วิกฤตผักขาดแคลนทำอาหารฟาสต์ฟู้ดในออสฯ รสชาติเปลี่ยนไป

“ผักกาดแก้ว” ส่วนผสมสำคัญคู่ร้านจานด่วนในออสเตรเลียกำลังขาดแคลนอย่างหนัก จนหลายร้านต้องผสมกับกะหล่ำปลีเพื่อเสิร์ฟลูกค้า ขณะที่สภาพอากาศและเศรษฐกิจที่ผันผวนกำลังสร้างแรงกดดันให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภค

A collage of lettuce and fast-food chains

Fast-food chains are now resorting to using a lettuce and cabbage blend on all products. Source: The Feed

ผู้ประกอบการร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างเคเอฟซี (KFC) หรือซับเวย์ (Subway) ในออสเตรเลียกำลังใส่กะหล่ำปลีลงไปในเบอร์เกอร์และแซนด์วิช ขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับภาวะผักกาดแก้วขาดแคลน

เคเอฟซี (KFC) ได้ประกาศแจ้งลูกค้าผ่านทางออนไลน์ว่า กำลังประสบปัญหาการหยุดชะงักของแหล่งผลิตผักกาด จากเหตุอุทกภัยในรัฐควีนส์แลนด์และรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่กวาดล้างผลผลิตทางการเกษตรไปเป็นจำนวนมากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ร้านฟาสต์ฟู้ดดังกล่าวต้องใช้ผักกาดแก้วและผักกะหล่ำปลีผสมกันไปอย่างไม่มีกำหนด

“เราขอบคุณทุกคนที่เป็น Little Gems ระหว่างที่เรากำลังทำงานเพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ” ประกาศจากเคเอฟซีระบุ

“หากนั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณชอบ เพียงกดปุ่ม Customise บนอาหารที่คุณเลือกและนำผักกาดแก้วออกจากส่วนผสม” ประกาศจากเคเอฟซีระบุเสริม พร้อมเครื่องหมายอิโมจิใบหน้ายิ้ม
ส่วนร้านซับเวย์ (Subway) ก็ได้ออกประกาศในทำนองเดียวกันบนเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อประกาศ ‘คำอธิบายเกี่ยวกับผักกาด (lettuce explained)’

“การเป็นบริษัทอาหารสดใหม่ หมายถึงการต้องอยู่กับจังหวะขึ้น ๆ ลง ๆ ของผลิตภัณฑ์อาหารสด” ประกาศในเว็บไซต์ชับเวย์ ระบุ

“เรากำลังประสบปัญหาขาดแคลนผักกาดแก้วจากเกษตรกรผู้เพาะปลูกผักกาดแก้วในท้องถิ่นของเรา”

“ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เราจะผสมผักกาดแก้วกับกะหล่ำปลี ... ขณะที่ผักกาดแก้วกำลังจะมาถึงเราอีก”

ชาวออสเตรเลียได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในผลิตภัณฑ์บางชนิด ขณะที่มีการแชร์ภาพของผักกาดแก้วที่มีราคา $10 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัมหรือมากกว่าทั่วโลกออนไลน์ แต่ไม่ได้มีเพียงผักกาดแก้วอย่างเดียวที่ได้รับผลกระทบ

เหตุอุทกภัยในพื้นที่ทางตะวันออกของออสเตรเลีย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลียระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นมาถึงร้อยละ 5.1 ภายในช่วงเวลาเพียง 3 เดือนแรกของปี 2022 เป็นผลให้อัตราเงินเฟ้อขึ้นสู่จุดสูงสุดของประเทศในรอบ 20 ปี และคาดว่าอาจจะเพิ่มสูงขี้นกว่านี้
นอกจากนี้ ราคาอาหารในประเทศยังเพิ่มขึ้นไปร้อยละ 4.3 ในช่วงเพียง 3 เดือนแรกของปี

การขาดแคลนในห่วงโซ่อุปทานที่นับตั้งแต่การหาวัตถุดิบไปจนถึงมือผู้บริโภค เหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรงในปีนี้ และราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งหมด ล้วนส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อที่เหนี่ยวรั้งระบบเศรษฐกิจของออสเตรเลีย

ระหว่างเดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารสำรองแห่งออสเตรเลีย (RBA) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (cash rate) ถึง 2 ครั้งไปถึงร้อยละ 0.85 ทำให้ผู้ที่กู้ยืมเงินส่วนมากต้องจ่ายเงินคืนมากกว่าเดิม

จิม ชาลเมอร์ส (Jim Chalmers) รัฐมนตรีคลังของออสเตรเลีย ได้อธิบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานในครั้งนี้ว่า “เป็นข่าวที่ลำบากใจอย่างมาก” ขณะที่ผู้ขอสินเชื่อบ้านกำลังเผชิญกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 1 July 2022 6:01pm
Updated 1 July 2022 6:09pm
By Michelle Elias
Presented by Tinrawat Banyat
Source: The Feed


Share this with family and friends