ประเด็นสำคัญในข่าว
- นักวิจัยชาวออสเตรเลียกลุ่มหนึ่งได้รับเงินสนับสนุนเพื่อพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 แบบพ่นจมูก
- เงินทุน 1 ล้านดอลลาร์จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์คิดค้นและพัฒนาวัคซีนที่อาจมีการทดลองใช้ในมนุษย์ได้ในปี 2024
- มีความท้าทายหลายอย่างในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 แบบพ่นจมูกที่มีประสิทธิภาพ
นักวิจัยชาวออสเตรเลียกลุ่มหนึ่งได้รับเงินทุนจากภาครัฐบาลในการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 แบบสเปรย์พ่นจมูก
ได้มีการมอบทุนเกือบ 1 ล้านดอลลาร์จากโครงการทุนวิจัยวัคซีนต้านโควิด-19 แบบเร่งรัดของนิวเซาท์เวลส์ (NSW COVID-19 Vaccine Acceleration Research Grants Program) ให้แก่นักวิจัยกลุ่มหนึ่งในซิดนีย์ที่มาจากสถาบันเซนทีนารี (Centenary Institute) และมหาวิทยาลัยซิดนีย์
คณะวิจัยชุดนี้ประกอบด้วย ศาสตราจารย์วาริกค์ บริตทัน ดร.แอนนาลิส แอชเฮิร์สต์ และศาสตราจารย์ริชาร์ด เพย์น
วัคซีนแบบพ่นจมูกทำงานอย่างไร?
การคิดค้นและพัฒนาวัคซีนแบบพ่นจมูกเพื่อปกป้องระบบทางเดินหายใจเป็นทิศทางใหม่สำหรับนักวิจัยต่างๆ โดยการพัฒนาวัคซีนรูปแบบใหม่นี้สานต่อจากการศึกษาวิจัยด้านการรักษาไข้หวัดใหญ่และวัณโรค
ศาสตราจารย์บริตทัน หัวหน้านักวิจัยของโครงการ กล่าวว่า การวิจัยโครงการนี้เป็นทิศทางใหม่ของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 โดยเปลี่ยนจากเป้าหมายการจำกัดอาการป่วยที่รุนแรงจากการติดเชื้อ มาเป็นการยับยั้งไม่ให้ติดเชื้อตั้งแต่แรก
“ความแตกต่างของวัคซีนที่พ่นจมูกคือมันปกป้องตั้งแต่จุดที่เกิดการติดเชื้อ มีประสบการณ์การใช้วัคซีนประเภทนี้น้อยกว่าวัคซีนประเภทอื่นๆ แม้จะมีประสบการณ์สั่งสมทั่วโลก” ศ.บริตทัน บอกกับ เอสบีเอส นิวส์
ศาสตราจารย์วาริกค์ บริตทัน หัวหน้าคณะวิจัยวัคซีนโควิดแบบฉีดพ่นทางจมูก กล่าวว่า คาดว่าการทดลองวัคซีนในมนุษย์ในออสเตรเลียจะมีขึ้นในปี 2024 Source: Supplied / Centenary Institute
ศ.บริตทัน กล่าวว่า ทีมงานได้พิจารณาเทคโนโลยีต่างๆ เกี่ยวกับวัคซีนอย่างถี่ถ้วนและพิจารณาว่าวัคซีนจะสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการพ่นจมูกได้อย่างไร โดยตัดสินใจไม่ใช้เทคโนโลยีการผลิตวัคซีนแบบเชื้อตาย ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ในวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ของจีน
แต่ทีมวิจัยได้เลือกใช้โปรตีนบนผิวเซลล์ (surface protein) ของไวรัส เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ในช่องจมูกสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ซึ่งคล้ายกับเทคโนโลยีที่ใช้ในวัคซีนโนวาแวกซ์ (Novavax) ที่พัฒนาโดยสหรัฐอเมริกา
“เราคิดว่าโปรตีนและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่เหมาะสมคือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับวัคซีนแบบพ่นจมูก และนั่นคือการศึกษาวิจัยที่เรากำลังดำเนินการอยู่” ศ.บริตทัน กล่าว
ขณะนี้ทั่วโลก กำลังมีการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนอยู่กว่า 100 ชนิด
การวิจัยเบื้องต้นแสดงให้เห็นอะไรบ้าง?
ศ.บริตทัน และคณะวิจัยชุดดังกล่าว ได้สรุปกลไกการทำงานของวัคซีนต้านโควิด-19 แบบฉีดพ่นจมูกนี้ โดยใช้หนูในการศึกษาวิจัย ซึ่งที่ตีพิมพ์ใน ในเดือนพฤศจิกายน.
เขากล่าวว่าจะต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อดูว่าการค้นพบนี้ใช้กับมนุษย์หรือไม่ แต่จนถึงตอนนี้ผลลัพธ์ที่ได้มีแนวโน้มในทิศทางที่ดี
จากในการศึกษาในหนู คณะวิจัยได้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกันหลังจากที่หนู 6 ตัวได้รับวัคซีนโควิดทางจมูก
มีการให้วัคซีนสามครั้งห่างกันสองสัปดาห์ วัคซีนประกอบด้วยโปรตีนหนามที่เรียกว่า Pam2Cys ซึ่งออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีจำเพาะขึ้นมา
เมื่อเปรียบเทียบกับหนูกลุ่มอื่นที่อยู่ภายใต้การควบคุม ผู้เขียนพบผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญนั่นคือ การป้องกันการติดเชื้อได้อย่างสมบูรณ์และมี "การสร้างภูมิคุ้มกันในปอดให้ปราศจากเชื้อ" ได้หลังผ่านไป 8 สัปดาห์
นี่เป็นเป้าหมายที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนต้านโควิดแบบพ่นจมูก
วัคซีนต้านโควิดแบบพ่นจมูกที่ใช้กับมนุษย์จะมีประสิทธิภาพแค่ไหน?
ในขั้นนี้ ในระดับโลกยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลโดยละเอียดจากการทดลองในมนุษย์ในวงกว้าง
ศ.บริตตัน กล่าวว่า เมื่อมีความมั่นใจในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้วัคซีนกับมนุษย์แล้ว กลุ่มประชากรส่วนหนึ่งจะได้รับประโยชน์เป็นพิเศษจากราคาวัคซีนที่ถูกกว่า สะดวก และทำด้วยจากวิธีที่ไม่รุกล้ำร่างกาย
เด็กที่อายุน้อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่คุ้นกับเข็มฉีดยา จะเป็นประชากรกลุ่มหนึ่งที่จะได้รับประโยชน์ ศ.บริตตัน กล่าว
อีกกลุ่มหนึ่งที่จะได้ประโยชน์คือผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งได้รับการปกป้องจากภูมิคุ้นกันจากวัคซีนในระดับที่น้อยกว่าประชากรทั่วไป
เขาคาดว่าการทดลองในมนุษย์ในออสเตรเลียจะดำเนินการในปี 2024 และคาดว่าวัคซีนนี้จะเริ่มใช้ได้ในออสเตรเลียในไม่กี่ปีหลังจากนั้น
วัคซีนประเภทใหม่นี้จะทำให้เราได้เปรียบในการจัดการกับโควิดหรือไม่?
นอกจากนี้ วัคซีนประเภทใหม่นี้มีแนวโน้มจะช่วยลดภาระการเจ็บป่วยของประชากรในวงกว้าง ที่เกิดจากการติดเชื้อโควิดซ้ำและภาวะลองโควิด (long COVID)
ศ.บริตทัน กล่าวว่า ผลจากการทดลองในมนุษย์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการค้นพบประโยชน์ต่างๆ ทั้งหมดจากการติดเชื้อที่ลดลง แต่เขาเตือนว่าวัคซีนแบบพ่นจมูกเพียงอย่างเดียวไม่สามารถขจัดไวรัสโควิดให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง
เขากล่าวว่าเป้าหมายคือลดระดับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในชุมชน
"ผมไม่มั่นใจขนาดนั้น ที่จะบอกว่าวัคซีนนี้เพียงอย่างเดียวจะกำจัดไวรัสโควิดให้หมดไปได้ ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกคือเชื้อไวรัสนี้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น คือมันเปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่แพร่กระจายในชุมชน " ศ.บริตทัน กล่าว
"และมีสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้ ที่เราและคนอื่นๆ กำลังหาวิธีผลิตวัคซีนที่ป้องกันเชื้อได้หลายสายพันธุ์พร้อมกัน"
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ผู้เชี่ยวชาญย้ำชุดตรวจโควิดใช้การได้ แต่ใช่ว่าจะไม่มีการผิดพลาดเสียเลย