จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในออสเตรเลียกำลังเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่หลายรัฐประกาศฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี และขอให้ประชาชนออกมารับการฉีด
แต่หน่วยงานสนับสนุนด้านพหุวัฒนธรรม อย่าง โมฮัมเหม็ด อัล-คาฟาจี (Mohammad Al-Khafaji) ประธานบริหารสมาพันธ์สภาชุมชนชาติพันธุ์แห่งออสเตรเลีย (The Federation of Ethnic Communities Councils of Australia หรือ FECCA) กังวลว่าข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพอาจไปไม่ถึงชุมชนที่มีภูมิหลังหลากวัฒนธรรมและภาษา (CALD)
“ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพจากรัฐบาลทั่วออสเตรเลียจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุง” นายอัล-คาฟาจี กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์
“เราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่า ชุมชน (พหุวัฒนธรรม) เข้าใจธรรมชาติที่แตกต่างของฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ในรอบนี้”
“เราต้องกระตุ้นให้ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีน ไม่ใช่แค่โควิด-19 แต่รวมถึงไข้หวัดใหญ่ด้วย เพราะรู้ว่ามันอาจเป็นอันตรายพอ ๆ กันกับชุมชนเหล่านี้”
ข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขของออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่า ออสเตรเลียได้บันทึกยอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มากกว่า 38,000 รายในปีนี้ ประมาณร้อยละ 70 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดที่บันทึก (หรือมากกว่า 26,000 ราย) ได้รับการรายงานในเวลาเพียง 2. สัปดาห์ในเดือนนี้ ระหว่างวันที่ 9-22 พ.ค.ที่ผ่านมา
นพ.คริส มอย (Chris Moy) รองประธานแพทยสมาคมแห่งออสเตรเลีย (AMA) กล่าวว่า นั่นคือตัวอย่างเพียงเล็กน้อยของการติดเชื้อในภาพรวมเนื่องจากการตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่และการรายงานผู้ติดเชื้อที่มีผลเป็นบวกไม่ใช่มาตรการบังคับ ดังนั้นการติดเชื้อโดยส่วนมากจึงไม่ได้รับการบันทึก
การเพิ่มสูงขึ้นของผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ถึงระดับที่ 5 รัฐของออสเตรเลีย ได้แก่ รัฐควีนส์แลนด์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐวิกตอเรีย รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประกาศให้การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่าย
“(หน่วยงานสาธารณสุขที่ดำเนินการโดยรัฐบาล) กำลังเป็นห่วงอย่างมาก มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาลหลายพันคน ซึ่งเราจะถูกท่วมท้นโดยผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เวลานี้ไม่ได้” นพ.มอย กล่าว
“ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลรัฐทำการตัดสินใจเช่นนี้ ด้วยการพยายามลดโอกาสที่ไข้หวัดใหญ่จะกลายเป็นอีกปัญหาที่ทำให้โรงพยาบาลล้น”
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
VIC ประกาศฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ผู้คนในรัฐฟรี
แต่ก็มีเสียงเรียกร้องอย่างเร่งด่วนให้ไปรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปยังชุมชนที่มีภูมิหลังวัฒนธรรมและภาษา
นายอัล-คาฟาจี กล่าวว่า แม้จะมีการทำงานที่น่ายกย่องในส่วนนี้ แต่ยังคงมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก
“ชุมชนพหุวัฒนธรรมบางชุมชนและชุมชนผู้ลี้ภัยที่เพิ่งมาถึงใหม่ ยังไม่ได้รับข้อมูลด้านสุขภาพสำคัญที่พวกเขาต้องการ” นายอัล-คาฟาจี กล่าว
“เรารู้ก็เพราะว่าเราพบเห็นผลกระทบที่สร้างความเสียหายจากโควิด-19 ที่มีต่อผู้คนเหล่านั้น ไม่ว่าจะสถานการณ์ในอาคารหลายแห่งที่เมลเบิร์น หรือสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นทางตะวันตกของนครซิดนีย์”
“ดังนั้นเราจึงทราบดีว่า รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องดำเนินการและจะต้องเข้าใจจริง ๆ ว่าอะไรที่ผิดพลาด และทำให้แน่ใจว่าเรามีระบบและกระบวนการในการมีส่วนร่วมกับชุมชนเหล่านั้น”
ริตา ปราซัด-อิลเดส (Rita Prasad-Ildes) กรรมการผู้จัดการของ World Wellness Group คลินิกสุขภาพพหุวัฒนธรรมในนครบริสเบนที่มีลูกค้าจาก 145 กลุ่มชาติพันธุ์ เธอกล่าวว่าแม้สถานการณ์โควิด-19 จะผ่านมา 2 ปีแล้ว แต่ก็มีข้อมูลผิด ๆ เป็นจำนวนมากในชุมชนหลายวัฒนธรรมเกี่ยวกับการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่
“ผู้คนไม่ได้รับสารจากแหล่งข้อมูลของรัฐบาลออสเตรเลีย มีไม่น้อยที่รับข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย เช่นเดียวกับข้อมูลที่มาจากประเทศตัวเอง และแน่นอนว่ามันอาจไม่มีความเกี่ยวข้อง” นางปราซัด-อิลเดส กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 FECCA ได้เรียกร้องให้หน่วยงานสาธารณสุขออสเตรเลียจัดตั้งกลุ่มที่ปรึกษาด้านสุขภาพในสถานการณ์โควิด-19 จากชุมชนหลากวัฒนธรรม
“มันนำพาผู้คนจากภาคส่วนสาธารณสุขพหุวัฒนธรรมมารวมกัน เพื่อให้คำแนะนำและแนวทางไปยังหน่วยงานสาธารณสุขในการออกแบบ-ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่จะส่งออกไป” นายอัล-คาฟาจี กล่าว
“โครงสร้างเหล่านั้นได้ทำงานเป็นอย่างดีในแง่การให้คำแนะนำและกลยุทธ์ สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำในตอนนี้ คือการทำให้แน่ใจว่าโครงสร้างเหล่านั้นเหมือนกันในทุกรัฐและมณฑล”
จากข้อมูลของ นายอัล-คาฟาจี รัฐบาลสหพันธรัฐและหน่วยงานสาธารณสุขจำเป็นจะต้องสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดดับชุมชนพหุวัฒนธรรมทั่วประเทศ
“ผู้คนจำนวนมากถูกถาโถมด้วยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพจากทุกทิศทาง แต่สิ่งที่เราพบก็คือว่า ผู้คนจะฟังแค่บุคคลที่พวกเขาเชื่อถือ ซึ่งบ่อยครั้งจะเป็นแพทย์หรือผู้นำจากชุมชนของพวกเขา” นายอัล-คาฟาจี กล่าว
นางปราซัด-อิลเดส กล่าวว่า แม้กระทั่งช่องทางที่สารต่าง ๆ ถูกสื่อออกไปก็ยังต้องมีสิ่งที่ต้องปรับปรุง
“บางครั้งก็เป็นวิธีในการแปลภาษา ซึ่งมันไม่ชัดเจนมากนัก” นางปราซัด-อิลเดส กล่าว
นายอัล-คาฟาจี กล่าวอีกว่า การจัดทำข้อมูลที่จะส่งออกไปควรมีความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม
“เราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เหมาะสมทางวัฒนธรรม ได้รับการสื่อออกไปอย่างเหมาะสมทางวัฒนธรรมด้วย” นายอัล-คาฟาจี กล่าว
“ตัวอย่างเช่น มีหลายชุมชนที่อาจยังเชื่อว่าวัคซีนไม่เหมาะสมทางศาสนา หรืออาจมีความเข้าใจผิด ๆ ว่าการได้รับเชื้อโควิด-19 เป็นเรื่องธรรมชาติ”
“เพราะฉะนั้น เราจึงต้องระมัดระวังในการอธิบายและสื่อสารข้อเท็จจริงที่มีความอ่อนไหวต่อวัฒนธรรมและความเชื่อของผู้คนโดยไม่ทำให้เกิดความขุ่นเคือง แต่ในขณะเดียวกันก็นำเสนอมุมมองทางเลือกที่พวกเขาเข้าใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของผู้คนเหล่านั้น” นายอัล-คาฟาจี กล่าว
สืบเนื่องจากความสำเร็จของกลุ่มที่ปรึกษาด้านสุขภาพในสถานการณ์โควิด-19 จากชุมชนหลากวัฒนธรรม สมาพันธ์สภาชุมชนชาติพันธุ์แห่งออสเตรเลีย (FECCA) กำลังเรียกร้องไปยังรัฐบาลเพื่อให้จัดตั้งความร่วมมือด้านสุขภาพพหุวัฒนธรรมออสเตรเลีย (Australian Multicultural Health Collaborative) เพื่อให้เป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่สนับสนุนสุขภาพพหุวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง
“มีงานอีกมากที่จะต้องทำ ... เราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่ามีความเสมอภาคในข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ และมีการเข้าถึงไปยังชุมชนเหล่านั้นได้ เพราะเรารู้ว่าตามสถิติแล้ว พวกเขาไม่ได้รับการนำเสนอเท่าที่ควร” นายอัล-คาฟาจี กล่าว
เอสบีเอส นิวส์ ได้ติดต่อไปยังหน่วยงานสาธารณสุขของออสเตรเลียในประเด็นนี้ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
เรียนภาษาอังกฤษกับ SBS