จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในออสเตรเลียเริ่มซาลงแล้ว และล็อกดาวน์และข้อจำกัดต่างๆ ถูกยกเลิกไป บรรดานักชอปจึงกำลังหวนกลับไปยังห้างสรรพสินค้าต่างๆ อีกครั้งทั่วประเทศออสเตรเลีย
แต่ผู้บริโภคกำลังกลับไปสู่สภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย นั่นคือ การซื้อของออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างมาก
กด ▶ เพื่อฟังรายงาน
กดฟังรายงาน
การออนไลน์ชอปปิงเฟื่องฟู แต่พนักงานในอุตสาหกรรมขายปลีกรู้สึกกดดันจากความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในงาน
SBS Thai
02/09/202206:58
คุณอลัน ออสเตอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ของธนาคาร เนชันแนล ออสเตรเลีย แบงค์ กล่าวเรื่องนี้ว่า
“หากคุณดูที่สหรัฐ การชอปปิงออนไลน์เพิ่มขึ้นราว 15 เปอร์เซ็นต์ และในออสเตรเลียก็ราว 12 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นผมจึงคาดว่าในระยะยาวออนไลน์จะเป็นกลไกทางเลือกที่มีศักยภาพดีในเชิงพาณิชย์มากขึ้นๆ สำหรับให้ผู้คนได้ซื้อสินค้า” คุณออสเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์ กล่าว
READ MORE
แม้จะโลว์เทคแต่กล้าขายผ่านไลฟ์สด
แต่ขณะที่เทคโนโลยีกำลังทำให้ชีวิตง่ายขึ้นสำหรับนักชอป แต่พนักงานร้านขายปลีกอาจไม่รู้สึกเช่นเดียวกัน
จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยออสเตรเลียน เนชันแนล ยูนิเวอร์ซิตี (เอเอ็นยู) และมหาวิทยาลัยซิดนีย์ พบว่า พนักงานส่วนหนึ่งรู้สึกกดดันจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี
พนักงานที่ทำงานในร้านขายสินค้าและในศูนย์จัดส่งสินค้ากำลังต้องใช้เทคโนโลยีใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ และจากผลของการศึกษาวิจัยพบว่า พนักงานเหล่านั้น 74 เปอร์เซ็นต์ต้องการได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติม
คุณ เอเรียด์น วโรเมน จากเอเอ็นยู กล่าวว่า นั่นเป็นเพราะนี่เป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิดทั่วโลก
"จริงๆ แล้วไม่จำเป็นว่ามาจากการขาดการฝึกอบรม แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด เนื่องจากทุกอย่างไปสู่ออนไลน์อย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ของวิธีที่พวกเราซึ่งเป็นลูกค้าซื้อสินค้า และในแง่ของวิธีการกระจายสินค้าด้วย ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั่วทั้งหมด''
เทคโนโลยีเหล่านั้นบางเกี่ยวข้องกับการรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า การดำเนินการตามคำสั่งซื้อและส่งจัดสินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในพื้นที่ชอปปิงออนไลน์
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงยังเกิดขึ้นกับเทคโนโลยีที่ใช้ภายในอุตสาหกรรมภาคการค้าปลีก และวิธีการบริหารจัดการพนักงาน
กว่า 1 ใน 3 ของพนักงานในอุตสาหกรรมค้าปลีกรู้สึกว่า เทคโนโลยี เช่น กล้องวงจรปิด กำลังถูกใช้เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของพวกเขาอย่างไม่จำเป็น ในขณะที่เกือบครึ่งหนึ่งกล่าวว่าความคิดเห็นของลูกค้าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่พวกเขาถูกประเมินผลการทำงาน
นอกจากนี้ พนักงานที่มีภูมิหลังไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นหลักยังรายงานว่า พวกเขารู้สึกว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะถูกบีบให้เปลี่ยนตำแหน่ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
คุณ เอเรียด์น วโรเมน จากเอเอ็นยู กล่าวว่า บางคนที่ร่วมการสำรวจยังกังวลว่า เทคโนโลยีอาจทำให้พวกเขาต้องตกงาน
"และเราพบว่าผู้คนกังวลมากขึ้นว่าจะมีการจ้างแรงงานที่ถูกกว่ามาแทนที่พวกเขา และเมื่อพวกเขาก็เป็นพนักงานแคชชวลอยู่แล้วและตำแหน่งงานก็ไม่มั่นคง พวกเขารู้สึกวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงนั้นอย่างมาก มากกว่าที่พวกเขารู้สึกเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการไม่มีทักษะทางเทคโนโลยีที่ทันกับความเปลี่ยนแปลงในงานของพวกเขา" คุณวโรแมน กล่าว
แต่เธอย้ำว่า พนักงานค้าปลีกไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป
เธอกล่าวว่าการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ในช่วงโควิดหมายถึง มีงานในประเภทที่แตกต่างออกไปที่ต้องทำ ซึ่งไม่จำเป็นส่งผลให้มีตำแหน่งงานน้อยลงเสมอไป
"การบริการลูกค้ายังคงต้องเกิดขึ้นแม้ทางออนไลน์ ดังนั้นเราจึงเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเกี่ยวกับงานด้านลูกค้าที่พบซึ่งๆ หน้า แต่เป็นการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าออนไลน์ การให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การขายผลิตภัณฑ์ และการขยายตลาดเหล่านั้น" คุณวโรแมน กล่าว
ด้านคุณอลัน ออสเตอร์ กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ที่ภาคอุตสาหกรรมนี้ต้องทำ
เขาบอกว่าภาคอุตสาหกรรมการค้าปลีกต้องปรับตัว เนื่องจากการชอปปิงออนไลน์กำลังกลายเป็นหนทางแห่งอนาคต
"แน่นอนว่าถ้าคุณกำลังพูดถึงในอีก 5-10 ปีข้างหน้า คุณจะเห็นว่าออนไลน์มีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น มันสะดวกและบางคนก็ชอบแบบนั้น และขณะที่บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ที่คุณไม่ค่อยมีเวลา ถ้าร้านซูเปอร์มาร์เก็ตถูกก่อตั้งให้มีบริการจัดส่งของชำให้คุณ นั่นจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่าที่จะซื้อของ" คุณออสเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์ กล่าว
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่