ประเด็นสำคัญ
- ผู้ว่าการอาร์บีเอ กล่าวว่า เขาเป็นห่วงว่าธนาคารจะไม่ส่งอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นไปยังบัญชีเงินฝากเร็วเท่ากับที่พวกเขาขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อซื้อบ้าน
- แต่เขากล่าวว่าอัตราการรีไฟแนนซ์ที่สูงกำลังบีบให้ธนาคารต่างๆ ต้องลดอัตราดอกเบี้ยดึงดูดลูกค้าใหม่
- การรีไฟแนนซ์สำหรับผู้กู้เงินซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัยเอง แตะระดับ 13,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม
ธนาคารกลางได้กระตุ้นให้ผู้กู้และผู้มีเงินออมเสาะหาธนาคารที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่า เพื่อสร้างแรงกดดันให้ธนาคารต่างๆ ต้องแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าแก่ลูกค้า
นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย หรืออาร์บีเอ กล่าวว่า เขากังวลว่าธนาคารจะไม่ส่งอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นให้แก่บัญชีเงินฝากเร็วเท่ากับที่พวกเขาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน
แต่เขากล่าวว่าอัตราการรีไฟแนนซ์ที่สูงทำให้ธนาคารต้องให้ส่วนลดเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.60 เปอร์เซ็นต์จากอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
“แม้ว่าอัตราที่ธนาคารเรียกเก็บได้เพิ่มขึ้น 3.0 เปอร์เซ็นต์ แต่อัตราจริงที่ผู้คนจ่ายนั้นเพิ่มขึ้นน้อยกว่านั้นมาก” ดร. โลว์ กล่าวกับคณะกรรมการรัฐสภาเมื่อวันศุกร์
"หากผู้คนกำลังเปลี่ยนผู้ให้กู้ ธนาคารก็จะต้องหาวิธีรับมือ"
นางมิเชล บุลล็อกค์ รองผู้ว่าการอาร์บีเอ กล่าวว่า มีอัตราการรีไฟแนนซ์สูงเป็นประวัติการณ์ โดยครัวเรือนต่างๆ ยังคงเสาะหาธนาคารที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่า ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พัฒนาขึ้นในช่วงโควิด เมื่อพวกเขามีเวลาเหลือเฟือในการจัดการเรื่องการเงินของตน
การรีไฟแนนซ์สำหรับผู้กู้เงินซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่เองอยู่ที่ 13,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย ซึ่งต่ำกว่าสถิติ 13,400 ล้านดอลลาร์ ที่พบในเดือนพฤศจิกายนเพียงเล็กน้อย
“ผู้คนกำลังเปลี่ยนผู้ให้กู้ และฉันคิดว่านี่อาจตรงกันข้ามกับเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่ผู้คนไม่เปลี่ยนผู้ให้กู้เลย” นางบุลล็อกค์ กล่าว
คณะกรรมการด้านการแข่งขันและผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย หรือเอทริปเปิลซี (ACCC) กำลังตรวจสอบว่าธนาคารกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้มีเงินออมและผู้กู้เงินซื้อบ้านอย่างไร เพื่อตรวจดูว่าอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานที่เพิ่มขึ้นถูกส่งต่อไปให้ผู้บริโภคอย่างยุติธรรม
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังได้ย้ำการคาดการณ์ของพวกเขาว่า จะเกิดสถานการณ์มูลค่าสินทรัพย์ของบ้านที่จำนองกับธนาคารนั้นติดลบ (negative equity) ภายใต้การคาดการณ์ของธนาคารกลางว่าจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า
ขณะนี้บ้านที่จำนองกับธนาคารนั้นเกือบร้อยละ 0.5 มีมูลค่าสินทรัพย์ติดลบ (negative equity) ซึ่งก็คือสถานการณ์ที่เงินที่กู้หรือหนี้สำหรับบ้านมีจำนวนสูงกว่ามูลค่าของบ้านหลังนั้นในตลาด
ดร.แบรด โจนส์ ผู้ช่วยผู้ว่าการอาร์บีเอกล่าวว่า หากราคาบ้านลดลงอีก 10 เปอร์เซ็นต์ อัตรส่วนของสินเชื่อที่ติดลบจะเพิ่มเป็น 1 เปอร์เซ็นต์ และหากราคาลดลงอีก 20 เปอร์เซ็นต์ อัตราส่วนของสินเชื่อที่อยู่ในสถานการณ์นี้จะอยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์
ดร. โจนส์กล่าวว่า "เหตุผลสำคัญสำหรับเรื่องนี้ก็คือ ในช่วงที่โควิดระบาดใหญ่มีการให้สินเชื่อมากขึ้นตามมาตรฐานที่อัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่าของสินทรัพย์ที่ต่ำ (low loan-to-value ratios)" ดร. โจนส์ กล่าว
"นั่นเป็นอันตรายต่อความยืดหยุ่นได้ของงบประมาณครัวเรือน ในด้านความสามารถของพวกเขาที่จะรับมือกับราคาบ้านที่ลดลงโดยไม่ตกอยู่ในสถานการณ์จำนวนหนี้สูงกว่ามูลค่าบ้าน"
ดร. โจนส์กล่าวว่า การชำระเงินกู้คืนที่ต้องจ่ายมากขึ้นในแต่ละงวดส่งผลกระทบที่แตกต่างกันสำหรับผู้กู้แต่ละราย
"ในด้านหนึ่ง เรามีผู้มีเงินกู้ซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัยเองด้วยอัตราดอกเบี้ยผันแปร (variable rate) จำนวนครึ่งหนึ่งที่มีการชำระเงินจำนองล่วงหน้ามากกว่าหนึ่งปี อันที่จริงแล้วราว 1 ใน 3 มีการชำระเงินล่วงหน้ามากกว่าสองปี”
"ในอีกด้านหนึ่ง เราสังเกตว่าราวร้อยละ 10 ของผู้กู้ที่ไม่ใช่เพื่ออยู่อาศัยเองด้วยอัตราดอกเบี้ยผันแปร ซึ่งแทบไม่มีเงินสดสำรองเลยหลังจากที่พวกเขาชำระเงินกู้ซื้อบ้านและจ่ายค่าครองชีพของตนแล้ว"
เขากล่าวว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าบางครัวเรือนกำลังเจ็บปวด และธนาคารกลางกำลังพิจารณาผลกระทบที่ไม่สมส่วนของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจด้านนโยบายการเงิน
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านน่าจะเพิ่มอีกเท่าไรในปีนี้?