มีความเชื่อมโยงบางส่วนนอกเหนือจากครัวเรือนเหล่านี้” พญ.แชนท์ กล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ชาวออสฯ อายุต่ำกว่า 40 ลุ้นฉีด ‘ไฟเซอร์-โมเดอร์นา’ ปลายปี
กลับมาใช้ระบบเรียนทางไกลช่วงเปิดเทอม
ขณะที่วันเปิดภาคการศึกษากำลังจะมาถึงในสัปดาห์หน้า นักเรียนที่อาศัยอยู่ในพื้นนครซิดนีย์ 5 จุด จะต้องเรียนจากที่บ้านเพื่อลดการเคลื่อนไหวภายในชุมชน
“เราจำเป็นต้องหยุดการเคลื่อนไหว และการมีปฏิสัมพันธ์อย่างไม่ได้ตั้งใจของผู้ใหญ่หลายแสนคน ระหว่างที่กำลังรับส่งบุตรหลานในช่วงเวลาปกติ”
“มันไม่ได้แปลว่าโรงเรียนไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย แต่หลัก ๆ คือ เรากังวลว่าจะมีผู้คนมากเกินไปที่เคลื่อนไหวในชุมชนในเวลาเดียวกัน และมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน” นางเบเรจิกเลียน กล่าว
สำหรับบุตรหลาน ของคนทำงานที่มีความจำเป็น (essential worker) จะสามารถไปเรียนในสถานศึกษาได้ตามปกติ เช่นเดียวกับช่วงเวลาก่อนล็อกดาวน์ เช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ 5 ภูมิภาคที่ยังคงล็อกดาวน์ในขณะนี้
“แรงสะเทือน” ต่อผู้ประกอบการ
บิซิเนส นิวเซาท์เวลส์ (Business NSW) อธิบายถึงการขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ในครั้งนี้ว่า “เป็นแรงสะเทือน” โดยตั้งข้อสังเกตว่า การล็อกดาวน์รอบนี้ไม่มีเงินชดเชยรายได้จ๊อบคีปเปอร์ (JobKeeper) ในการช่วยซับแรงกระแทกต่อรายได้
แต่ นายแดเนียล ฮันเตอร์ (Daniel Hunter) ประธานบริหารของ Business NSW กล่าวว่า การรักษาสมดุลระหว่างแรงกดดันด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจนั้น “เป็นงานยาก” สำหรับรัฐบาล และธุรกิจต่างเข้าใจถึงความสำคัญของความปลอดภัยในชุมชนมากกว่าสิ่งใด
“มันสำคัญกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ในฐานะชุมชน ที่เราทำสิ่งที่ถูกต้องในแง่ของการปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งการเช็คอินและเช็คเอาท์ด้วยคิวอาร์โค้ด (QR Code) และการไปรับการฉีดวัคซีนเมื่อเป็นไปได้” นายฮันเตอร์ กล่าวในแถลงการณ์ วันนี้ (7 ก.ค.)
สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Association) กล่าวว่า ในขณะที่รัฐบาลรัฐนั้นมีสิทธิ์ที่จะให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในที่สาธารณะเป็นอันดับแรก แต่มูลค่าที่ต้องสูญเสียไปจากมาตรการล็อกดาวน์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
โดยสมาคม ฯ ได้เรียกร้องให้คณะรัฐบาลแห่งชาติ สรุปรายละเอียดของแผนบันได 4 ขั้น ในการออกจากวิกฤตการแพร่ระบาดใหญ่ ที่ได้มีการประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ
“โครงการสนับสนุนธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่มันไม่ใช่วิธีในเหมาะสมสำหรับการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เราต้องการ คือการที่คณะรัฐบาลแห่งชาติ ให้คำมั่นอย่างแน่ชัดในส่วนของแนวทางการฉีดวัคซีน ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว จะกำจัดความจำเป็นในการประกาศล็อกดาวน์ไปเสีย” นายโดมินิก แลมบ์ (Dominique Lamb) ประธานบริหาร สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติ กล่าวในแถลงการณ์
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
ออสเตรเลียประกาศลดโควตารับพลเมืองกลับบ้านลงครึ่งหนึ่ง