1. ไม่มีใครนั่งเบาะหน้าเวลาขึ้นแท็กซี่กันแล้ว
ในออสเตรเลียนั้น ผู้ที่เดินทางด้วยรถแท็กซี่เพียงคนเดียวมักจะขึ้นมานั่งเบาะหน้า และพูดคุยกับคนขับไประหว่างทาง ซึ่งต่างจากที่อื่น ๆ ทั่วโลก อย่างเช่นในกรุงลอนดอน ซึ่งผู้โดยสารมักจะถูกกีดกันจากการนั่งเบาะหน้า ส่วนประตูฝั่งผู้โดยสารก็มักจะถูกล็อก
แต่การแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น ด้วยคำแนะนำต่าง ๆ ในการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้หลายคนที่ขึ้นรถแท็กซี่ต่างตรงเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง ซึ่งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นจนถึงทุกวันนี้
2. เรายังสั่งเบียร์ดื่มด้วยการสแกน QR code
เทคโนโลยี QR Code เป็นที่นิยมมานานแล้วในหลายประเทศของทวีปเอเชียมาตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 และหากร้านไหนในออสเตรเลียนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ก็อาจจะถูกมองว่าพยายามที่จะไฮเทคมากเกินไปในเวลานั้น แต่ทุกวันนี้ มันสามารถพบได้ทุกที่
แม้การเช็คอินก่อนเข้าสถานบริการต่าง ๆ ในออสเตรเลียจะไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว แต่ QR Code ก็ยังคงอยู่ตามร้านอาหารเพื่อเป็นลิงก์ไปยังเมนูต่าง ๆ และมีไว้สำหรับการสั่งอาหารและเครื่องดื่มของลูกค้า มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ผู้คนจะสั่งเบียร์ที่โต๊ะแทนที่จะเดินไปสั่งที่บาร์
แม้การแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 จะทำให้ต้องคิดอีกครั้งในการกดปุ่มต่าง ๆ บนระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงการใช้ราวมือจับหากไม่ได้นำน้ำยาล้างมือติดตัวมาด้วย แต่บางสี่แยกได้มีการนำปุ่มกดต่าง ๆ ออกไปจนหมด
แม้ฝาครอบปุ่มกดที่ติดตั้งไว้ชั่วคราวตามทางข้ามถนนบางแห่งจะถูกนำออกไปแล้วหลังการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ แต่ก็ยังคงเหลืออยู่ในบางสี่แยก อย่างเช่น ในย่านซีบีดีของนครซิดนีย์
นอกจากวางเรื่องความเขินทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อทักทายผู้คน และการปฏิบัติตามบรรทัดฐานของสังคมและวัฒนธรรมแล้ว สิ่งต่างๆ ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นในช่วงที่มีการระบาดใหญ่จากคำแนะนำในการเว้นระยะห่างทางสังคม
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ผู้เชี่ยวชาญย้ำชุดตรวจโควิดใช้การได้ แต่ใช่ว่าจะไม่มีการผิดพลาดเสียเลย
บางคนยังคงตระหนักถึงวิธีที่พวกเขาทักทายและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ ขณะที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในออสเตรเลียอย่างต่อเนื่อง
การถามก่อนว่า “ขอกอดได้ไหม” กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว และแทนที่จะจับมือกันอย่างเป็นทางการ ตอนนี้การกล่าวเพียงคำทักทายโดยเก็บมือทั้งสองไว้ข้างตัวก็เป็นที่ยอมรับในสังคมได้มากขึ้น
5. เราเคยชินกับถนนที่เงียบลง
การขับรถไปทำงานอาจเป็นฝันร้ายรายวันของผู้คนในออสเตรเลียที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ แต่การทำงานจากที่บ้านที่เพิ่มขึ้น หมายความว่าระดับการจราจรบนท้องถนนจะยังไม่กลับมาเป็นเช่นเดียวกับก่อนการแพร่ระบาดใหญ่
ตัวเลขจาก Traffic Volume Viewer ของหน่วยงานคมนาคมขนส่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ (Transport for NSW) ซึ่งแสดงการจราจรที่ผ่านไปมาบนทางด่วนคาฮิล (Cahill Expressway) โดยจับภาพพาหนะที่ข้ามสะพานฮาเบอร์ (Harbour Bridge) ในนครซิดนีย์ พบว่ายังไม่กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนการแพร่ระบาดใหญ่
ในเดือนมีนาคม 2019 มีรถประมาณ 7,000 คันที่เดินทางลงไปทางใต้ของซิดนีย์ในชั่วโมงเร่งด่วนช่วงเช้าในวันธรรมดาของแต่ละสัปดาห์ แต่ตัวเลขดังกล่าวได้ลดลงมาอยู่ที่ราว 5,000 คันในเกือบทุกสัปดาห์ของเดือนมีนาคม 2022
ทุกวันนี้ การจราจรที่มุ่งหน้าไปทางเหนือของเมืองในชั่วโมงเร่งด่วนช่วงบ่ายเกือบกลับมาสู่ระดับปกติ โดยเฉพาะในวันจันทร์ วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ของแต่ละสัปดาห์ โดยปริมาณการจราจรในปีนี้คล้ายคลึงกับระดับของปี 2019 แต่ต่ำกว่าเล็กน้อยในวันอังคารและวันพุธ
Traffic volumes crossing the Sydney Harbour Bridge have not completely returned to normal levels. Source: AAP
6. การยกเลิกแผนในนาทีสุดท้ายกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้มากขึ้น
คุณสมบัติใหม่อีกอย่างหนึ่งของความปกติใหม่ในโควิด-19 นั่นคือการที่เพื่อนและครอบครัวยกเลิกแผนต่าง ๆ แบบนาทีสุดท้าย เมื่อพวกเขาเริ่มมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ แม้ว่าจะเพียงแค่มีน้ำมูกไหลหรือเริ่มเจ็บคอ ผู้คนต่างเลือกที่จะอยู่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ชุดตรวจโควิดของคุณใช้ได้จริงหรือไม่? จะบอกได้อย่างไร?
และเนื่องจากเป็นแนวทางด้านสาธารณสุขที่ได้รับคำแนะนำ จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจอีกต่อไปหากคนอื่น ๆ จะโอเคด้วยกับการที่คุณต้องยกเลิกแผนต่าง ๆ ในนาทีสุดท้าย
Source: Twitter
7. เรายังคงทำงานกันจากโต๊ะในห้องครัว
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนโดยการแพร่ระบาดใหญ่นี้ นั่นคือการทำงานจากบ้านที่เพิ่มขึ้น
บรรดานายจ้างที่คิดว่าจะทำให้พบเห็นการกลับมาทำงานที่สำนักงานของลูกจ้างเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของการแพร่ระบาดใหญ่เป็นอันต้องผิดหวัง เพราะลูกจ้างจำนวนมากต่างก็ไม่ต้องการละทิ้งความสะดวกสบายของการทำงานบนโต๊ะในห้องครัว
ผู้คนจำนวนมากทำงานจากที่บ้านเป็นเวลาหลายวันต่อสัปดาห์ มีบางคนที่ย้ายออกไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนภูมิภาคอย่างถาวร ทำให้กลับมาทำงานในสถานที่ทำงานของลูกจ้างโดยรวมนั้นเป็นไปได้น้อยมาก
การมีชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์ ตั้งแต่การโทรหาคนที่รักผ่านซูม สตรีมดูบทเรียนสอนโยคะ หรือสั่งซื้อข้าวของที่จำเป็นทางแอปพลิเคชันยังคงดำเนินต่อไป
People love being able to work from home. Source: AAP / Joe Giddens/PA/Alamy
8. ในที่สุดเราก็ต้อนรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่
แม้สถานที่ทำงานในออสเตรเลียหลายแห่งจะกระตุ้นให้ลูกจ้างไปรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี แต่ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ไปฉีดวัคซีนดังกล่าว
ข่าวสารเกี่ยวกับความสำคัญของการฉีดวัคซีนในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อาจเปลี่ยนความเข้าใจและทัศนคติของผู้คน และกระตุ้นให้พวกเขาไปเข้าคิวรอรับการฉีดวัคซีน
ในปี 2019 ณ จุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดใหญ่ มีชาวออสเตรเลียประมาณ 7.5 ล้านคนไปรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ระหว่างวันที่ 1 มี.ค.-7 ธ.ค. ตัวเลขดังกล่าวเติบโตขึ้นเป็น 9 ล้านคนเมื่อปี 2021 อย่างไรก็ดี การเริ่มบังคับรายงานการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ลงใน Australian Immunisation Register ในปีนั้นก็อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มีผลต่อทัศนะคติในการไปรับฉีดวัคซีนของประชาชน
ทั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุขของออสเตรเลียระบุว่า เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ที่ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านคน
More Australians are now getting flu shots. Source: AAP
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
คุณมีสิทธิ์รับวัคซีนบูสเตอร์ และยาต้านโควิด-19 หรือไม่
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
'ไร้บ้านทั้งๆ ที่มีงานทำ' วิกฤตบ้านเช่าในออสเตรเลีย