ประเด็นสำคัญในข่าว
- น้ำหนักของรถในออสเตรเลียกำลังเพิ่มขึ้น โดยพบว่าน้ำหนักพาหนะเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 2.05 ตัน
- รถยอดนิยม 2 รุ่นในออสเตรเลียเป็นรถกระบะ ซึ่งทั้งสองรุ่นเป็นรถที่มีน้ำหนักมากที่สุดในตลาด
- รถที่น้ำหนักมากจะเบรกยากกว่า ทำให้อุบัติเหตุรุนแรงขึ้น และปล่อยมลพิษสู่อากาศมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าออสเตรเลียกำลังมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับอาหารที่เรากินเข้าไป แต่เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้คนขับขี่บนท้องถนน
มีการพบว่าน้ำหนักเฉลี่ยของรถยนต์ในออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้น โดยรถที่มียอดขายสูงสุด 2 อันดับแรกอยู่ในบรรดารถที่มีน้ำหนักมากที่สุดในตลาด ขณะที่รถอเนกประสงค์หรือรถเอสยูวี (SUV) และรถกระบะ คิดเป็นมากกว่าร้อยละ 75 ของยอดขายรถทั้งหมดในออสเตรเลีย
แนวโน้มพฤติกรรมการซื้อรถดังกล่าว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากแรงจูงใจทางภาษี อาจส่งผลเสียต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและคนเดินถนน ระดับมลพิษ และคาดว่าประเด็นนี้จะได้รับการจับตามากขึ้น ขณะที่ผู้ใช้รถใช้ถนนเริ่มเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
อยากประหยัดค่าพลังงานเหรอ? ต้องตรวจดูใต้หลังคาและแอร์ที่บ้าน
ตัวเลขจากสภาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งสหพันธรัฐ (Federal Chamber of Automotive Industries) แสดงให้เห็นว่า รถอเนกประสงค์ (เอสยูวี) ซึ่งมีน้ำหนักมาก คิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งจำนวนรถที่ขายไปเมื่อปีที่แล้ว (ร้อยละ 53) ขณะที่รถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก (LCV) อย่างเช่น รถกระบะ หรือยูท (ute) คิดเป็นร้อยละ 23 ของรถที่ขายไปในออสเตรเลียเมื่อปีก่อน
ขณะที่น้ำหนักของรถในออสเตรเลียนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลามากกว่าทศวรรษ โดยรถใหม่ในตลาดขณะนี้มีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 2.05 ตัน
รถกระบะเป็นที่นิยม แต่มีน้ำหนักมาก
ผู้อยู่ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งขอไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า น้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่สิ่งที่คนจำนวนมากในอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องการจะแก้ไข
“3 ใน 4 ของตลาดรถยนต์ใหม่ในออสเตรเลียเป็นรถเอสยูวีและรถกระบะส่วนบุคคล และนั่นไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน” เขากล่าว
แอนนา มอร์ติมอร์ จากมหาวิทยาลัยกริฟฟิท กล่าวว่า แรงจูงใจทางการเงินได้กระตุ้นให้เกิดกระแสดังกล่าว เช่น การลดภาษีผลประโยชน์สำหรับรถกระบะ (Fringe benefits tax for utes)
“เรามีการครอบครองรถกระบะในจำนวนที่เยอะมาก และนั้นอาจเป็นจุดที่ยากในการแก้ไขปัญหา ... ความนิยมรถกระบะจะต้องได้รับการแก้ไขในช่วงเวลาระหว่างตอนนี้จนถึงปี 2030” คุณมอร์ติมอร์ กล่าว
รถกระบะที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 2 รุ่นในออสเตรเลีย ได้แก่ โตโยต้า ไฮลักซ์ (Toyota HiLux) และฟอร์ด เรนเจอร์ (Ford Ranger) ซึ่งทั้งสองรุ่นเป็นรถที่มีน้ำหนักมากที่สุดในตลาดมากถึง 3 ตัน
รถ 2 รุ่นที่ขายดีที่สุดในออสเตรเลียเป็นรถกระบะ และเป็นหนึ่งในรถที่มีน้ำหนักมากที่สุดในตลาด Source: Getty / Tim Graham
รถยนต์ไฟฟ้าน้ำหนักมากแค่ไหน
แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะถูกกล่าวว่ามีน้ำหนักมากอยู่บ่อย ๆ แต่รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งติด 10 อันดับรถขายดีที่สุดในออสเตรเลีย ก็ยังมีน้ำหนักน้อยกว่ามาก หากเทียบกับรถที่ขายดีที่สุดในตลาด เช่น เทสลา โมเดล วาย (Tesla Model Y) ที่มีน้ำหนัก 2.4 ตัน และเอ็มจี รุ่น แซ็ดเอส อีวี (MG ZS EV) ที่มีน้ำหนัก 2.06 ตัน
เอียน คริสเตนเซน (Ian Christensen) กรรมการผู้จัดการของ ไอมูฟ ออสเตรเลีย (iMove Australia) กล่าวว่า แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะใช้แบตเตอรี่ซึ่งมีความหนาและหนัก แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็ช่วยแบ่งเบาภาระบนท้องถนนของออสเตรเลียได้ หากผู้บริโภคเลือกที่จะเปลี่ยนจากรถกระบะที่มีน้ำหนักมากมาเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดเล็ก
“หากผู้คนตัดสินใจด้วยเหตุผลที่คาดไม่ถึง ด้วยการเปลี่ยนจากรถกระบะไฮลักซ์มาเป็นรถกระบะขนาดเล็กที่ใช้ไฟฟ้า ก็จะลดน้ำหนักลงไปได้มาก แต่นั่นไม่ได้มาจากเทคโนโลยียานยนต์ แต่มาจากทางเลือกของผู้บริโภค” คุณคริสเตนเซน กล่าว
รถที่มีน้ำหนักมากสร้างปัญหาอย่างไร
คุณคริสเตนเซน กล่าวว่า น้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้นถูกมองว่าเป็นปัญหาด้านความปลอดภัย เนื่องจากน้ำหนักรถที่มากขึ้นจะทำให้การเบรกรถทำได้ยากขึ้น และทำให้เกิดแรงปะทะมากขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เขาเผยว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้ผลิตรถ ซึ่งพยายามลดความเสี่ยงในส่วนนี้อยู่แล้ว ด้วยการเพิ่มคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ดีขึ้นในรถรุ่นใหม่ ๆ เช่น โครงสร้างรถแบบยุบตัวพร้อมกับกระจายแรงกระแทก (Crumple Zones) ถุงลมนิรภัย และระบบเบรกอัตโนมัติ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เบื้องลึกของช่างยนต์คนไทยในออสเตรเลีย
แต่ ดร. คริส โจนส์ (Dr Chris Jones) ประธานระดับชาติของสมาคมพาหนะไฟฟ้าออสเตรเลีย (Australian Electric Vehicle Association) กล่าวว่า ทั้งผู้ผลิตและผู้กำหนดนโยบายควรดำเนินการเพื่อจัดการกับขนาดของพาหนะที่เพิ่มขึ้น
“มันเป็นความท้าทายทางวิศวกรรมในการทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีช่วงน้ำหนักที่เบาพอ แต่นั่นเป็นความท้าทายที่ผู้ผลิตจำเป็นต้องยอมรับ” ดร.โจนส์ กล่าว
การเก็บภาษีจะช่วยไม่ให้น้ำหนักรถมากขึ้นได้หรือไม่
ดร.โจนส์ กล่าวว่า อีกวิธีหนึ่งในการควบคุมไม่ให้น้ำหนักของรถเพิ่มขึ้น คือการเปลี่ยนวิธีการเก็บภาษีจากผู้ใช้รถใช้ถนน
ก่อนหน้านี้ ทางสมาคม ฯ เคยแนะนำว่า ให้มีการเก็บภาษีผู้ใช้ถนนในลักษณะ mass multiplied โดยนำจำนวนระยะทางที่ขับขี่ คูณด้วยน้ำหนักของพาหนะ ซึ่งหากเก็บภาษีในลักษณะดังกล่าว จะทำให้ผู้ขับขี่รถกระบะที่มีน้ำหนักมากเป็นระยะทางไกลจะต้องจ่ายภาษีผู้ใช้ถนนมากที่สุด
“ผู้คนจะต้องคิดถึงเรื่องของน้ำหนักรถเมื่อซื้อรถ” ดร.โจนส์ กล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
น้ำมันแพงดันกระแสรถไฮบริด-อีวี ออสเตรเลียพร้อมแค่ไหน
แล้วถ้าเป็นรถบรรทุกล่ะ
สิ่งที่เป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า ดูเหมือนจะเป็นการรองรับพาหนะที่มีน้ำหนักมากกว่านั้น นั่นก็คือรถบรรทุกไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่
คุณคริสเตนเซน กล่าวว่า ถนน สะพาน และสะพานข้ามถนนในออสเตรเลีย ไม่ได้ออกแบบมาให้รับน้ำหนักได้มากเท่ากับยานพาหนะขนส่งสินค้ารุ่นใหม่ ๆ บางคัน ซึ่งนักวิจัยการขนส่งและผู้ออกนโยบายจะต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
“เราจะต้องอนุญาตให้มีรถบรรทุกที่หนักกว่านี้อยู่บนถนนได้ มิฉะนั้นแล้ว เราจะไม่มีทางลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งได้อย่างเพียงพอ” คุณคริสเตนเซน กล่าว
“แต่เราจะต้องเฝ้าระวังความเสียหาย และขอให้ผู้ดำเนินกิจการรถบรรทุก หลีกเลี่ยงการนำรถบรรทุกที่หนักกว่าของพวกเขา ข้ามถนนและสะพานที่ไม่สามารถรับน้ำหนักได้”
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจ จาก เอสบีเอส ไทย
สะท้อนภาพชีวิตผู้อพยพในออสฯ จาก ‘การส่งเงินกลับบ้าน’