ประเด็นสำคัญ
- โรงเรียนที่ออสเตรเลียมีทั้งของรัฐบาล คริสตจักร และเอกชน
- มีทั้งโรงเรียนแบบสหศึกษาและแบบจำกัดเพศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเอกชนและคริสตจักร
- ค่าเทอมที่ราคาแพงไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ผลการเรียนดี
- เด็กนักเรียนสามารถเปลี่ยนโรงเรียนได้ตลอดเวลา
กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
ผู้ปกครองทุกคนต้องการให้เด็กมีโอกาสทางการศึกษาที่ดี แต่ปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่าย วัฒนธรรมหรือศาสนาอาจทำให้การเลือกโรงเรียนเป็นสิ่งที่ยาก
ระบบโรงเรียนของออสเตรเลียแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ รัฐบาล (government or state school) คาทอลิก (Catholic) และเอกชน (private)
ดร. แซลลี ลาร์เซน (Dr. Sally Larsen) อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยนิว อิงแลนด์ (University of New England) อธิบายระบบโรงเรียนที่แตกต่างกันดังนี้
“โรงเรียนทั้งหมดมีองค์กรเดียวกันดูแลในแต่ละรัฐ เพื่อให้ทุกโรงเรียนใช้หลักสูตรเดียวกันในการสอนเด็กนักเรียน และครูทุกคนต้องผ่านกระบวนการรับรองคุณวุฒิแบบเดียวกัน สิ่งที่แตกต่างกันคือบางโรงเรียนขอให้ผู้ปกครองบริจาคเงินเพื่อการศึกษาของบุตร”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สิทธิ์ของเด็กในออสเตรเลีย
ประมาณ 70% ของนักเรียนชั้นประถมและ 60% ของนักเรียนชั้นมัธยมเรียนในโรงเรียนของรัฐบาล Credit: JohnnyGreig/Getty Images
“ค่าเล่าเรียนของโรงเรียนรัฐบาลมักจะไม่มีค่าใช้จ่าย บางครั้งอาจมีการขอให้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเล็กน้อย อาจจะน้อยกว่า 100 ดอลลาร์หรือประมาณนั้น โรงเรียนคาทอลิกมักขอให้ผู้ปกครองจ่ายค่าธรรมเนียมในจำนวนประมาณ 500 ดอลลาร์ต่อปี สำหรับโรงเรียนเอกชนคุณอาจต้องจ่ายสูงถึง 30,000 ดอลลาร์หรือมากกว่านั้นต่อปี”
โรงเรียนที่ดีมีอยู่ในทั้งสามประเภท แล้วผู้ปกครองควรพิจารณาปัจจัยอะไรในการเลือกโรงเรียน?
ศาสตราจารย์เอเมริตา เฮเลน ฟอร์กัสซ์ (Emerita Helen Forgasz) จากคณะศึกษาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโมนาช (Monash University) อธิบายว่า
กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลต้องมีโรงเรียนของรัฐที่เปิดรับทุกคน ไม่อิงศาสนาและไม่มีค่าใช้จ่าย
"ข้อแตกต่างในการเลือกโรงเรียนคือ หนึ่ง คุณสามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้หรือไม่ สอง คุณอยากให้ลูกมีพื้นฐานการศึกษาทางศาสนาหรือไม่”
ฟังพอดคาสต์ที่เกี่ยวข้อง
ครูสอนภาษาไทยและการสอนภาษาไทยในโรงเรียนในออสเตรเลีย
SBS Thai
10/01/202212:03
การศึกษาด้านศาสนาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรในโรงเรียนรัฐบาล อย่างไรก็ตามโรงเรียนสามารถอนุญาตให้องค์กรทางศาสนามีส่วนร่วมในการดำเนินการโปรแกรมของศาสนาได้
โรงเรียนคาทอลิกมีหลักสูตรการศึกษาตามความเชื่อและมักเปิดรับครอบครัวที่ไม่นับถือศาสนาเดียวกัน เพื่อส่งเสริมความเหนียวแน่นและระเบียบวินัยในชุมชน และมักมีค่าใช้จ่ายไม่แพงเท่าโรงเรียนเอกชน
โรงเรียนเอกชนมักมีค่าใช้จ่ายสูงและมักมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอื่นๆ อีกด้วย ดร. ลาร์เซน เตือน
“มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น กิจกรรมนอกหลักสูตรภาคบังคับ เครื่องแบบที่อาจราคาแพง การบังคับซื้อเทคโนโลยี โรงเรียนรัฐบาลบางแห่งอาจมีการบังคับซื้อเทคโนโลยีเช่นกัน แต่จะให้เงินช่วยเหลือสำหรับผู้ปกครองที่ไม่สามารถซื้ออุปกรณ์เทคโนโลยีให้ลูกๆ ได้”
สำหรับประโยชน์ของการเรียนในโรงเรียนแบบจำกัดเพศนั้นยังคงเป็นเรื่องที่โต้แย้งกัน และผลการเรียนอาจไม่แตกต่างกันมากนัก เด็กบางคนอาจสบายใจกว่าในสภาพแวดล้อมแบบเพศเดียวกันในเชิงสังคม และบางครอบครัวอาจอยากให้เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงแยกกันเรียนด้วยเหตุผลทางศาสนา ศาสตราจารย์ฟอร์กัสซ์กล่าวว่าโรงเรียนรัฐบาลอาจไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับเรื่องนี้
โรงเรียนส่วนใหญ่ในออสเตรเลียเป็นสหศึกษา กล่าวคือ เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเรียนรวมกัน
โรงเรียนคาทอลิกและโรงเรียนเอกชนมักมีทางเลือกสำหรับการจำกัดเพศในโรงเรียน อย่างไรก็ตามรัฐนิวเซาท์เวลส์มีโรงเรียนรัฐบาลกว่า 30 แห่งที่จำกัดเฉพาะเพศ รัฐวิกตอเรียมีโรงเรียนชายเพียงแห่งเดียวและโรงเรียนหญิง 5-6 แห่ง บางรัฐไม่มีเลย”
การให้เด็กเรียนโรงเรียนหญิงล้วนหรือชายล้วนอาจไม่มีผลเรื่องผลการเรียนมากนัก Credit: Fly View Productions/Getty Images
“ประมาณ 70% ของนักเรียนระดับประถมศึกษาเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาล ประมาณ 20% เข้าเรียนโรงเรียนคาทอลิก และเกือบ 10% เข้าเรียนโรงเรียนเอกชน ในระดับมัธยมศึกษานักเรียนเกือบ 20% เข้าเรียนโรงเรียนเอกชน ประมาณ 20% เรียนโรงเรียนคาทอลิก และที่เหลือ 60% เข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาล”
ดร. ลาร์เซนต์ชี้ว่า ในบางครั้งโรงเรียนเอกชนวาดภาพความกังวลว่าเด็กจะไม่ได้รับการศึกษาที่เพียงพอในโรงเรียนของรัฐ
“เป็นเรื่องที่ควรทราบว่าโรงเรียนของรัฐบาลไม่มีงบประมาณด้านการตลาดเท่าที่โรงเรียนเอกชนสามารถทำได้ ซึ่งมาจากค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ปกครองเพื่อทำการตลาดกับผู้ปกครองท่านใหม่"
การที่โรงเรียนรัฐบาลไม่ทำการตลาดไม่ได้หมายความว่าดีน้อยกว่า เพราะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งบประมาณที่มาจากรัฐบาลของรัฐนั้น
นักเรียนสามารถเปลี่ยนโรงเรียนได้ทุกเมื่อ Credit: JohnnyGreig/Getty Images
หาโรงเรียนที่ตรงกับสิ่งที่คุณเชื่อ ความต้องการของลูกของคุณเป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่คุณควรนึกถึง
"หากลูกของคุณชอบดนตรี หาโรงเรียนที่มีสอนดนตรี หากลูกของคุณสนใจกีฬา หาโรงเรียนที่มีกีฬานั้นๆ สอน หรือภาษาที่ลูกของคุณต้องการเรียน”
หากลูกของคุณมีความต้องการพิเศษ ไม่มีโรงเรียนที่สามารถรองรับได้ทุกแห่ง ผู้ปกครองต้องถามคำถามให้ถูกต้อง
หากคุณทำได้ ขอเข้าเยี่ยมชมโรงเรียนที่คุณสนใจเสียก่อน
คุณเจคอบ (Jacob) และคุณรีเบกกา มันเนอรี (Rebecca Munnery) กล่าวว่าการไปเยี่ยมชมโรงเรียนเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเลือกโรงเรียนของลูกสาวของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
“เราตกลงกันแล้วว่าเราจะส่งลูกสาวไปเรียนโรงเรียนรัฐบาลแถวบ้านสักโรงเรียนที่เราได้ แต่เราเลือกไปดูโรงเรียนเอกชนด้วย เราได้พบกับครูใหญ่และรองครูใหญ่และเราชอบปรัชญาของพวกเขามาก เรารู้สึกว่าโรงเรียนนี้จะเป็นที่ที่เหมาะกับเรามากๆ เราจึงเปลี่ยนใจในตอนนั้น และส่งเธอไปเรียนโรงเรียนเอกชนแทน”
ครูและเด็กนักเรียนกับการเรียนธรณีวิทยา Credit: Pexels/Thirdman
“ถ้าคุณพบว่าคุณตัดสินใจผิดไป ให้คิดใหม่ การหาโรงเรียนที่เหมาะกับระดับการศึกษาเป็นสิ่งแรกที่ผู้ปกครองควรคำนึงถึง หากลูกของคุณไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนตลอดเวลา ให้ประเมินใหม่ว่าการเปลี่ยนโรงเรียนจะเปลี่ยนสังคมและการศึกษาให้เหมาะสมกว่าหรือไม่?”
ศาสตราจารย์ฟอร์กัสซ์กล่าว และเธอเสริมอีกว่า ควรเลือกที่ที่ลูกของคุณพึงพอใจ
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
คุณแม่คนไทยเล่าเหตุการณ์สุดช็อกเมื่อลูกมีอาการแพ้ที่โรงเรียน