กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
คุณ วรัญญา เพชรคง หรือมะปราง ศิลปินทำเล็บในนครเมลเบิร์นเล่าว่าเธอเริ่มเข้าสู่วงการทำเล็บเมื่อ 4 ปีก่อน เพราะเริ่มแรกเป็นคนชอบทำเล็บเป็นทุนเดิม
แต่พอมาช่วงโควิดเพราะร้านทำเล็บทุกที่ปิดจึงเป็นที่มาของการเสาะหาที่เรียนทำเล็บเพื่อที่จะมาทำเล็บตัวเอง แต่มันก็ทำให้เธอได้ค้นพบความชอบที่สามารถใช้ความสามารถทางศิลปะของเธอมาประยุกต์ได้
“ช่วงล็อกดาวน์ ร้านทำเล็บที่ไทยปิดหมดเลยลองไปเรียนคอร์สพื้นฐานก่อน เพื่อที่จะมาทำเล็บให้ตัวเอง เรามี art background อยู่แล้วพอไปเรียนก็เลยรู้สึกว่ามันรีแลกซ์ และคิดว่าถ้าเราทำอาชีพนี้ระยะยาว เราคงมีความสุข”
คุณมะปรางได้ต่อยอดจากคอร์สทำเล็บขั้นพื้นฐานจนมาศึกษาและฝึกฝนการทำ nails art ด้วยการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
“ตอนที่ไปเรียนเค้าแค่สอนว่าจะทำหน้าเล็บยังไง ตัดยังไง ทำทรงไหน เป็นขั้นตอนเบสิก แต่หลังจากนั้นก็มาฝึกฝน nail art เอง ดูงานเยอะๆ ลองผิดลองถูก”
ช่างทำเล็บกับ nail artist แตกต่างกันอย่างไร
คุณ มะปราง เปิดเผยว่า เธอคิดว่าศิลปินทำเล็บผ่านการฝึกฝน เรียนรู้ทักษะการทำเล็บขั้นสูงมาอย่างหนัก มีกระบวนการทำงานที่ละเอียดและซับซ้อน ตลอดจนใช้ความสร้างสรรค์ให้งานออกมามีรูปแบบเฉพาะตัวไม่หมือนใคร เหมือนศิลปินที่วาดรูปบนผืนผ้าใบแต่ศิลปินทำเล็บสร้างผลงานบนผ้าใบผืนเล็กซึ่งก็คือเล็บนั่นเอง ซึ่งต่างจากการที่เป็นช่างทำเล็บที่ทำงานระดับพื้นฐานและไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะขั้นสูงมากก็ทำได้
“คำว่า nails technique หรือช่างทำเล็บจะใช้ทักษะขั้นพื้นฐานที่ทุกคนทำได้ เช่นตัดกนัง ทาสีทั่วไป แต่ nails artist จะทำงานต่างออกไปเพราะเป็นการ createผลงานของตัวเองที่ใช้กระบวนการการสร้างสรรค์ แล้วต้องคิดหลายขั้นตอนกว่าจะออกมาเป็นงานบนเล็บ เหมือนกับเป็น small canvas แต่เราเอามาทำบนเล็บ”
คุณ วรัญญา เพชรคง หรือมะปราง ศิลปินทำเล็บในนครเมลเบิร์น
คุณมะปรางเปิดเผยว่าเธออยากสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพศิลปินทำเล็บให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่าอาชีพนี้อาศัยทักษะและกระบวนความคิดสร้างสรรค์กว่าจะได้หนึ่งชิ้นงานอกมา ดังนั้นราคาค่าตอบแทนจึงต่างจากการเป็นช่างทำเล็บทั่วไป
เรื่องนี้ค่อนข้าง sensitive และมีความคิดอยากเปลี่ยนวงการทำเล็บ เพราะราคาค่าตอบแทนมันจะต่างกัน ถ้าเราไปร้าน express salonทั่วไปราคาจะไม่แพงมากประมาณ 30-40 ดอลลาร์แต่พอเป็นงานอาร์ตราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 100-200 ดอลลาร์ขึ้นไป บางคนจะไม่เข้าใจตรงนี้ว่าทำไมต้องแพง คือเราใช้กระบวนการฝึกฝนมายาวนาน มีทักษะต่างๆ ซึ่งมันต้องแพงกว่าอยู่แล้ว
เวลาที่ใช้ทำเล็บในแต่ละประเภทก็แตกต่างกันด้วย ซึ่งคุณปรางชี้ว่างาน nails art จะใช้ความละเอียดและใส่ใจกับทุกขั้นตอน มีโครงสร้างของการทำเล็บไม่เหมือนกัน และจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของงาน
“ถ้าทำเล็บก็ประมาณ ชั่วโมงครึ่งแต่ถ้าอาร์ตด้วยก็ 2-3 ชั่วโมง ถ้าเป็นรายละเอียดลึกๆ เลยอาจมี 4 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นร้าน expressก็จะครึ่งชั่วโมงเสร็จ แต่งานและความละเอียดไม่เหมือนกัน คุณภาพงานก็ไม่เหมือนกันด้วย ถ้าละเอียดมากๆ โครงสร้างของงานหรือทรงของเล็บจะดูออกเลยว่างานไม่เหมือนกัน”
การทำเล็บกับศิลปินทำเล็บใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของงาน
คุณปรางเล่าว่าการมาทำอาชีพนี้ในออสเตรเลียได้เจอผู้คนและลูกค้าหลากหลาย และมีความชอบและรสนิยมต่างกันไปด้วย เธอจึงต้องอาศัยการพูดคุยเพื่อหาความชอบและรู้จักตัวตนของลูกค้า
เพื่อที่จะได้รู้จักรสนิยมของลูกค้าแต่ละคน แล้วจึงจะสร้างสรรค์ผลงานบนเล็บให้ออกมาถูกใจลูกค้าแต่ละคนได้
“อยู่ที่นี่ลูกค้าหลากหลายมาก แล้วทุกคนมีความชอบไม่เหมือนกันเลย เราต้องทำความคุ้นเคยกับเค้าก่อน คุยไปจนถึงกิจกรรมที่เค้าทำเพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราจะใช้ผลิตภัณฑ์ชิ้นไหน”
ความฝันในอนาคตในวงการศิลปินทำเล็บ
คุณปรางเล่าว่าเธอได้ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก จนตอนนี้มีทักษะระดับสูงพอที่จะแบ่งปันความรู้และสอนผู้อื่นได้ เธอตั้งปณิธานว่าเธออยากแบ่งปันความรู้นี้ให้กับเด็กไทยที่มาอยู่ออสเตรเลียและรักในงานศิลปะทำเล็บเพื่อที่ได้สามารถสอนให้พวกเขาทำงานที่มีคุณภาพและสามารถสร้างอาชีพและรายได้ให้กับตวเอง
“ความต้องการของหนูคืออยากให้ความรู้คนอื่น เด็กไทยหลายๆคนที่มาที่นี่ เค้าไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไร เค้าว่าทำร้านไทยดีก็ไปทำ ก็เหมือนกับหนูสมัยก่อน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ถ้าเค้าชอบงานศิลปะ ชอบการทำเล็บ หนูไม่อยากให้เค้าไปทำในร้าน salon express ที่ทำไปวันๆ หนูอยากสอนให้เค้ารู้ทุกอย่าง ทุกทักษะที่มีคุณภาพสูงจริงๆ แล้วน้องๆ สามารถเอาไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้”
ลูกค้าหลากหลายและมีความชอบต่างกัน ต้องคุยกับลูกค้าให้เข้าใจถึงความต้องการของบุคคลนั้นๆ
มุมมองเด็กรุ่นใหม่กับอาชีพที่หลากหลาย
คุณมะปรางเผยว่าก่อนที่เธอจะได้รับการยอมรับในอาชีพนี้ เธอก็เคยผ่านการที่ครอบครัวไม่สนับสนุนและไม่มั่นใจว่าอาชีพนี้จะมั่นคงหรือไม่ คุณปรางชี้ว่าเธอรู้สึกว่าถ้าไม่ว่าใครที่มีฝันแล้วรู้ว่าตนเองต้องการอะไร ถ้าไม่ย่อท้อและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายไว้ คุณจะมีความสุขกับทางที่เลือกเดิน
“ ตอนที่หนูบอกว่าหนูจะเป็น nails artist ที่บ้านงงมากว่าทำไมต้องมาทำงานนี้ เค้าบอกว่าถ้าเกิดอยากมาทำงานอะไรแบบนี้ รู้งี้ไม่ส่งเรียนดีกว่า หนูมองว่าทุกคนถ้ามีฝัน รู้ว่าตนเองชอบทำอะไร อย่าไปฟังพลังด้านลบจากคนอื่น เรารักตัวเราเองก่อน จริงจังกับมัน ทำให้เต็มที่ ให้รู้เลยว่าทำได้หรือทำไม่ได้”
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจ
ช่างต่อขนตา อาชีพใหม่รายได้ดี