This article is more than 1 year old
ผู้หญิงที่หนีความรุนแรงในครอบครัวถูกบีบให้ต้องดิ้นรนหาบ้านเช่า
ผู้หญิงที่หนีความรุนแรงในครอบครัวกำลังถูกบีบให้เข้าสู่ตลาดบ้านเช่า เนื่องจากการขาดแคลนที่พักชั่วคราวสำหรับหลบภัย
Published 14 August 2023 2:57pm
By Sandra Fulloon
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS
Image: ขณะที่ค่าครองชีพในออสเตรเลียพุ่งสูง การโทรศัพท์ไปยังสายด่วนให้ความช่วยเหลือด้านความรุนแรงในครอบครัวก็พุ่งสูงเช่นกัน (SBS)
บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวและการล่วงละเมิดทางเพศ ที่อาจทำให้ผู้อ่านไม่สบายใจ
‘มายา’ (ไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ) เป็นผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว เธอพยายามดิ้นรนที่จะยืนได้ด้วยขาของตนอีกครั้ง หลังจากความหวังที่จะมีชีวิตใหม่ในออสเตรเลียกลายเป็นฝันร้าย
มายาบอกกับ เอสบีเอส นิวส์ ว่า หลังเดินทางมาถึงออสเตรเลียในฐานะเจ้าสาวคนใหม่ เธอเหมือนถูกจับเป็นตัวประกันเป็นเวลาเกือบห้าเดือน
“ฉันรู้สึกกลัว (อดีตสามี) มาก เพราะเขาทะเลาะกับฉันอย่างหนัก” มายากล่าว
“เขาทำแบบเดิม ๆ ทุกวัน คือมาบ้านสองชั่วโมงแล้วพยายามมีเพศสัมพันธ์ ถ้าฉันปฏิเสธเขา เขาจะทะเลาะกับฉัน ตบและเตะท้องฉัน จากนั้นเขาจะผลักฉันให้ลงไปนอนที่ฟูก แล้วก็ออกไป”
“เขาบอกฉันว่าฉันจะออกไปข้างนอกไม่ได้ ไม่ได้แม้แต่จะออกนอกห้อง”
มายาแต่งงานกับชายที่เธอเลือก แทนที่จะยอมแต่งกันคนที่ครอบครัวเลือกให้ ครอบครัวของเธอในอินเดียซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ยอมให้เธอแต่งงานอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก
“ฉันไม่ต้องการมาต่างประเทศ แต่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อเขา” มายากล่าว
“ประเทศนี้ใหม่สำหรับฉัน และหลังจากนั้น 3-4 วัน (หลังจากที่ฉันมาถึง) เขาก็เริ่มทำเรื่องแย่ ๆ กับฉัน”
เพราะทักษะภาษาอังกฤษที่จำกัด และพลัดพรากจากครอบครัวและเพื่อนฝูง มายาบอกว่าเธอต้องทนกับการถูกล่วงละเมิดทางเพศที่เลวร้ายลงทุกวัน และเธอไม่รู้ว่าเธอสามารถขอความช่วยเหลือจากหมายเลขโทรศัพท์ 000 ได้
“ตอนที่เขาทะเลาะกับฉัน อดีตสามีมักบอกเสมอว่า ‘ผมเป็นพลเมืองของที่นี่ คุณไม่สามารถทำอะไรได้ คุณโทรหาตำรวจก็ไม่ได้’
“ฉันรู้สึกกลัวมากเพราะฉันอยู่คนเดียวที่นี่ มันยากลำบากมากสำหรับฉัน”
ความรุนแรงในครอบครัวเป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งของการไร้บ้านสำหรับผู้หญิงและเด็ก จากข้อมูลของฟูล สต็อป ออสเตรเลีย (Full Stop Australia) ที่ให้บริการทั่วประเทศที่ให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือ
เนื่องจากวิกฤตค่าครองชีพและที่อยู่อาศัยของออสเตรเลียกำลังเลวร้ายลง จึงมีผู้โทรศัพท์ไปขอรับความช่วยเหลือจาก ฟูล สต็อป ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ปีนี้เราเห็นผู้คนโทรเข้ามาขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น 15-20 เปอร์เซ็นต์” คุณทารา ฮันเตอร์ รักษาการซีอีโอ ของฟูล สต็อป ออสเตรเลีย (Full Stop Australia) กล่าว
“เมื่อเราเห็นความกดดันเพิ่มขึ้นในครัวเรือน เราก็จะเห็นจำนวนผู้ที่ประสบความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้น”
“นี่คือวิกฤตระดับชาติและเราจำเป็นต้องดำเนินการทันที และไม่ใช่แค่การตอบสนองของตำรวจเท่านั้น เราจำเป็นต้องจัดหาทรัพยากรให้สำหรับระบบ (ช่วยเหลือ)”
คุณทารา ฮันเตอร์ รักษาการซีอีโอ ของฟูล สต็อป ออสเตรเลีย (Full Stop Australia) Source: Supplied
“นั่นสร้างความตึงเครียดให้กับ (เหยื่อ-ผู้รอดชีวิต) ทั้งเรื่องความปลอดภัยและที่สำคัญกว่านั้นคือเรื่องความสามารถในการฟื้นตัว”
“การขาดแคลนที่พักหมายความว่า ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถออกจากความรุนแรงได้ หรือพวกเขาอาจเข้าไปยังที่พักฉุกเฉินและรู้สึกว่าถูกบีบให้กลับไปยังที่พักที่ไม่ปลอดภัย”
“ดังนั้น เราจึงต้องการทรัพยากรสำหรับเรื่องนี้อย่างแท้จริง และเราจำเป็นแก้ไขความเครียดจากการเช่าที่พัก”
ที่พักพิงเพื่อหลบภัยสำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่จะเต็ม และความต้องการที่พักพิงเหล่านี้ก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย คุณฮันเตอร์ กล่าว
ที่พักพิงแห่งหนึ่งในพื้นที่ชายฝั่งทางเหนือของซิดนีย์ ซึ่งได้เงินทุนดำเนินการจากเอกชน
ที่พักพิงแห่งนี้เป็นบ้านสองชั้นย่านชานเมือง ซึ่งสามารถให้พี่พักพิงระยะสั้นแก่ผู้หญิงสูงสุด 8 คน และมักเต็มอยู่เสมอ ผู้หญิงจะอยู่ที่นั่นได้จนกว่าพวกเธอจะมีอิสระทางการเงินและสามารถจ่ายค่าเช่าบ้านเองได้
“ทุกคนหลบหนีจากสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว หรือไม่ก็เป็นผู้ที่ไร้ที่อยู่อาศัย” คุณแคเทอรีน น็อกซ์ ของที่พักพิงสำหรับผู้หญิง ฮอร์นส์บี คูริงไก กล่าว
ห้องครัวในที่พักพิงเพื่อหลบภัยสำหรับผู้หญิงแห่งหนึ่งในซิดนีย์ Source: SBS / Sandra Fulloon
มายารู้สึกขอบคุณที่ได้ที่พักในสถานพักพิงเพื่อหลบภัยสำหรับผู้หญิงแห่งหนึ่ง หลังจากหนีจากผู้ทำทารุณต่อเธอออกมาได้ในที่สุด และสุขภาพของเธอก็ค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น
“เป็นเวลาหลายเดือนที่ถูกทารุณ ฉันแทบไม่ได้กินอะไรเลย ดังนั้นสภาพของฉันแย่มาก ในที่สุดฉันก็บอกเพื่อนของฉันในอินเดียเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
“พวกเขาแนะนำให้ฉันโทรไปที่เบอร์ 000 แล้วฉันก็ทำตาม จากนั้นฉันก็วิ่งไปที่สถานีตำรวจ”
ศาสตราจารย์ แมนจูลา โอคอนเนอร์ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรุนแรงทางเพศ ระบุว่า เหยื่อ-ผู้รอดชีวิตหลายคนกลัวที่จะออกจากสถานการณ์ที่ถูกทารุณ และผู้หญิงที่เป็นผู้ย้ายถิ่นฐานต้องเผชิญกับความยากลำบากอื่น ๆ ด้วย
“การย้ายถิ่นทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงมากขึ้น พวกเธอมีข้อมูลน้อยกว่า เข้าถึงความช่วยเหลือได้น้อยกว่า พวกเธอมักจะโดดเดี่ยว พวกเธอมักไม่มีเครือข่ายสนับสนุนอย่างที่ครอบครัวจะให้ได้ที่ประเทศบ้านเกิด”
ศาสตราจารย์ แมนจูลา โอคอนเนอร์ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรุนแรงทางเพศ Source: Supplied
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลียพบว่า เกือบ 1 ใน 4 (ร้อยละ 23) ของผู้หญิงอายุ 15 ปีขึ้นไปในออสเตรเลียเคยประสบกับความรุนแรงจากคนรักหรือคู่ครอง
ศ.โอคอนเนอร์ กล่าวว่า ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัวที่ถือวีซ่าชั่วคราวในออสเตรเลียมีความเสี่ยงถูกทารุณเป็นพิเศษ เนื่องจากสถานะวีซ่าของพวกเธออาจถูกใช้เพื่อข่มขู่ได้
“หากสามีเป็นสปอนเซอร์วีซ่า พวกเขาก็มักจะรู้เรื่องระบบมากกว่า” ศ.โอคอนเนอร์กล่าว
“นั่นหมายความว่าเขามีอิทธิพลสูง และบ่อยครั้งหนึ่งในอุบายที่ผู้กระทำผิดใช้คือยกเลิกการเป็นสปอนเซอร์สำหรับวีซ่าผู้พำนัก”
ศ.โอคอนเนอร์กล่าวว่า ผู้หญิงจากบางวัฒนธรรม รวมทั้งอินเดีย มักกลัวหรือไม่สามารถกลับไปหาครอบครัวที่ประเทศบ้านเกิดของตนได้หากชีวิตสมรสพังทลายลง
“มีตราบาปและความอัปยศมากมายที่การแต่งงานครั้งนี้ล้มเหลวและผู้หญิงคนนั้นถูกหย่าร้าง ซึ่งนั่นทำให้ครอบครัวของพวกเขามีมลทิน”
“มันอาจหมายความว่าน้องสาวอาจไม่แต่งงาน เพราะดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่ครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างมาก”
เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียได้อนุมัติให้ผู้ถือวีซ่าชั่วคราวที่หลบหนีจากความรุนแรงในครอบครัวสามารถได้รับความช่วยเหลือเช่นเดียวกับพลเมืองออสเตรเลีย โดยเพิ่มการจ่ายเงินช่วยเหลือจาก 3,000 ดอลลาร์เป็น 5,000 ดอลลาร์ แต่กระนั้น ศ.โอคอนเนอร์ กล่าวว่า จำเป็นต้องมีความช่วยเหลือให้มากกว่านี้
“ไม่มีที่พักพิงเพื่อหลบภัยสำหรับผู้หญิงที่เพียงพอ สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้หญิงต้องแชร์ห้องนอนกับผู้หญิงคนอื่น และนั่นไม่ใช่สถานการณ์ที่อยากให้เป็น”
“และบางครั้งผู้หญิงก็กลับไปหาผู้ก่อเหตุ”
ตอนนี้มายาอาศัยอยู่ในบ้านเช่าร่วมกับผู้หญิงคนอื่น ๆ จากอินเดีย เธอยังได้วีซ่าผู้ลี้ภัย และมีงานพาร์ทไทม์ทำอีกด้วย
และเธอรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่พลิกชีวิตของเธอ
“ผู้คนได้ช่วยเหลือฉันมากมาย ซึ่งส่งเสริมให้ฉันได้ทำงานที่นี่ ได้เรียนที่นี่ ตอนนี้ ฉันก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้”
หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ สามารถติดต่อ 1800RESPECT ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1800 737 732 หรือเข้าไปที่ 1800RESPECT.org.au ในกรณีฉุกเฉิน โทร 000
ติดต่อบริการช่วยแก้ไขพฤติกรรมความรุนแรงสำหรับผู้ชาย No to Violence ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1300 766 491
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เกือบ 600 คนถูกตำรวจตั้งข้อหาความรุนแรงในครอบครัวใน NSW
Share