สหภาพแรงงานต่างตำหนิข้อเสนอของรัฐบาลสหพันธรัฐที่จะให้โบนัส 800 ดอลลาร์แก่พนักงานดูแลผู้สูงอายุว่าเป็นอุบายทางการเมือง โดยแย้งว่าจำเป็นต้องมีการขึ้นค่าจ้างอย่างเป็นระบบในภาคส่วนนี้มากกว่า
สำหรับนโยบายใหม่นี้ รัฐบาลสหพันธรัฐจะจ่ายเงินสดให้ 2 ครั้ง โดยแต่ละครั้งไม่เกิน 400 ดอลลาร์ ให้แก่พนักงานดูแลผู้สูงอายุ ที่ทำงานในสถานดูแลผู้สูงอายุที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล รวมทั้งพนักงานที่ให้บริการดูแล ให้บริการด้านอาหาร หรือทำความสะอาดในสถานดูแลผู้สูงอายุ
รัฐบาลเผยนโยบายนี้ ขณะมีความกังวลว่าพนักงานเหล่านี้ประสบความกดดันอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในสถานดูแลผู้สูงอายุต่างๆ
แต่นายเจอราร์ด เฮส์ ประธานสหภาพบริการสุขภาพแห่งชาติ (HSU) ได้กล่าวถึงนโยบายนี้ของรัฐบาลว่าเป็น "กลยุทธ์ทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง" ไม่ได้เป็น "แผนที่จริงจัง" เพื่อแก้ไขปัญหาเรื้อรังของ "การจ่ายค่าจ้างต่ำกว่ามาตรฐาน"
“เรามีวิกฤตเรื้อรังที่บ่มเพาะมานานหลายปีแล้ว” เขากล่าว
“แต่ทั้งหมดที่เราได้รับคือการจัดการทางการเมืองในระยะสั้นเสียมากกว่า เป็นการหลีกเลี่ยงการจัดการกับปัญหา หรือปฏิเสธความเป็นจริงเสียมากกว่า”
โบนัสที่จะจ่ายให้เป็นเงินสดนี้จะจ่ายตามสัดส่วนของชั่วโมงทำงานของพนักงาน และการจ่ายเงินก้อนแรกจะจ่ายให้ในเดือนกุมภาพันธ์ ก้อนที่สองจะจ่ายให้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
สหภาพบริการสุขภาพแห่งชาติ (HSU) ได้ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการเพื่อการจ้างงานที่เป็นธรรม (Fair Work Commission) เพื่อขอขึ้นค่าแรงร้อยละ 25 สำหรับพนักงานดูแลผู้สูงอายุ หรืออย่างน้อย 5 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
จากผลการไต่สวนหาความจริงสาธารณะในภาคอุตสาหกรรมนี้เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมาธิการไต่สวนหาความจริงได้แนะนำให้มีการขึ้นค่าจ้างขึ้นต่ำประจำอุตสาหกรรมนี้ โดยแนะนำว่าอุตสาหกรรมควรประสานจุดยืนที่เป็นเอกฉันท์ในเรื่องนี้ ซึ่งควรต้องรวมถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลสหพันธรัฐด้วย
แต่ นาง เจน ฮูม วุฒิสมาชิกพรรคลิเบอรัล ที่เป็นรัฐมนตรีดูแลด้านเงินเกษียณ กล่าวว่า รัฐบาลสหพันธรัฐจะไม่สนับสนุนเรื่องนี้ ที่จะทำให้ค่าจ้างพนักงานดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
“การเพิ่มค่าจ้าง 5 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงจะเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการจ้างพนักงานดูแลผู้สูงอายุขึ้นอย่างมาก เราต้องการทำให้แน่ใจได้ว่านี่เป็นระบบที่ยั่งยืนในอนาคต” เธอบอกกับสถานีวิทยุเอบีซี
เธอกล่าวแก้ต่างถึงช่วงเวลาของการประกาศเรื่องนี้ของรัฐบาล โดยบอกว่าเป็นการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งระบบในภาคส่วนนี้
ขณะที่โควิด-19 ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภาคส่วนนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 389 รายในสถานดูแลผู้สูงอายุแค่เพียงเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว ซึ่งมากกว่าตลอดทั้งปี 2021 ที่มีผู้เสียชีวิตในภาคส่วนนี้ 282 ราย
ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว มีการระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นในสถานดูแลผู้สูงอายุ 1,261 แห่งทั่วประเทศ รวมถึง 555 แห่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์ และ 296 แห่งในรัฐวิกตอเรีย
นางแคโรลิน สมิธ ผู้อำนวยการสหภาพลูกจ้างด้านการดูแลผู้สูงอายุ United Workers Union Aged Care กล่าวว่า การจ่ายโบนัสเงินสดเหล่านี้จะช่วย "บรรเทา" สถานการณ์ให้แก่ผู้ที่ทำงานในภาคส่วนนี้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
“อุตสาหกรรมการดูแลผู้สูงอายุอยู่ในจุดแตกหักอย่างที่สุด และฉันไม่แน่ใจว่าเงินโบนัสเหล่านี้จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นระบบในอุตสาหกรรมได้” นางแคโรลิน สมิธ กล่าว
ผู้ให้บริการดูแลผู้สูงอายุได้เตือนว่าพวกเขากำลังประสบความยากลำบากที่จะดำเนินงานต่อไปได้ เนื่องจากมีพนักงานราวร้อยละ 30 เปอร์เซ็นต์ที่ป่วยหรือต้องแยกตัวเพื่อกักโรคอยู่ที่บ้าน
ด้านนายแอนโทนี อัลบานีซี หัวหน้าพรรคแรงงานยังกล่าวหา นายกรัฐมนตรีว่าพยายามใช้เงินซื้อการสนับสนุนจากพนักงานดูแลผู้สูงอายุผ่านนโยบายนี้ พร้อมกล่าวว่า หากพรรคแรงงานได้รับเลือกเป็นรัฐบาล พรรคจะยื่นเรื่องต่อ ผู้ตรวจการเพื่อการจ้างงานที่เป็นธรรม (Fair Work Commission) เพื่อสนับสนุนการขึ้นค่าจ้างสำหรับพนักงานดูแลผู้สูงอายุ
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
มติคณะผู้นำรัฐ: คนทำงานดูแลผู้สูงอายุต้องฉีดวัคซีนโควิด