Viva: เฉลิมฉลองช่วงเทศกาลอย่างไรไม่ให้โดดเดี่ยว

X-mas zoom call

X-mas zoom call Source: Getty Images

การเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญต่างๆ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อครอบครัว วัฒนธรรมและศาสนาแต่การฉลองในปีนี้ต้องปรับให้เข้ากับข้อกำหนดรักษาระยะห่างทางสังคมรวมไปถึงข้อบังคับในการเดินทาง ในขณะที่หลายคนรอการผ่อนปรนมาตรการข้อบังคับทั้งหลายเพื่อที่จะไปมาหาสู่กับคนที่พวกเขารัก แต่อีกหลายคนก็กำลังวางแผนปรับแนวทางในการเฉลิมฉลองให้สมกับที่ผ่านปีที่ยากลำบากนี้มาได้


LISTEN TO
Viva: Celebration in Isolation image

Viva: เฉลิมฉลองช่วงเทศกาลอย่างไรไม่ให้โดดเดี่ยว

SBS Thai

30/11/202012:08
ศาสตราจารย์ เจมส์ อาร์วานิทากิส ผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฎีทางสังคมและสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ซิดนีย์ อธิบายว่าการเฉลิมฉลองเป็นสิ่งที่สำคัญต่ออัตลักษณ์ของบุคคลนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาอาจทำได้เพียงร่วมฉลองด้วยกันออนไลน์ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดทั่วโลกก็ตาม

"การเฉลิมฉลองต่างๆ เป็นส่วนที่สำคัญมากที่จะบ่งบอกว่าเราเป็นใคร เราจะระบุถึงวัฒนธรรมของเรา อัตลักษณ์ของเรา ครอบครัวของเราอย่างไร ดังนั้นเราควรจะมีช่วงเวลาสำคัญเพื่อการเฉลิมฉลองซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกับเราทุกคน"

หลังจากที่นครเมลเบิร์นได้ปิดเมืองมาเป็นเวลา 112 วัน คุณ เอฟฟี แอดคินส์ ชาวออสเตรเลียเชื้อสายกรีกซึ่งขณะนี้ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด เธอหวังใจว่าจะยังคงสามารถเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่เป็นประเพณีของครอบครัวต่อไปได้ แม้ว่าจะต้องจัดงานกลางแจ้งก็ตาม

"เราอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ฉันไม่กลัวเพราะว่าฉันระมัดระวังตัวเองก่อนที่จะออกไปข้างนอก หรือก่อนที่ฉันจะทำอะไรก็ตาม ฉันต้องตรวจสอบในสิ่งที่ฉันจะทำเสียก่อนว่ามันจะมีผลตามมาอย่างไร"

คุณ แอดคินส์ เติบโตในประเทศกรีซซึ่งเทศกาลคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรมระหว่างคนในครอบครัวอย่างยิ่งใหญ่ เธอวางแผนไว้ว่าจะเตรียมงานเทศกาลคริสต์มาสกับหลานๆ ทั้ง 7 ทีละคน โดยมีการป้องกันต่างๆ เช่นการใส่หน้ากาก การล้างมือบ่อยๆ เป็นต้น  

"มันจะเป็นสัปดาห์แห่งการเฉลิมฉลองกับหลานๆ ของฉันแต่ละคนเพื่อเตรียมอาหารหรือขนมต่างๆในแต่ละวัน หรือตกแต่งต้นคริสต์มาส หรือจัดโต๊ะอาหารก่อนที่จะถึงวันคริสต์มาส"

Celebration in isolation
การฉลองเทศกาลกับครอบครัวกลางแจ้ง Source: Getty Images/Hinterhaus Productions


ส่วน คุณ เคลีย์ เกรย์ ผู้สร้างภาพยนต์จากนครซิดนีย์กำลังก้าวผ่านเวลาที่ยากลำบากเพราะเขาไม่สามารถที่จะกำหนดแผนการที่จะไปเยี่ยมบิดาซึ่งอาศัยในนครบริสเบนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เขากำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งขั้นสุดท้ายด้วย เนื่องจากขณะนี้ยังมีการปิดพรมแดนระหว่างนครซิดนีย์และรัฐควีนส์แลนด์  เธอเปิดเผยว่า

"ทุกอย่างยังเอาแน่เอานอนไม่ได้แต่เรากำลังหาทางอื่น เช่นการจองตั๋วเครื่องบินหรือการกำหนดแผนการอะไร ซึ่งมันค่อนข้างจะลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีพ่อแม่ที่ป่วยหนักและมันมีความเป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นเทศกาลคริสต์มาสครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้มีร่วมกัน"

"มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราไม่มีความแน่นอนสำหรับฉันเลยถ้าเกิดว่าอาการของพ่อทรุดลง ฉันต้องกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนที่จะได้เจอเขาและเขาอาจจะเสียชีวิตในขณะที่ฉันกำลังกักตัวก็ได้ ฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันมีผลกระทบอย่างมหาศาลต่อสุขภาพจิตของผู้คน" 

แต่เมื่อรัฐบาลควีนส์แลนด์มีประกาศเปิดพรมแดนระหว่างนครซิดนีย์อีกครั้ง ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลทำให้ครอบครัวของคุณ เกรย์สามารถเดินทางไปเจอกันได้และสามารถทำตามแผนวันคริสต์มาสของครอบครัวได้
ศาสตราจารย์ อาร์วานิทากิส ชี้ว่าการที่คนไม่สามารถมาเจอกันต่อต่อตัวเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญๆ ด้วยกันได้นั้นยิ่งทำให้มีความเหงาและรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตอนนี้มีการสำรวจพบว่า 1 ใน 4 ของชาวออสเตรเลียกำลังเผชิญกับความเหงา ปรากฏการณ์นี้เองทำให้องค์กร Feros Cares ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่มุ่งหวังผลกำไร จัดตั้งโครงการ Be Someone For Someone ขึ้นมา

คุณ โจ วินวูด ประธานโครงการเปิดเผยว่าทีมของเธอได้จัดงานฉลองคริสต์มาสออนไลน์ผ่านซูมสำหรับผู้สูงอายุทั่วประเทศออสเตรเลียที่กำลังเกิดความกลัวที่จะออกนอกบ้านในขณะนี้ 

"เรารู้ว่าคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนจะรู้สึกโดดเดี่ยวที่สุดไม่ว่าจะเป็นช่วงที่คุณต้องกักตัวหรือในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างที่เราประสบมาหรือไม่ งานชุมชนต่างๆ ที่เราเคยมี เราเคยขึ้นรถบัสไปสวนสาธารณะ เพื่อร่วมงานร้องเพลงฉลองคริสต์มาส แต่ตอนนี้ผู้คนก็ยิ่งรู้สึกว่าถูกผลักให้อยู่บ้านมากขึ้นและก็จะยิ่งรู้สึกเหงามากขึ้นด้วย"

คุณวินวูดสนับสนุนให้คนที่สามารถช่วยเหลือเพื่อนบ้านสูงอายุที่อาศัยตามลำพังหรือผู้อาวุโสที่ต้องการการสังสรรค์ทางสังคมให้หาหนทางใหม่ๆ ในการช่วยเหลือคนเหล่านั้นในช่วงคริสต์มาส  

"หาหนทางช่วยเหลือคนอื่นอาจเป็นหนทางที่คุณจะเข้าร่วมในช่วงเทศกาลนี้ได้ เช่นถ้าคุณอาศัยลำพังและคุณรู้จักครอบครัวข้างบ้าน พวกเขาคงจะไม่ว่าอะไรหากคุณจะถามว่าคุณจะเข้ามาช่วยตกแต่งต้นคริสต์มาสหรือทำมินซ์ พายให้พวกเขาได้ไหม  คนต้องการความช่วยเหลือจากเราถ้าเราเปิดโอกาสให้พวกเขาขอความช่วยเหลือ"

ศาสตราจารย์ อาร์วานิทาคิส ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมแห่งการอยู่รอดได้ทำการศึกษาในชุมชนที่เผชิญกับวิกฤตการณ์ต่างๆ ทั้งในออสเตรเลียและทั่วโลกพบว่า

วัฒนธรรมส่วนใหญ่ปรับตัวได้ดีในการเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันเช่น ไฟป่า การโจมตีของผู้ก่อการร้าย แต่หลังจากวิกฤตการณ์ที่ในรอบ100ปี จะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่งอย่างเช่นการเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโคโรนา มันเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมา ทางหนึ่งที่จะจัดการกับเรื่องนี้ได้ก็คือการเตรียมตัวรับกับความเปลี่ยนแปลง

"เราต้องมีแผนการที่ 1 และ 2 และอาจจะต้องเตรียมแผน 3 เอาไว้ด้วย สมมุติว่าตอนนี้เรากำลังพูดถึงเรื่องการที่จะมีวัคซีนออกมาเร็วๆ นี้ แต่ความจริงก็คือผู้คนคงจะไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงจนกระทั่งปลายปีหน้า และนี่เป็นเพียงแค่ที่ออสเตรเลียแต่อย่าลืมว่าพวกเราหลายคนก็มีครอบครัวอยู่ที่ต่างประเทศด้วย มันไม่ได้หมายความว่าเราสามารถที่จะเดินทางไปต่างประเทศได้เสมอไป"

celebration in Isolation
การเฉลิมฉลองออนไลน์ Source: Supplied


คุณ เอลฟี่ แอดคินส์ ตอนนี้กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดอยู่ด้วย เธอกล่าวว่าการเฉลิมฉลองไม่จำเป็นต้องเป็นวันใดวันหนึ่งตามที่เคยทำมาเป็นประเพณี

"ถ้าเราสามารถที่จะไปเจอกันได้ เราก็ควรจะไปหากัน เราสามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ เพื่อจะมาร่วมเฉลิมฉลองด้วยกันในวันใดวันหนึ่งซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นวันคริสต์มาส สำหรับฉันถ้าฉันได้เจอเพื่อนและครอบครัวทุกวันก็คือวันคริสต์มาส และฉันมีวันที่เต็มไปด้วยความสุข ได้ร้องเพลงด้วยกัน และจดจำคริสต์มาสปี 2020 เอาไว้"

คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการกับความเหงาในช่วงคริสต์มาสได้อย่างไรที่ Be Someone For Someone’s the page.

หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาในภาษาของคุณ สามารถไปได้ที่

หากคุณต้องการความช่วยเหลือด้านอารมณ์ ความรู้สึก สามารถใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ตลอดทุกวัน ทุกเวลาได้ที่ on 13 11 14 or on 1300 22 4636.

หากคุณต้องการล่าม สามารถโทรไปได้ที่ศูนย์บริการล่ามและนักแปลแห่งชาติ (The National Translating and Interpreting Service)  ได้ที่ 131 450 และแจ้งภาษาที่คุณต้องการรับบริการ


ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ 

การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์  ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่ 

Share