เริ่มปีการเงินใหม่ 1 ก.ค.นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นโยบายลดภาษีเพื่อค่าครองชีพ $450 ดอลลาร์ และอีกมากมาย ต่อไปนี้คือการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณในปีการเงินใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
คนทำงานรายได้น้อยทั่วออสเตรเลียราว 2.7 ล้านคนจะได้รับการขึ้นค่าแรง
คณะกรรมาธิการแฟร์เวิร์กได้มีมติเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของออสเตรเลียในอัตราร้อยละ 5.2 จากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งสร้างแรงกดดันต่อรายได้ในครัวเรือน
โดยอัตราค่าแรงขั้นต่ำใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ จะปรับขึ้นเป็น $21.38 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง (จากเดิม $20.33 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง) หรือเพิ่มขึ้นเป็น $812.60 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ (จากเดิม $772.60 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์)บนพื้นฐานการคำนวณจากงานของลูกจ้างเต็มเวลาสัปดาห์ละ 38 ชั่วโมง
นโยบายภาษีชดเชยค่าครองชีพ (Cost of living tax offset)
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ ชาวออสเตรเลียมากกว่า 10 ล้านคน จะได้รับภาษีชดเชยค่าครองชีพแบบให้ครั้งเดียว $420 ดอลลาร์ (cost of living tax offset) รวมกับภาษีชดเชยผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง (low and middle income tax offset หรือ LMITO) ที่มีอยู่แล้ว
การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ฐานการลดภาษีจากนโยบายดังกล่าวของผู้มีรายได้น้อยกว่า $126,000 ดอลลาร์ต่อปี ในปีงบประมาณ 2021-22 เพิ่มขึ้นจากระหว่าง $255 - $1,080 ดอลลาร์ เป็นระหว่าง $675 and $1,500 ดอลลาร์
Source: The Commonwealth of Australia
เงินช่วยค่าดูแลบุตรเพิ่มขึ้น
ครอบครัวที่มีบุตรมากกว่า 1 คนที่มีอายุ 5 ปีหรือน้อยกว่า จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าชดเชยการดูแลบุตร (Child Care Subsidy หรือ CSS) สำหรับลูกคนที่ 2 หรือคนถัดมาได้มากขึ้น
สำหรับครอบครัวส่วนใหญ่ อัตราจ่ายเงินช่วยเหลือที่สูงขึ้นเริ่มแล้วตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่สำหรับ “ครอบครัวผสม” ซึ่งพ่อและแม่เด็กรับเงินช่วยดูแลบุตรสำหรับลูกเลี้ยงหรือลูกติด จะไม่ได้รับการปรับเพิ่มอัตราจ่ายไปจนถึงช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้
ครอบครัวที่มีสิทธิ์รับอัตราจ่ายที่สูงขึ้นระหว่างวันที่ 7 มี.ค. จนถึงเดือน ก.ค. 2022 จะได้รับการจ่ายเงินให้ย้อนหลัง
การเปลี่ยนแปลงเรื่องเงินซูเปอร์
การเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินสะสมหลังเกษียณ (เงินซูเปอร์) จะทำให้เกณฑ์กำหนดว่าลูกจ้างต้องมีรายได้ตั้งแต่ $450 ดอลลาร์ขึ้นไปก่อนหักภาษีเพื่อรับการจ่ายเงินซูเปอร์ถูกยกเลิก ทำให้นายจ้างมีสิทธิ์จ่ายเงินซูเปอร์ตามอัตราการประกันได้ไม่ว่าลูกจ้างจะพึงได้รับค่าตอบแทนเท่าใดก็ตาม
นอกจากนี้ อัตราการประกันเงินซุปเปอร์จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 10.5 ซึ่งนายจ้างจำเป็นจะต้องใช้อัตราใหม่ในการคำนวณการจ่ายเงินซูเปอร์ให้ลูกจ้าง ในรอบการจ่ายเงินของวันหรือหลังจากวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งรวมถึงค่าตอบแทนการทำงานใด ๆ ที่แล้วเสร็จก่อนวันดังกล่าวด้วย
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ หากคุณมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป คุณอาจมีสิทธิ์นำเงินที่ได้จากการขายบ้านหรือบางส่วนของบ้านสูงสุด $300,000 ดอลลาร์จ่ายเข้ากองทุนเงินซูปเปอร์ของคุณได้ โดยก่อนหน้านี้คุณจะต้องรอจนกว่าจะถึงอายุ 65 ปีขึ้นไปเสียก่อน
นอกจากนี้ การประเมินลักษณะงานก่อนที่จะมีการยอมรับการจ่ายเงินซูปเปอร์ใด ๆ เข้าสู่กองทุนจะถูกยกเลิกสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 67-74 ปี โดยในปัจจุบันเกณฑ์การประเมินลักษณะงานกำหนดให้ลูกจ้างต้องได้รับการจ้างงานอย่างน้อย 40 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 30 วันต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการยอมรับการจ่ายเงินซูปเปอร์ใด ๆ เข้าสู่กองทุน
ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น
ครัวเรือนต่าง ๆ ทั่วออสเตรเลียจะได้รับผลกระทบจากราคาค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในเดือน ก.ค.นี้ หลังหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานของออสเตรเลีย (AER) ได้ประกาศเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาว่าจะเพิ่มราคาสูงสุดที่ผู้ค้าปลีกพลังงานไฟฟ้าสามารถเรียกเก็บจากครัวเรือนและภาคธุรกิจในบางรัฐบนพื้นฐานของข้อเสนอที่ได้มีการทำสัญญากับผู้ค้าปลีก
เพื่อตอบสนองต่อการปรับราคาไฟฟ้าของผู้ค้าส่งอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงปีที่ผ่านมา AER จะเพิ่มราคาสูงสุดที่ผู้ค้าปลีกเรียกเก็บได้บนพื้นฐานตามข้อตกลง (Default Market Offer หรือ DMO) ไปอีกมากกว่า $220 ดอลลาร์ต่อปีในรัฐนิวเซาท์เวลส์ มากกว่า $160 ดอลลาร์ในรัฐควีนส์แลนด์ และมากกว่า $120 ดอลลาร์ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
วิกฤตไฟฟ้าออสฯ ‘ตัดไฟ-พักซื้อขายพลังงาน’ ทำไมมาถึงจุดนี้
การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในภาคธุรกิจ
การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าจ้างที่กำหนดไว้ตามกฎหมายเฉพาะอุตสาหกรรม (award rate) สำหรับคนทำงานในอุตสาหกรรมบริการสังคม ชุมชน การดูแลที่บ้าน และการดูแลผู้พิการ จะเปลี่ยนแปลงชั่วโมงทำงานขั้นต่ำเพื่อให้ลูกจ้างได้รับการจ่ายค่าตอบแทน
สำหรับลูกจ้างชั่วคราว (casual) ซึ่งทำงานให้บริการดูแลที่บ้าน ชั่วโมงทำงานขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นจาก 1 เป็น 2 ชั่วโมง และเป็น 3 ชั่วโมงสำหรับลูกจ้างพาร์ทไทม์ ยกเว้นกรณีลูกจ้างทำงานบริการผู้พิการ
ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการแฟร์เวิร์กยังระบุอีกว่า เกณฑ์รายได้สูงสุดที่ลูกจ้างสามารถยื่นร้องเรียนการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมจะเพิ่มขึ้นในวันที่ 1 ก.ค.นี้จาก $158,000 ดอลลาร์เป็น $162,000 ดอลลาร์ ขณะที่เงินชดเชยสูงสุดที่แฟร์เวิร์กสั่งให้นายจ้างจ่ายในกรณีการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมจะเพิ่มขึ้นเป็น $81,000 ดอลลาร์ สำหรับการเลิกจ้างที่เกิดขึ้นในวันหรือหลังจากวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,000 ดอลลาร์จากปีที่ผ่านมา
รายได้สูงสุดในกรณียื่นร้องเรียนการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมจะเพิ่มขึ้นในวันที่ 2 ก.ค.นี้ จาก $158,000 เป็น $162,000 Source: Moment RF/Traceydee Photography/Getty Images
ยกเครื่องสวัสดิการผู้ว่างงาน JobSeeker
ผู้ที่กำลังรับเงินสงเคราะห์รายได้ผู้ว่างงานในโครงการจ๊อบซีกเกอร์ (JobSeeker) ซึ่งปัจจุบันต้องสมัครงานเป็นจำนวน 20 งานทุกเดือนก่อนที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ จะเปลี่ยนไปเป็นระบบการนับแต้ม (points-based activation system หรือ PBAS)
โดยผู้ว่างงานจะต้องได้รับแต้มครบจำนวน 100 แต้ม และจะต้องหางานอย่างต่ำ 5 งานในทุกเดือนเพื่อรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เช่น 20 แต้มสำหรับการเข้ารับการสัมภาษณ์งาน หรือ 5 แต้มต่อการสมัครงานในแต่ละงาน
ผู้หางานที่ปัจจุบันต้องสมัครงาน 20 งานต่อเดือนเพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลือจาก Centrelink จะเปลี่ยนไปใช้ระบบนับแต้มกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ Source: Quinn Rooney/Getty Images
การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ของภาครัฐ
หลังการเข้ารับตำแหน่งของรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่จากพรรคแรงงานเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในระดับหน่วยงานภาครั และการบริหารจัดการจะมีผลในปีงบประมาณใหม่นี้
- จัดตั้งกระทรวงการจ้างงานและสถานประกอบการสัมพันธ์ (Department of Employment and Workplace Relations) ในการบริหารและดำเนินการวาระของรัฐบาลด้านสถานประกอบการสัมพันธ์ งาน ทักษะ และการฝึกอบรม
- จัดตั้งกระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงาน สิ่งแวดล้อม และน้ำ (Department of Climate Change, Energy, the Environment and Water) สำหรับวาระด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงาน
- ส่วนกระทรวงสาธารณสุข (Department of Health) จะได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลผู้สูงอายุ (Department of Health and Aged Care)
- ขณะที่กระทรวงโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง การพัฒนาส่วนภูมิภาค และการสื่อสาร (Department of Infrastructure, Transport, Regional Development and Communications) จะได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง การพัฒนาส่วนภูมิภาค การสื่อสาร และศิลปะ (Department of Infrastructure Transport Regional Development Communications and the Arts)
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
การเปลี่ยนแปลงด้านวีซ่าและทิศทางรัฐบาลออสฯ ปีงบฯ 2022-23